รายการวิทยุ เรื่อง มะกอกโอลีฟ : พืชที่น่าจับตามอง/ศรปราชญ์ ธไนศวรรยางค์กูร

บทวิทยุ รายการ  “จากแฟ้มงานวิจัย มก.”

ออกอากาศวันเสาร์ ที่4 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558

เรื่อง  มะกอกโอลีฟ : พืชที่น่าจับตามอง

บทวิทยุโดย  วิทวัส ยุทธโกศา

 

……………………………………………………………………

-เพลงประจำรายการ-

 

สวัสดีครับคุณผู้ฟังทุกท่านครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่รายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.” ซึ่งออกอากาศเป็นประจำทุกวันเสาร์ ทางสถานีวิทยุ มก. แห่งนี้ครับ รายการนี้ผลิตโดยฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่ง มก. เป็นรายการที่นำเสนอผลงานวิจัยของอาจารย์และนักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งในด้านการเกษตร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแขนงต่างๆ  มานำเสนอให้คุณผู้ฟังได้ทราบ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณผู้ฟังในการนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันหรือกับอาชีพของตนเอง โดยมีกระผมวิทวัส ยุทธโกศา และดิฉันมณฑา ปานทิม รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ    วันนี้เสนอเรื่อง “มะกอกโอลีฟ : พืชที่น่าจับตามอง” ครับ

วิทวัส: คุณผู้ฟังครับ ปัจจุบันเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ได้เจริญก้าวหน้าไปอย่างมาก มีการศึกษาค้นคว้าในเรื่องต่างๆ มากมาย เพื่อเป็นการช่วยเหลือให้มนุษย์มีอายุที่ยืนยาวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นวัคซีนที่ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ที่ในอดีตแพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งรวมไปถึงการวิเคราะห์หาสารอาหารในพืชชนิดต่างๆ ให้เราได้ทราบถึงคุณประโยชน์ และนำมารับประทานให้ได้คุณประโยชน์สูงสุด  นับว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจกันทั่วโลกนะครับ เพราะประชาชนเริ่มตระหนักแล้วว่าอาหารที่เรารับประทานอยู่ในปัจจุบันนั้น ล้วนแล้วแต่มีสารพิษปะปนอยู่ทั้งสิ้น ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบของสารปนเปื้อนที่มาจากการใช้น้ำมันทอดอาหารหลายครั้ง สารเร่งเนื้อแดงในเนื้อสัตว์ หรือการใช้ยาฆ่าแมลงในพืชผักต่างๆ และที่น่าเป็นห่วงอย่างมากๆ ในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นสารเมลามีนใช่มั้ยล่ะครับ เชื่อว่าคุณผู้ฟังหลายท่านเวลาที่ไปเดินหาซื้อของบริโภค คงจะกังวลใจนิดๆ ว่า นมยี่ห้อนี้ หรือขนมยี่ห้อนี้ มีสารเมลามีนปนเปื้อนอยู่หรือเปล่า แต่คุณผู้ฟังไม่ต้องกังวลใจนะครับ เพราะตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขก็ได้ควบคุมอาหารเหล่านี้ไม่ให้มีเมลามีนเกินมาตรฐาน อีกทั้งยังมีการตีกลับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่ได้ตรวจพบสารเมลามีนที่เป็นอันตรายแล้วครับ ก็ทำให้เราได้หายกังวลกันไปเปลาะหนึ่งแล้วนะครับ

มณฑา: ด้วยเหตุผลเหล่านี้ค่ะ ทำให้ประชาชนหันมาบริโภคอาหารสุขภาพหรือที่เรียกว่า อาหารชีวจิต ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย และการที่ประเทศไทยอยู่ในภูมิประเทศที่อำนวยความสะดวกให้พืชพรรณธัญญาหารเติบโต ได้อย่างดีและมีคุณภาพ บวกกับความก้าวหน้าทางการวิจัยและพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งในด้านของการทดลองปลูกพืชที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศ ให้สามารถปลูกได้ในประเทศไทย ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรามีอาหารที่หลากหลาย และอาหารเหล่านั้นก็เป็นยาที่ช่วยป้องกันจากโรคภัยต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

