รายการวิทยุ เรื่อง เลี้ยงผึ้งเพื่อการประกอบอาชีพ
บทวิทยุ รายการ “ จากแฟ้มงานวิจัย มก.”
ออกอากาศวันเสาร์ ที่28 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
เรื่อง เลี้ยงผึ้งเพื่อการประกอบอาชีพ
บทวิทยุโดย วิทวัส ยุทธโกศา
………………………………………………..
-เพลงประจำรายการ-
สวัสดีครับ คุณผู้ฟังทุกท่าน วันนี้มาพบกับรายการ “ จากแฟ้มงานวิจัย มก.” ทางวิทยุ มก. แห่งนี้เป็นประจำทุกวันเสาร์ รายการนี้ผลิตโดย ฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีกระผมวิทวัส ยุทธโกศา เป็นผู้ดำเนินรายการครับ และสำหรับในวันนี้กระผมขอเสนอ เรื่อง “ คุณภาพน้ำกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ”
ผึ้งในสกุล “เอพิส” ซึ่งเป็นภมรที่เก็บสะสมน้ำหวานปริมาณค่อนข้างมากในรัง มีอยู่ทั้งหมด 4 ชนิด ผึ้ง 3 ชนิดแรกได้แก่ ผึ้งมิ้ม ผึ้งหลวงและผึ้งโพรง ซึ่งเป็นผึ้งพื้นเมืองในแถบเอเซียตอนใต้ ส่วนผึ้งชนิดที่ 4 คือ ผึ้งพันธุ์เป็นผึ้งพื้นเมืองของทวีปยุโรปและแอฟริกา ซึ่งมักนิยมนำไปเลี้ยงเป็นการค้าทั่วไปครับ
เรามาทำความรู้จักกับผึ้งชนิดแรกกันนะครับนั่นคือ “ผึ้งมิ้ม” เป็นผึ้งที่สร้างรังประกอบด้วยรวงเพียงรวงเดียว รูปทรงกลมหรือรี ขนาดรังไม่ใหญ่นักประมาณเส้นผ่าศูนย์กลางรวงส่วนใหญ่ไม่เกิน 20 เซนติเมตร ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วผึ้งมิ้มเป็นผึ้งที่มนุษย์ไม่สามารถนำมาให้สร้างรวงในภาชนะหรือในหีบเลี้ยงที่ต้องการได้ มีลักษณะสำคัญของการที่ผึ้งมิ้มจะต้องสร้างรวงในที่โล่ง บวกกับผลผลิตน้ำผึ้งแต่ละรวงมีน้อย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่เกิน 400 กรัมจึงทำให้ผึ้งมิ้มไม่ถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งนั่นเองครับ
คุณผู้ฟังครับ ผึ้งอีกชนิดหนึ่งก็ คือ “ผึ้งหลวง” คงจะได้ยินชื่อกันบ่อยๆนะครับ เป็นผึ้งพื้นเมืองอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ทางคาบสมุทรอินเดียและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ผึ้งหลวงมีลักษณะของการมีชีวิตคล้ายคลึงกับผึ้งมิ้มครับ นั่นคือจะสร้างรังประกอบด้วยรวงเพียงรวงเดียวห้อยจากกิ่งไม้ หน้าผาหรือจากชายคาบ้าน รวงของผึ้งหลวงมีขนาดใหญ่บางครั้งกว้างเกินกว่า 1 เมตร ซึ่งผิดกับรวงของผึ้งมิ้มที่มีขนาดเล็ก ดังนั้นผึ้งหลวงจึงเป็นผึ้งอีกชนิดที่เราไม่สามารถนำมาเลี้ยงในภาชนะ หรือในอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งได้
