รายการวิทยุ เรื่อง “การใช้ประโยชน์จากผักตบชวา”/ชาติชาย ยมะคุปต์

[youtube]https://www.youtube.com/watch?v=dYAKHAja4II[/youtube]

บทวิทยุ รายการ “ จากแฟ้มงานวิจัย  มก. ”

ออกอากาศวันเสาร์ที่ 18  ที่  เดือน ตุลาคม  พ.ศ. 2557

เรื่อง การใช้ประโยชน์จากผักตบชวา

บทวิทยุโดย  วิทวัส ยุทธโกศา

-เพลงประจำรายการ-

………………………………………………………………………………………………….

 

สวัสดีครับ คุณผู้ฟัง พบกับรายการ  “ จากแฟ้มงานวิจัย  มก. ”  ทางวิทยุ มก. แห่งนี้เป็นประจำทุกวันเสาร์ รายการนี้ผลิตโดย  ฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย  สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  และสำหรับวันนี้ขอเสนอ เรื่อง  “ การใช้ประโยชน์จากผักตบชวา”  ครับ                 

คุณผู้ฟังครับ เมื่อพูดถึงผักตบชวาคุณผู้ฟังคงจะรู้ถึงอันตรายของมันพอสมควรนะครับเพราะถ้าหากเราไม่มีการกำจัดและป้องกันอย่างดีแล้วผักตบชวาอาจจะส่งผลร้ายต่อเราอย่างมากที่เดียวโดยเฉพาะเกษตรกรที่ยังต้องอาศัยน้ำในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตกันอยู่  ผักตบชวาก็ยังมีประโยช์อย่างมากถ้าหากมนุษย์เรารู้จักนำมันมาใช้อย่างถูกวิธี

คุณผู้ฟังครับ ก่อนที่เราจะได้รู้ถึงวิธีการนำเอาผักตบชวาไปใช้ให้เกิดประโยชน์นั้น  เราลองมาพูดถึงวิธีการกำจัดผักตบชวาก่อนนะครับ  วิธีการกำจัดผักตบชวามีด้วยกันหลายวิธี  เช่น  การกำจัดด้วยสารเคมีวัชพืช   วิธีนี้เป็นที่นิยมมากในประเทศที่พัฒนาแล้ว   เพราะเป็นวิธีที่ง่าย  ประหยัด   รวดเร็ว  และมีประสิทธิภาพมากที่สุด   แต่การใช้สารเคมีอาจทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์  สัตว์  และสิ่งแวดล้อม เช่น อาจจะทำให้เกิดการขาดออกซิเจนในน้ำทำให้ปลาและสัตว์น้ำอื่น ๆ  ตายได้ ทั้ง ๆ ที่สารเคมีไม่ได้เป็นพิษต่อชีวิตสัตว์น้ำเลย ก่อนใช้จึงควรศึกษาปัญหาที่แท้จริง  และผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม  ตลอดจนประสิทธิภาพของสารเคมีกำจัดวัชพืช  อัตราการใช้วิธีการผสม   วิธีการฉีดพ่น   ความคงทนของสารเคมีตลอดจนความเป็นพิษต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม   ควรพิจารณาในด้านค่าใช้จ่าย    เพราะต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ     ดังนั้น จึงควรอบรมผู้ทีมีหน้าที่กำจัดผักตบชวา

การกำจัดผักตบชวา  โดยการใช้แรงงานคน  ได้แก่  การใช้แรงงานคนหรือสัตว์  ดึง ผักตบชวาขึ้นจากลำน้ำไปทำลาย  เป็นวิธีที่ประหยัด  ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ เครื่องจักรและเชื้อเพลิง  แต่อาจจะไม่เหมาะสมในกรณีที่จำเป็นเร่งด่วน เพราะวิธีนี้ต้องใช้เวลานานครับ

การกำจัดโดยการใช้เครื่องจักรกล   อาจใช้เครื่องจักรกลง่าย ๆ  ราคาถูก  ทำงานร่วมกับวิธีแรก  จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้เป็นอย่างมาก    แต่การใช้เครื่องจักรกลที่ราคาแพงจะให้ผลไม่คุ้มค่า

การกำจัดโดยวิธีชีววิธี    โดยการใช้สิ่งมีชีวิต  เช่น  แมลง หรือโรคพืช  การกำจัดวัชพืชโดยวิธีนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก    แต่วิธีนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาวิจัยและในปัจจุบันยังไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดค้นพบวิธีการกำจัดผักตบชวาโดยชีววิธีที่ได้ผลแต่อย่างใด  ซึ่งสิ่งที่มีชีวิตที่ช่วยควบคุมปริมาณของผักตบชวาคือ ปลาเฉาฮื้อแม้ว่าจะกินผักตบชวาบ้างแต่ส่วนมากจะกินวัชพืชใต้น้ำมากกว่าอีกสักครู่ เราจะมารู้จักกับผักตบชวากันต่อ 