มีพืชชนิดหนึ่งที่อยากจะแนะนำคุณผู้ฟังให้รู้จักกันค่ะ นั่นก็คือ มะกอกโอลีฟ มะกอกโอลีฟจัดเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประเทศไทยมีแนวโน้มการนำเข้าน้ำมันมะกอกโอลีฟและผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากมะกอกโอลีฟมากขึ้นทุกปี คุณผู้ฟังทราบมั้ยคะว่า เหตุใดน้ำมันมะกอกโอลีฟจึงเป็นที่สนใจของคนรักสุขภาพ เรารับประทานน้ำมันมะกอกโอลีฟเพื่อรักษาโรคใดบ้าง มะกอกโอลีฟมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร มีถิ่นกำเนิดและพบได้ในแหล่งใด และในปัจจุบันประเทศไทยมีการปลูกมะกอกโอลีฟเป็นพืชอุตสาหกรรมกันบ้างหรือไม่ หากคุณผู้ฟังอยากทราบรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้มากยิ่งขึ้น ช่วงหน้าเรามาฟังกันค่ะ

 

-เพลงคั่นรายการ-

 

วิทวัส: คุณผู้ฟังครับ กระผมจะมาพูดกันก่อนในความรู้เบื้องต้นของมะกอกโอลีฟกันนะครับ มะกอกโอลีฟเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ลำต้นอาจสูงถึง 20 เมตร ใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามกัน รูปใบหอก ขนาดประมาณ 2 x 6 เซนติเมตร  ปลายใบแหลมหรือมนแคบ มีติ่งเล็กๆ รูปลิ่ม ขอบเรียบ ก้านใบสั้น ผิวด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ผิวใบด้านล่างสีเทา ดอกเป็นช่อแยกแขนงออกที่ซอกใบ ดอกฝอยมีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและดอกไม่สมบูรณ์เพศ ก้านดอกยาว กลีบเลี้ยง 4  กลีบ โคนเชื่อมติดกัน ดอกมีสีขาวหรือสีครีม มีเกสรตัวผู้ขนาดใหญ่ติดที่กลีบดอก ก้านเกสรเพศเมียตรง สั้นและหนา ยอดเกสรเพศเมียค่อนข้างใหญ่  ผลสดมีเนื้อ รูปร่างกลมรี ยาว 1-4 เซนติเมตร กว้าง 0.6-2 เซนติเมตร สีผลมีสีต่างๆ เช่น สีเขียว สีแดง สีม่วงหรือสีดำ มีเมล็ดแข็ง ผลมะกอกโอลีฟมีเมล็ดที่เป็นเมล็ดเดี่ยว มีรูปทรงค่อนข้างกลม ส่วนขนาดของผลขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ผล ประกอบด้วยส่วนของเปลือกชั้นนอก ซึ่งสีจะเปลี่ยนเมื่อผลสุก เนื้อมะกอกโอลีฟเป็นส่วนที่มีปริมาณน้ำมันมากที่สุด  ส่วนเมล็ดในเป็นเมล็ดที่แข็ง ลักษณะยาวและมีตุ่มอยู่ตรงส่วนบนของเมล็ดห่อหุ้ม

มะกอกโอลีฟมีถิ่นฐานเดิมซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ประเทศในแถบบอลข่าน ที่ราบสูงในอิหร่าน ปาเลสไตน์ จนถึงแถบชายฝั่งของซีเรีย ต่อมาได้กระจายมาถึง ประเทศในหมู่เกาะแถบเมดิเตอร์เรเนียนไปจนถึงอียิปต์ จนกระทั่งกระจายไปทั่วบริเวณลุ่มแม่น้ำที่ติดกับชายฝั่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และจากการค้นพบทวีปอเมริกา การปลูกมะกอกโอลีฟจึงได้แพร่ออกไปสู่โลกใหม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันได้มีการปลูกในแถบอเมริกาใต้  จีน  ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ซึ่งจะเป็นพื้นที่ที่สภาพภูมิอากาศมีลักษณะเด่นคือเป็นฤดูร้อนที่ร้อนและแห้งครับ