ผึ้งชนิดที่ 3 นั่นคือ “ผึ้งโพรง” เป็นผึ้งที่มีแนวทางของวิวัฒนาการที่แตกต่างไปจากผึ้งมึ้มและผึ้งหลวงโดยที่ผึ้งชนิดนี้ในธรรมชาติจะทำรังด้วยการสร้างรวงซ้อนกันเป็นหลืบ ๆ อยู่ในโพรงไม้หรือโพรงหิน ที่มีทางเข้าออกค่อนข้างเล็กแต่ภายในมีที่กว้างพอให้ผึ้งสร้างรวงได้ รังของผึ้งโพรงรังหนึ่ง ๆ มีขนาดรังไม่ใหญ่มากนัก ผึ้งโพรงเป็นผึ้งที่เก็บสะสมน้ำผึ้งไว้ในรังในปริมาณไม่มากนักประมาณ 2 – 10 กิโลกรัมหรือน้อยกว่า ผึ้งโพรงเป็นผึ้งที่มีอัตราการแยกรังค่อนข้างบ่อยครั้ง และมีพฤติกรรมที่มักจะทิ้งรังไปหาที่อยู่ใหม่ถ้าในบริเวณตำแหน่งที่ตั้งของรังเดิมมีสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อาหารขาดแคลน มีโรคหรือศัตรูรบกวน
ด้วยสาเหตุที่ผึ้งโพรงให้ผลผลิตน้ำผึ้งต่อรังค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับผึ้งพันธุ์ ประกอบกับมีพฤติกรรมในการแยกรังและทิ้งรังในอัตราที่สูงมาก จึงทำให้หลายๆ ประเทศในเอเซีย เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และบางส่วนของอินเดียและปากีสถาน ได้เปลี่ยนรูปแบบของอุตสาหกรรมผึ้งด้วยการหันไปเลี้ยงผึ้งพันธุ์แทน ซึ่งโดยทั่วไปจะให้ผลผลิตสูงกว่า และจัดการดูแลเอาใจใส่ได้ง่ายกว่าผึ้งโพรง
และผึ้งชนิดสุดท้ายที่จะพูดถึง คือ “ผึ้งพันธุ์” เป็นผึ้งพื้นเมืองของทวีปยุโรปและแอฟริกา ซึ่งมีพฤติกรรมในการทำรังเช่นเดียวกับผึ้งโพรงของเอเซีย คือ ทำรังเป็นรวงซ้อนกันเป็นหลืบๆ อยู่ภายในโพรงไม้ตามธรรมชาติ ผึ้งพันธุ์ที่ถูกนำไปจากยุโรปไปเลี้ยงอย่างประสบความสำเร็จมีคุณลักษณะที่เด่น คือผึ้งชนิดนี้จะสร้างรังในที่มืด สามารถนำไปเลี้ยงในภาชนะได้ จำนวนประชากรในรังผึ้งค่อนข้างมากในรังผึ้งพันธุ์แต่ละรัง ปกติประมาณ 20,000 – 50,000 ตัว มีพฤติกรรมในการสะสมอาหารจึงสามารถเก็บอาหารได้ในปริมาณมากและมีพฤติกรรมไม่ทิ้งรัง
-เพลงคั่นรายการ-
คุณผู้ฟังครับ การที่จะทำการเลี้ยงผึ้งให้ประสบผลสำเร็จนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เลี้ยงผึ้งจะต้องรู้จักคุ้นเคยกับข้อมูลที่เกี่ยวกับชีวิตของผึ้งวรรณะต่างๆ ตลอดจนพฤติกรรมและหน้าที่ของผึ้งแต่ละวรรณะภายในสังคม อีกทั้งต้องเข้าใจเรื่องราวของวงจรชีวิตสังคมและปรากฎการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในรังผึ้ง
จากการศึกษาสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมผึ้งพบว่ารังผึ้งรังหนึ่งๆ หรือสังคมหนึ่ง ๆ จะประกอบด้วย ผึ้งแม่รัง ผึ้งงาน และผึ้งตัวผู้ ซึ่งผึ้งแต่ละประเภทได้แบ่งหน้าที่กันไป ผึ้งแม่รังหรือผึ้งนางพญามีหน้าที่วางไข่ ควบคุมสังคมให้อยู่ในสภาพสมดุลย์ด้วยการผลิตสารเคมีแล้วปล่อยออกไปทั่วบรรยากาศภายในรังผึ้งและผสมพันธุ์
