โคเงินล้านที่เกิดจากเงินหมื่น
การดำเนินงานต่างๆในระยะแรก ตั้งแต่สถานีวิจัยทับกวาง ใช้เงินออป.(เงินอุดหนุนจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้) และเงินรายได้ภาควิชาสัตวบาล ช่วงต่อมาจึงตั้งงบประมาณไว้กับสถานีฝึกนิสิตกำแพงแสน และยังได้รับความช่วยเหลืออีกส่วนจากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ ซึ่งศาสตราจารย์ดร.จรัญ จันทลักขณา บันทึกไว้ว่า “โคกำแพงแสนเป็นโคเงินล้าน ที่เกิดจากเงินหมื่น เพราะเมื่อเริ่มโครงการส-น 1.18 ในช่วงแรก โครงการได้รับงบประมาณวิจัยเพียงปีละ สามหมื่นบาทบ้าง ห้าหมื่นบาทบ้าง จากงบอุดหนุนวิจัยที่ได้จากสถาบันวิจัยและพัฒนาแห่ง มก.” แนวทางดำเนินงานของโครงการฯ จึงต้องหาแนวร่วมในการทำงาน เพราะการทำงานโดยลำพังยากที่จะบรรลุเป้าหมายได้
พ.ศ.2534 ก่อตั้งสมาคมโคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน อ.ปรารถนา พฤกษะศรี ได้แนวคิดจากที่ได้อ่านประวัติ และกระบวนการสร้างโคพันธุ์เดราท์มาสเตอร์ ในประเทศออสเตรเลีย และพันธุ์แบรงกัส ในประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้ทราบถึงความเป็นมาที่ยากเย็นและยาวนาน โดยเห็นว่าความสำเร็จเกิดจากกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ร่วมกันก่อตั้งสมาคมประจำพันธุ์นั้นๆ แล้วสมาคมจะกำหนดลักษณะโคในอุดมคติที่ต้องการขึ้นมา เรียกว่า standard of excellence ของโคนั้นๆ แล้วตั้งสมุดจดทะเบียน(herd book) ของสมาคมขึ้นมา โคในทำเนียบของสมาคมจึงล้วนมีลักษณะดี และยังมีการจัดทำระบบระดับการพัฒนา (development D1-D5) โคตัวไหนอยู่ระดับ D5 จึงจะถือว่าเป็นพันธุ์แท้ จึงจับประเด็นได้ว่า ต้องมีสมาคมเป็นผู้ดำเนินการต่างๆอย่างจริงจังต่อเนื่อง การสร้างพันธุ์จึงจะสำเร็จ จึงเห็นพ้องกันก่อตั้งสมาคมโคเนื้อพันธุ์กำแพงแสนขึ้น ในวันที่ 8 สิงหาคม 2534 ในชื่อว่า สมาคมโคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน พร้อมขอเชิญให้คุณสุนทร นิคมรัตน์ เจ้าของฟาร์มชวนชื่น แนวร่วมของโครงการฯมาแต่เริ่มแรก เป็นนายกสมาคมฯคนแรก มีการตั้ง standard of excellence ของโคกำแพงแสนขึ้น โคที่มีลักษณะตามกำหนด จะได้รับการจดทะเบียนและเรียกว่าโคพันธุ์กำแพงแสน รวมทั้งมีการจัดทำระบบการพัฒนา (D) เช่นที่มีการปฏิบัติตามแบบสากล จากนั้นสมาคมฯ ร่วมมือกับโครงการฯ ได้ขยายงานปรับปรุงพันธุ์ออกไปสู่ฟาร์มเอกชนในหลายๆ จังหวัดทั่วประเทศ
พ.ศ.2534 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประกาศจัดตั้งสถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจเพื่อการค้นคว้าและพัฒนาปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2534 โดยมีศาสตราจารย์ ดร.จรัญ จันทลักขณา เป็นผู้อำนวยการคนแรก และได้โอนสถานีวิจัยกำแพงแสน จากสังกัดสถาบันวิจัยและพัฒนาฯ รวมทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนากระบือ และโคที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2527 มาสังกัดสถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจฯ
พ.ศ. 2536 ก่อตั้งสหกรณ์โคเนื้อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จำกัด มีดร.ชัยณรงค์ คันธพนิต เป็นประธานสหกรณ์คนแรก
สืบเนื่องจากเมื่อลูกโคของสมาชิกออกมามากขึ้น ลูกโคตัวผู้ มีเพียงจำนวนน้อยที่เก็บไว้เป็นพ่อพันธุ์ ส่วนที่เหลือต้องทำโคขุนเพื่อขายเนื้อ สมาชิกจึงร่วมกันก่อตั้งสหกรณ์เพื่อดำเนินการเรื่องการตลาด การส่งเสริมธุรกิจจำหน่ายเนื้อโคขุนพันธุ์กำแพงแสนไปยังศูนย์การค้า ภัตตาคารต่างๆ
พ.ศ. 2537 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงานโคเนื้อแห่งชาติ ครั้งที่ 4 ที่ศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติ วิทยาเขตกำแพงแสน สมาชิกของสมาคม มีโอกาสได้ทูลเกล้าฯ ถวายโคพันธุ์กำแพงแสน รวม 7 ตัว
พ.ศ. 2538 พ่อพันธุ์โคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน เบอร์ K 11-36/241 ชื่อ ขุนแผน ชนะการประกวดโคเนื้อ ได้รับรางวัลสุดยอดโคเนื้อของประเทศไทย (Super Grand Champion) ในงานแสดงเกษตรและอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 Thailand ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 4 พฤศจิกายน- 16 ธันวาคม 2538 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
ขุนแผน พ่อพันธุ์โคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน เบอร์ K 11-36/241
สุดยอดโคเนื้อแห่งปี ในงานWORD TECH 95 Thailand
พ.ศ. 2538 พ่อพันธุ์โคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน เบอร์ K 11-36/241 ชื่อ ขุนแผน ชนะการประกวดโคเนื้อ ได้รับรางวัลสุดยอดโคเนื้อของประเทศไทย (Super Grand Champion) ในงานแสดงเกษตรและอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 Thailand ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 4 พฤศจิกายน- 16 ธันวาคม 2538 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
การประกวดโคเนื้อในงานนี้ จัดขึ้นโดยกรมปศุสัตว์ และความร่วมมือของหน่วยงาน สมาคมต่างๆ เป็นการประกวดในระบบสากล กรรมการตัดสินเป็นผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมผู้บำรุงพันธุ์โคบราห์มัน สมาคมโคพันธุ์ซิมเมนทอลแห่งสหรัฐอเมริกา โคที่นำมาประกวดมีอยู่ 4 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นที่นิยมของเกษตรกรไทย คือ 1) พันธุ์บราห์มัน 2) พันธุ์ลูกผสมโคเมืองร้อน(ลูกผสมบราห์มัน หรือลูกผสมฮินดูบราซิล) 3) พันธุ์เดราท์มาสเตอร์ และ 4) พันธุ์กำแพงแสน วิธีการคือทำการประกวดกันเองในแต่ละพันธุ์ จนกระทั่งได้โคที่ดีที่สุด เรียกตำแหน่งนี้ว่า โคยอดเยี่ยม (Grand Champion) ของพันธุ์นั้นๆ เมื่อได้โคยอดเยี่ยม1ตัวของแต่ละพันธุ์แล้ว ก็นำโคยอดเยี่ยมแต่ละพันธุ์เหล่านั้นมาประกวดกันอีกครั้ง เพื่อหาโคที่เป็นสุดยอดโคเนื้อแห่งปี( Super Grand Champion) ผลปรากฏว่า ขุนแผน โคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน เบอร์ K 11-36/241 สามารถคว้าตำแหน่งสูงสุดนี้ได้ นับแต่นั้น โคพันธุ์กำแพงแสนก็โด่งดังไปทั่ว