คุณผู้ฟังครับ มะกอกโอลีฟเป็นพืชอาหารที่สำคัญและมีคุณค่าพืชหนึ่งในเขตเมดิเตอร์เรเนียนมาตั้งแต่อดีต ส่วนต่างๆของมะกอกสามารถนำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย เช่น ผล เป็นส่วนสำคัญที่สุด ใช้ประกอบอาหารและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งน้ำมันมะกอกถือว่าเป็นน้ำมันที่ทางการแพทย์แนะนำให้บริโภคเพื่อสุขภาพที่ดี เนื่องจากมีไขมันที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพสูงกว่าน้ำมันที่ผลิตจากพืชอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถนำน้ำมันมะกอกโอลีฟมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตสบู่และน้ำมันนวด ส่วนใบมะกอกใช้ในการปรุงอาหารและใช้บำบัดรักษาทางการแพทย์ ในขณะที่ส่วนของกิ่งก้านและลำต้นนำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์แกะสลักและเฟอร์นิเจอร์ อีกสักครู่เรามาฟังเหตุผลกันค่ะว่า ทำไมเราจึงควรรับประทานน้ำมันมะกอกโอลีฟกันครับ ช่วงหน้าพบกับคุณมณฑา มาฟังกันว่ามะกอกโอลีฟมีคุณประโยชน์อะไรบ้างครับ

 

 

-เพลงคั่นรายการ-

 

มณฑา: คุณผู้ฟังคะ น้ำมันมะกอกโอลีฟจัดเป็นน้ำมันที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารไซโคลอาร์เทนอล(cycloarthanol) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการจับตัวกับโคเลสเตอรอลในวงจรการดูดซึมทำให้โคเลสเตอรอลไม่ซึมเข้าสู่กระแสโลหิต นอกจากนี้ น้ำมันมะกอกโอลีฟยังช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลที่ไม่เป็นประโยชน์ และช่วยเพิ่มปริมาณโคเลสเตอรอลที่เป็นประโยชน์ จึงช่วยลดไขมันในเส้นเลือดและสามารถลดอัตราการเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ การรับประทานน้ำมันมะกอกโอลีฟ ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงและช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของสมอง นอกจากนี้ น้ำมันมะกอกโอลีฟมีคุณสมบัติทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 180 องศาเซลเซียสโดยไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ก่อให้เกิดสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ น้ำมันมะกอกโอลีฟจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ประกอบอาหาร

คุณผู้ฟังคะ การที่เรารับประทานน้ำมันมะกอกนั้น นับว่ามีประโยชน์ต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ค่ะ เพราะน้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันชนิดที่ทนทานต่อกระเพาะได้มากที่สุด มีผลในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และอาการอักเสบที่กระเพาะและลำไส้ตอนต้น ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติในเชิงป้องกันโรค  และหากรับประทานน้ำมันมะกอกสัก 2 ช้อนโต๊ะ ในตอนเช้าตอนกระเพาะว่าง จะเป็นผลดีสำหรับคนที่เป็นโรคท้องผูกเรื้อรัง น้ำมันมะกอกยังช่วยในการป้องกันการเกิดโรคนิ่วน้ำดีได้ดีอีกด้วยค่ะ

เป็นที่ทราบกันดีนะคะว่า มนุษย์เราเมื่อก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุแล้วนั้น ภูมิต้านทานของโรคเริ่มลดลง จึงทำให้เกิดโรคต่างๆได้ง่าย ดังนั้นการรับประทานน้ำมันมะกอกโอลีฟจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุได้ดีทีเดียวค่ะ ซึ่งน้ำมันมะกอกโอลีฟมีประโยชน์ต่อผู้สูงอายุในเรื่องของการสร้างเนื้อกระดูก ป้องกันกระดูกผุกร่อน มีประสิทธิภาพในการย่อยอาหาร ตลอดจนการดูดซึมสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามินและเกลือแร่ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นยาระบายอ่อนๆ อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด ซึ่งเป็นโรคที่เป็นกันมากที่สุดในประเทศอุตสาหกรรม เป็นต้นเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้ สาเหตุของโรคนอกจากจะเกิดจากกรรมพันธุ์แล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เป็นต้นเหตุให้อาการของโรครุนแรงขึ้น เช่น การสูบบุหรี่ ความดันเลือดสูง และคอเลสเตอรอลสูง และก็ยังมีปัจจัยเสริมในเรื่องของ อายุ เพศ โดยเฉพาะเพศชาย  ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคเกาท์ และมีร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งในการนำน้ำมันมะกอกมาบริโภคนั้น อาจรับประทานโดยการนำไปปรุงอาหาร โดยการทอดให้ท่วมน้ำมัน หรือยิ่งถ้ารับประทานในรูปของน้ำมันโดยตรงก็จะได้ทั้งวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระได้ครบถ้วนที่สุด แต่ถึงกระนั้นการรักษาโรคและการป้องกันโรคประเภทนี้มีความจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาค่ะ ฉะนั้นเราจึงควรรับประทานน้ำมันมะกอกโอลีฟเสียแต่ตั้งแต่ตอนที่เรายังมีอายุน้อยๆ มากกว่าที่เราจะรอให้มีอายุมากแล้วจึงค่อยรับประทานกันนะคะ