ผึ้งงานจะมีหน้าที่สร้างและซ่อมแซมรวง ตลอดจนทำความสะอาดรัง หาอาหาร ซึ่งได้แก่ เกสรและน้ำหวาน ตลอดถึงการสะสมอาหารและถนอมอาหาร เก็บหาวัสดุอื่น เพื่อใช้ในสังคมยามจำเป็น ได้แก่ น้ำและยางไม้ ป้อนอาหารให้ผึ้งแม่รัง ผึ้งตัวผู้และตัวอ่อนผึ้ง ป้องกันรัง ถ่ายทอดสารเคมี ที่ได้จากผึ้งแม่รังให้กระจายทั่วรัง ควบคุมอุณหภูมิภายในรังและควบคุมอัตราการวางไข่ของผึ้งแม่รัง ส่วนผึ้งตัวผู้มีหน้าที่ผสมพันธุ์กับผึ้งแม่รังที่มาจากรังอื่นกลางอากาศครับ
-เพลงคั่นรายการ-
คุณผู้ฟังครับ ปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงในการเลือกสถานที่สำหรับเลี้ยงผึ้งนั้น ก็แบ่งออกเป็น เรื่องของชนิดและปริมาณของพืชอาหารในท้องที่ คือ ผึ้งงานจะบินไปดูดน้ำหวานจากต่อมน้ำหวานของดอกไม้หลากหลายชนิดในบริเวณใกล้เคียง แล้วนำกลับมาสู่รังเพื่อบ่มให้เข้มข้นขึ้นจนกลายเป็นน้ำผึ้งที่เราเห็นนั่นเองครับ ซึ่งก็คือ อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรทที่ให้พลังงานต่อผึ้งและน้ำตาล เพื่อเสริมสร้างพลังงาน สำหรับเกสรดอกไม้นั้นเป็นหน่วยที่พืชใช้ในการสืบพันธุ์จึงอุดมไปด้วยกรดอมิโน โปรตีน ไขมัน มีแร่ธาตุและวิตามินเป็นส่วนประกอบครับ ส่วนเกสรดอกไม้เป็นอาหารที่มีความจำเป็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าน้ำหวานหรือน้ำผึ้ง เพราะรังผึ้งจำเป็นต้องได้รับโปรตีน เพื่อเลี้ยงดูประชากรภายในรังให้มีผึ้งใหม่มาทดแทนสมาชิกเก่าที่ตายไปแล้วนั่นเองครับ
ดังนั้นบริเวณที่เลี้ยงที่ดีๆนั้น จะต้องเป็นแหล่งที่มีทั้งน้ำหวานและเกสรอย่างเพียงพอเพื่อความอยู่ดีของรังผึ้ง และเพื่อที่ผึ้งจะได้เก็บสะสมไว้ในรังในปริมาณมากเกินพอในพื้นที่ ซึ่งมีดอกไม้ที่เป็นอาหารของผึ้งออกดอกปริมาณหนาแน่นต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ภายในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน พื้นที่นั้นๆก็จะเหมาะกับการเลี้ยงผึ้งมากกว่าบริเวณที่มีพืชออกดอกกระจัดกระจายโดยมีจำนวนดอกน้อยในพื้นที่ภายในช่วงเวลาหนึ่งๆ นั่นคือ มีปริมาณอาหารอยู่อย่างไม่หนาแน่นอุดมสมบูรณ์ ทำให้ผึ้งต้องเสียพลังงานในการเก็บอาหารแต่ละเที่ยวบินมากกว่าครับ
เรามาฟัง ลักษณะของพื้นที่ที่คนเลี้ยงผึ้งต้องการมากที่สุด นั่นคือจะต้องมีพืชอาหารออกดอกหนาแน่น และบานสะพรั่งติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งส่วนใหญ่อาณาบริเวณเลี้ยงผึ้งที่ดีของโลกนั้นมักจะมีช่วงเวลาที่พืชอาหารผึ้งออกดอกหนาแน่นเป็นบางฤดูกาลเท่านั้น โดยทั่วไปจะประมาณ 3 – 4 เดือน ซึ่งระยะเวลาเพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะเก็บผลผลิตน้ำผึ้งจากรังผึ้งได้ ทั้งนี้เพราะผึ้งพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันนั้นจะมีประสิทธิภาพสูงและมีการสะสมอาหารไว้ภายในรังผึ้งอย่างมากเกินพอ
-เพลงคั่นรายการ-
คุณผู้ฟังครับสำหรับเรื่องแหล่งและชนิดของพืชอาหารผึ้ง คนเลี้ยงผึ้งจะต้องมีความรอบรู้เกี่ยวกับพืชพรรณไม้ในท้องถิ่นที่ตนกำหนดเป็นที่ตั้งรังผึ้ง และปัจจัยต่าง ๆ ที่ควรคำนึงถึงแบ่งออกได้เป็นหัวข้อ ๆ ดังนี้ ชนิดของพรรณไม้ที่ให้น้ำหวานและเกสร รวมถึงระยะเวลาและปัจจัยที่ควบคุมการออกดอกและการบานของไม้แต่ละชนิด ความหนาแน่นของดอกไม้ต่อพื้นที่ที่จะเกี่ยวข้องถึงประสิทธิภาพในการบินเก็บอาหารของผึ้งงาน จำนวนผึ้งและรังผึ้งในบริเวณแหล่งอาหาร ควรจะประเมินสภาพการว่าในอาณาบริเวณรอบ ๆ ลานเลี้ยงผึ้งแต่ละแห่ง มีปริมาณอาหารที่เพียงพอสำหรับรังผึ้งกี่รังเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการสูงสุด ระยะห่างระหว่างลานเลี้ยงผึ้งระหว่างคนเลี้ยงผึ้งต่างเจ้าของกัน
ในเรื่องของสภาพภูมิประเทศ ก็นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงผึ้งเช่นกัน เพราะว่าตำแหน่งที่ตั้งรังผึ้งหรือที่เรียกว่า “ลานเลี้ยงผึ้ง” นั้น นอกจากจะอยู่ในบริเวณหรืออยู่ใกล้บริเวณแหล่งอาหารแล้ว สภาพทำเลที่ตั้งควรจะเป็นลานโล่งแห้ง สภาพพื้นผิวดินเรียบไม่อับชื้น ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์อย่างเพียงพอโดยเฉพาะในตอนเช้ามืดและตอนเย็น บริเวณรอบ ๆ ลานเลี้ยงผึ้งควรมีไม้ใหญ่ขึ้นเพื่อเป็นแนวป้องกันลม และเป็นแนวบังคับให้ผึ้งที่บินออกจากรังบินตรงขึ้นสูงเหนือยอดไม้ก่อนจึงจะมุ่งไปยังแหล่งอาหาร เป็นการลดและป้องกันปัญหาผึ้งบินเตี้ย ๆ ซึ่งอาจบินไปชนและต่อยคนในอาณาบริเวณข้างเคียง ร่มเงาจากต้นไม้จะช่วยลดรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน ลานเลี้ยงผึ้งควรเป็นสถานที่ลับตาคนและไม่อยู่ใกล้ชุมชนจนเกินไปจนผึ้งไปก่อนความรำคาญในชุมชนเขตนั้น นอกจากนั้นควรจะอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำจืดสะอาดที่ผึ้งจะบินไปขนน้ำมาใช้ในวันที่มีอากาศร้อน
และที่ต้องคำนึงถึงอีกประการหนึ่งก็ คือ เรื่องของศัตรูในธรรมชาติ ซึ่งบริเวณลานเลี้ยงผึ้งควรจะเป็นแหล่งที่ปลอดภัยจากศัตรูธรรมชาติที่จะเข้ารบกวนทำอันตรายรังผึ้ง ศัตรูธรรมชาติที่ควรระมัดระวังไม่ให้เข้าไปรบกวนรังผึ้งหรือกินผึ้ง จนประชากรลดน้อยหรืออ่อนแอลงและทำลายรังผึ้งทั้งรัง นับตั้งแต่แมลงด้วยกันเอง เช่น มด ต่อ แตน สัตว์เลื้อยคลานประเภทตุ๊กแก จิ้งจก จิ้งเหลน กิ้งก่า สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ได้แก่ กบ คางคก นอกจากนี้แล้วยังมีนก เหยี่ยว สัตว์เลือดอุ่น นับตั้งแต่กระแต ลิง จนถึงขนาดใหญ่ คือ หมี