 

 

-เพลงคั่นรายการ-

 

 

ดังที่คุณมณฑาได้กล่าวมาแล้วนะครับว่า น้ำมันมะกอกโอลีฟมีประโยชน์ในด้านของการป้องกันโรคต่างๆ เนื่องจากในน้ำมันมะกอกโอลีฟนั้นอุดมไปด้วยวิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ สารต้านอนุมูลอิสระนี้มีคุณประโยชน์อย่างมากต่อระบบที่สำคัญต่าง ๆ ในร่างกายทั้ง 5 ระบบได้แก่ ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกัน กลุ่มเซลล์ประสาทที่ทำงานเฉพาะในสมอง การต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ และประโยชน์ที่เป็นที่ถูกใจของสาวๆนั้นก็คือสามารถชะลอความชราได้ครับ เพราะสารนี้จะเป็นตัวสร้างเซลล์ใหม่และซ่อมแซมเซลล์เก่าให้มีความสมดุล ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ดี ซึ่งปัจจุบัน น้ำมันมะกอกโอลีฟ ถือว่าเป็นส่วนผสมที่สำคัญของเครื่องสำอางหลายยี่ห้อที่มีสรรพคุณในการช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยของสาวๆ ครับ ฉะนั้นน้ำมันมะกอกโอลีฟจึงขึ้นชื่อในหมู่ของผู้ที่รักสุขภาพครับ

คุณผู้ฟังครับ ถึงแม้ว่าน้ำมันมะกอกโอลีฟกำลังได้รับความนิยมในการนำมาบริโภคและใช้ในวงการเครื่องสำอางในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ราคาของน้ำมันมะกอกโอลีฟนั้นก็ยังถือว่ามีราคาแพง เนื่องจากประเทศไทยยังไม่สามารถที่ผลิตมะกอกโอลีฟเป็นพืชอุตสาหกรรมได้ครับ แต่การศึกษาวิจัยนี้ก็ยังคงกระทำกันอย่างต่อเนื่อง  ในปี พ.ศ.2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานแนวพระราชดำริให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกมะกอกเพื่อการผลิตน้ำมันขึ้น โดย ผศ.ศรปราชญ์ ธไนศวรรยางค์กูร จากภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการศึกษาวิจัยโครงการนิเวศวิทยา การเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของมะกอกโอลีฟในเขตร้อนชื้น เป็นโครงการย่อยในชุดโครงการวิจัยเพื่อการพัฒนาการผลิตและการใช้ประโยชน์มะกอกโอลีฟและมะกอกของไทย

จากการศึกษาพบว่าพันธุ์มะกอกโอลีฟที่นำเข้ามาปลูกทดสอบภายใต้สภาพแวดล้อมของประเทศไทยมีความแตกต่างกันทั้งในด้านสถาปัตยลักษณ์พืช หรือลักษณะเรือนพุ่ม ลักษณะภายนอกและโครงสร้างภายในของใบและกิ่ง องค์ประกอบทางพฤกษเคมี การมีเกล็ดรูปโล่ปกคลุมบนกิ่งและใบ การมีความหนาของชั้นไขมัน ซึ่งลักษณะต่างๆ ดังกล่าวอาจมีส่วนช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากต้นและอาจสัมพันธ์กับความสามารถในการทนแล้งที่ต่างกันของมะกอกโอลีฟแต่ละพันธุ์ นอกจากนี้ ความหนาของชั้นที่มีปริมาณคลอโรฟิลล์อยู่แตกต่างกัน อาจสัมพันธ์กับความสามารถและประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสงที่แตกต่างกันด้วย