ศัตรูเหล่านี้จะกินตัวเต็มวัย ตัวอ่อน น้ำผึ้งและรวงผึ้งเป็นอาหาร ซึ่งบางชนิดอาจทำลายผึ้งได้ทั้งรังบางชนิดทำให้จำนวนประชากรในรังลดน้อยลงจึงจำเป็นที่จะต้องดูแลผึ้งให้ปลอดภัยจากสัตว์เหล่านี้เป็นพิเศษ
-เพลงคั่นรายการ-
คุณผู้ฟังครับสำหรับวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลี้ยงผึ้งนั้น ควรเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพดี ในต่างประเทศนั้นนิยมใช้ไม้สนทำหีบเลี้ยงผึ้ง ซึ่งมีคุณสมบัติคือ น้ำหนักเบา แต่คนเลี้ยงผึ้งในภาคเหนือของประเทศไทย และพม่านิยมใช้ไม้สักทำหีบเลี้ยงเพราะมีความคงทนถาวรและไม่ปิดตัว ภายหลังก็มีบริษัทผลิตวัสดุอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงผึ้งบางราย พยายามใช้พลาสติกเหนียวแทนไม้แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมจากคนเลี้ยงผึ้งมืออาชีพ เพราะว่ารังผึ้งต้องวางอยู่กลางแจ้งตลอดเวลา ได้รับความร้อน ความเย็น แสงแดดและความชื้น ขณะที่ไม้มีคุณสมบัติเป็นฉนวน สามารถยืดหยุ่นรับแรงกระแทกได้ดีพอสมควร ซึ่งพลาสติกที่ทิ้งไว้กลางแจ้งนาน ๆ มักจะเปราะกว่าไม้ อีกทั้งไม่มีคุณสมบัติในการดูดซับไอน้ำที่เกิดจากการหายใจของผึ้งในรัง ไอน้ำก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำเกาะอยู่ภายในรัง จึงทำให้รังผึ้งพลาสติกชื้นกว่ารังที่ทำด้วยไม้ซึ่งไม่เป็นผลดีกับผึ้ง
ส่วนชุดหีบเลี้ยงผึ้งนั้นจะประกอบด้วย ฐานรัง หีบมาตรฐานสำหรับวางตัวอ่อน แผ่นตะแกรงกันผึ้งแม่รัง หีบสำหรับรวงน้ำผึ้ง แผ่นฝาชั้นใน ฝาครอบนอกและคอนหรือกรอบรวง นอกจากนี้แล้วสิ่งที่จำเป็น สำหรับการเลี้ยงผึ้งได้แก่ ชุดอุปกรณ์เก็บและสกัดน้ำผึ้งจากรวง ซึ่งชนิดและรูปแบบของอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บและสกัดน้ำผึ้งจากรวงนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของงานและความประสงค์ของคนเลี้ยงผึ้ง ซึ่งก็มีตั้งแต่อุปกรณ์ธรรมดาที่อาจหยิบฉวยหรือดัดแปลงจากสิ่งของที่มีอยู่ในครัวเรือน โดยใช้แรงคนล้วน ๆ หรืออุปกรณ์เฉพาะอย่างกึ่งอัตโนมัติหรือแบบอัตโนมัติที่ใช้แรงจากเครื่องยนต์หรือกระแสไฟฟ้าในการเดินเครื่อง