คุณผู้ฟังครับ มะกอกโอลีฟที่ทำการทดลองปลูกในประเทศไทยมีลักษณะเรือนพุ่มที่มีใบหนาแน่น เมื่อตัดแต่งเรือนพุ่มให้โปร่งจึงช่วยให้การกระจายการรับแสงในเรือนพุ่มดีขึ้น จากการศึกษาความสามารถในการสังเคราะห์แสงพบว่าต้นมะกอกโอลีฟสามารถสังเคราะห์แสงได้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเรือนพุ่มรอบนอก ประกอบกับใบของมะกอกโอลีฟแสดงการบิดหมุนใบตามการเปลี่ยนแปลงทิศทางของดวงอาทิตย์  จึงอาจเป็นกลไกหนึ่งของมะกอกโอลีฟที่พยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของไทย ช่วงหน้าพบกับคุณมณฑาครับ

 

 

เพลงคั่นรายการ-

 

คุณผู้ฟังคะ มะกอกโอลีฟจึงยังเป็นพืชใหม่ที่ต้องมีการสร้างองค์ความรู้ในทุกด้านและทุกสาขาอย่างละเอียดและต่อเนื่อง การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมะกอกโอลีฟจึงต้องเป็นโครงการวิจัยระยะยาวและต้องอาศัยความร่วมมือด้านต่างๆ อย่างจริงจัง ซึ่งหากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ในอนาคตให้แก่เกษตรกร ก็จำเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบและปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบทุกด้านไปพร้อมกัน ก่อนจะพัฒนาไปสู่การผลิตทั้งในระดับครัวเรือนและระดับอุตสาหกรรมในอนาคต

จากการศึกษาสังเกตการออกดอกและการติดผลของมะกอกโอลีฟที่ปลูกในประเทศไทย พบว่าเริ่มมีการออกดอกและติดผลแล้วแต่ดอกและผลได้หลุดร่วงไปในเวลาต่อมา ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาสรีรวิทยาและพัฒนาการของผลอย่างใกล้ชิดต่อไป อย่างไรก็ตามเมื่อศึกษาผลจากต้น มะกอกโอลีฟต่างประเทศที่พัฒนาขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมของประเทศไทย พบว่าผลมะกอกโอลีฟสามารถเจริญเติบโตอย่างปกติเช่นเดียวกับในต่างประเทศ ทั้งในด้านความยาวและเส้นผ่าศูนย์กลางของผล โดยมีอัตราการเจริญแตกต่างกันแล้วแต่พันธุ์ อย่างไรก็ตาม พันธุ์มะกอกโอลีฟที่นำเข้ามาศึกษาทดสอบยังมีอยู่น้อย จึงควรมีการนำพันธุกรรมที่แตกต่างกันมาปลูกศึกษาทดสอบให้มากยิ่งขึ้นในแหล่งปลูกต่างๆ เพื่อให้มีข้อมูลที่ถูกต้อง และชัดเจนก่อนนำไปสู่การวิเคราะห์ความเป็นไปได้อย่างแท้จริงในการปลูกมะกอกโอลีฟในประเทศไทย และในภูมิภาคเขตร้อนชื้น

คุณผู้ฟังคะ เราคงต้องให้กำลังใจกับนักวิจัยกันต่อไปนะคะ เพื่อให้คนไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเกี่ยวกับการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพค่ะ และหากการวิจัยประสบความสำเร็จแล้ว ก็จะเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

 

ท้ายรายการนี้หากคุณผู้ฟังท่านใดสนใจที่จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจะติชมรายการ ท่านสามารถเขียนจดหมายหรือไปรษณียบัตร ส่งมาได้ที่ “รายการจากแฟ้มงานวิจัย มก. ตู้ ปณ. 1077 ปณฝ.เกษตรศาสตร์ กทม. 10903” หรือโทรสอบถามได้ที่ 02-561-1474 ค่ะ ดิฉันหวังว่า สาระในวันนี้คงเป็นประโยชน์ต่อคุณผู้ฟังในได้บ้างนะคะ  สุดท้ายก่อนจบรายการ ดิฉันขอฝากไว้ประโยคหนึ่งค่ะว่า ไม่มีพลังใดที่ยิ่งใหญ่ เท่ากับพลังแห่งความสามัคคีของคนไทยนะคะ สำหรับวันนี้รายการจากแฟ้มงานวิจัย มก. ได้หมดเวลาลงแล้ว พบกันใหม่สัปดาห์หน้ากับดิฉัน มณฑา ปานทิม และกระผม วิทวัส ยุทธโกศา สวัสดีครับ

 

 

……………………………………………………………………………………………………………