คุณผู้ฟังครับ การเก็บน้ำผึ้งจากรังผึ้งนั้น ลำพังคนเลี้ยงผึ้งที่มีผึ้งอยู่เพียงไม่กี่สิบรังก็อาจใช้อุปกรณ์ที่ง่าย ๆ ได้แก่ แปลงปัดตัวผึ้งออกจากรวงน้ำผึ้ง ซึ่งควรจะมีเส้นขนแปลงยาวประมาณ 2.5 – 3 นิ้ว และอ่อนนุ่มพอสมควรที่จะไม่ทำให้ผึ้งชอกซ้ำ วิธีใช้ก็คือ คนเลี้ยงผึ้งเปิดสำรวจรังผึ้งดูว่ารวงไหนพร้อมที่จะเก็บได้ โดยสังเกตจากที่ผึ้งงานใช้ไขผึ้งปิดฝาหลอดรวงน้ำผึ้งเต็มทั้งคอน ก็แสดงว่าน้ำผึ้งนั้นบ่มจนได้ที่แล้ว ใช้แปลงปัดตัวผึ้งที่เกาะอยู่นบรวงออกเบาๆ แล้วรีบน้ำรวงเหล่านั้นเก็บไว้ในหีบที่มีฝาปิดมิดชิด ป้องกันไม่ให้ผึ้งมุดเข้าไปกินน้ำผึ้ง
ในกรณีที่คนเลี้ยงผึ้งมีรังผึ้งจำนวนมากและอยากที่จะทุ่นแรงงานและเวลา ก็อาจใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ที่อำนวยความสะดวกในการเก็บได้แก่ ใช้สารเคมีเบนซาลดีไฮด์หรือบิวทีริคแอนไฮโณทาลงบนแผ่นผ้า ที่ขึงอยู่ระหว่างกรอบไม้วางซ้อนเหนือหีบบนสุดของรังผึ้ง พร้อมกับเอาฝารังครอบลงอีกชั้นหนึ่ง เมื่อฝารังซึ่งมีสังกะสีเคลือบผิวอยู่ได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ ไอของสารเคมีก็จะระเหยลงสู่ภายในหีบ ขับไล่ให้ผึ้งลงมารวมกลุ่มกันอยู่ข้างล่าง คนเลี้ยงผึ้งก็สามารถยกหีบบนที่มีแต่รวงน้ำผึ้งไปทั้งหีบได้
อีกวิธีหนึ่งที่ใช้ได้ผลดี คือใช้แผ่นกระดานที่มีประตูกลสอดเข้าไปคั่นระหว่างหีบน้ำผึ้งกับตัวอ่อนในช่วงที่พร้อมจะเก็บน้ำผึ้งได้แล้ว ประตูกลจะอำนวยให้ผึ้งงานที่ติดอยู่ในหีบน้ำผึ้งมุดออกจากหีบบนไปสู่หีบล่างที่เป็นที่อยู่ตัวอ่อน แต่ไม่สามารถมุดจากหีบข้างล่างขึ้นสู่หีบน้ำผึ้งได้ เมื่อเวลาผ่านไป 1 – 2 วัน หีบบนที่เป็นหีบน้ำผึ้งก็จะไม่มีตัวผึ้งหลงเหลืออยู่ คนเลี้ยงผึ้งสามารถยกไปทั้งหีบได้โดยสะดวก
สำหรับการใช้เครื่องมือไฟฟ้า หรือเครื่องยนต์ในการเก็บน้ำผึ้งจากรัง ก็ได้แก่ การใช้เครื่องเป่า ซึ่งอาจดัดแปลงจากเครื่องดูดฝุ่นที่สลับทิศทางลมเข้าออก หรือซื้อเครื่องเป่าผึ้งต่างหาก หรือซื้อเครื่องยนต์ขนาดเล็กดัดแปลงเสริมใบพัดและท่อให้มีลมพุ่งออกจากท่อ หลักการก็คือยกหีบน้ำผึ้งออกจากรัง แล้วใช้เครื่องเป่าให้ตัวผึ้งที่เกาะติดอยู่กับรวงผึ้งในหีบหลุดกระเด็นไปกลางอากาศ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผึ้งและส่วนใหญ่จะกลับสู่รังได้โดยปลอดภัย เมื่อเป่าผึ้งออกจากหีบน้ำผึ้งแล้วก็พร้อมที่จะโยกย้ายหีบที่มีรวงน้ำผึ้งอยู่เต็มไปได้
คุณผู้ฟังครับ เวลาของรายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.” ในวันนี้ก็หมดเวลาลงแล้ว พบกับรายการนี้ได้ใหม่ในสัปดาห์หน้า ทางสถานีวิทยุ มก. แห่งนี้ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