-เพลงคั่นรายการ-

คุณผู้ฟังครับ ผักตบชวานั้นเป็นวัชพืชน้ำที่ทำให้เกิดปัญหามากมาย  การกำจัดทำได้ยาก  แต่ถ้าเราพิจารณาอีกแง่มุมหนึ่งเราก็จะพบว่าผักตบชวานั้นก็มีประโยชน์เหมือนกัน  ส่วนดีของผักตบชวานั้นก็ คือ ช่วยทำให้น้ำสะอาดขึ้น โดยผักตบชวาที่อยู่ในน้ำค่อยดูดธาตุอาหารจากสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ที่อยู่ในน้ำ  จากสิ่งสกปรกต่างๆ  ซึ่งผักตบชวานั้นจะมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม   ในการดำรงอยู่ในน้ำที่มีธาตุอาหารมาก  และเปลี่ยนธาตุอาหารเหล่านี้เป็นโครงสร้างของมันอย่างรวดเร็ว   จึงช่วยลดการสูญเสียธาตุอาหาร น้ำก็จะมีสิ่งสกปรกน้อยลง และสามารถนำกลับมาใช้แล้วใช้อีกได้    นอกจากนั้นเรายังนำผักตบชวาที่ได้กำจัด แล้วกลับมาใช้เป็นประโยชน์ต่อไป    ผักตบชวามีคุณสมบัติช่วยสะสมพลังงานจากดวงอาทิตย์ เพราะมันมีโครงสร้างที่เหมาะสม   อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำและอาหารบริบูรณ์     พลังงานที่ผักตบชวาสะสมไว้ในโครงสร้างของมันถ้าสามารถหาวิธีนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์จะคุ้มค่าอย่างมากครับ ยิ่งไปกว่านั้นผักตบชวายังมีประโยชน์ในการช่วยให้อากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย   เพราะผักตบชวาก็เหมือนพืชทั่วไปที่จะคายออกซิเจน   ซึ่งเป็นผลผลิตของการสังเคราะห์แสง  และช่วยลดอุณหภูมิของอากาศจากการคายน้ำ    ช่วยลดปัญหาที่เกิดจากวัชพืชใต้น้ำ   และช่วยลดปริมาณของวัชพืชใต้น้ำได้เป็นอย่างมาก   เพราะผักตบชวาลอยอยู่เหนือน้ำจึงบังแสงแดด    และดูดธาตุอาหารส่วนใหญ่ไปช่วยลดโลหะหนักด้วย นอกจากนี้ผักตบชวายังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาและสัตว์น้ำ เพราะสภาพใต้แพผักตบชวาเหมาะสำหรับการดำรงชีวิตของปลาและสัตว์อื่น ๆ     ช่วยทำให้เกิดทัศนียภาพที่เจริญตา  แม้ว่าผักตบจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนในการสัญจรไปมาทางน้ำ  แต่ถ้าแหล่งน้ำที่ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์แล้ว  เมื่อได้สีเขียวจากผักตบชวาก็จะทำให้ได้ทัศนียภาพที่สวยงามได้เช่นกัน อีกสักครู่เราจะพูดถึงการนำผักตบชวามาใช้ประโยชน์กัน 

-เพลงคั่นรายการ-

คุณผู้ฟังครับ นอกจากผักตบชวาจะทำให้น้ำใสสะอาดโดยการดูดสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในน้ำออก ช่วยกำจัดสาหร่ายและแบคทีเรียที่อยู่ในน้ำโสโครก   ช่วยลดปริมาณของสารที่แขวนลอยอยู่ในน้ำ   และช่วยขจัดกลิ่นต่าง ๆ  ให้หมดไปจากแหล่งน้ำ เราสามารถนำผักตบชวามาใช้ประโยชน์ด้วยวิธีการต่าง ๆ  หลายวิธีด้วยกัน  เช่น  ใช้เป็นอาหารสัตว์   โดยปกติการปศุสัตว์หลายชนิดก็ใช้ผักตบชวาเป็นอาหารอยู่แล้ว   ปัจจุบันมีการนำผักตบชวาไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์    โดยการบดเอาน้ำออกและอบให้แห้ง   แล้วอัดเป็นเมล็ดแบบเดียวกับมันสำปะหลัง   เม็ดผักตบชวาแห้งมีโปรตีน  11.15  %  ซึ่งสูงพอสมควร และนอกจากนั้นผักตบชวา ยังใช้ทำปุ๋ยได้เนื่องจาก  ผักตบชวามีธาตุโปรแตชเซียมอยู่มากเป็นพิเศษ ส่วนธาตุไนโตเจนและฟอสฟอรัสก็มีพอสมควร และขึ้นอยู่กับสภาพของน้ำที่มันขึ้นอยู่    เราสามารถนำผักตบชวาไปทำเป็นปุ๋ยได้   3  วิธีด้วยกันคือ

  1. ปล่อยให้แห้งแล้วเผาเพื่อเก็บขี้เถ้า ซึ่งจะมีโปแตชเซียมอยู่สูงถึง  20  %  
  2. ทำเป็นปุ๋ยหมักโดยกองสลับชั้นกับดินซึ่งจะเน่าเปี่อยเป็นปุ๋ยหมัก    ใช้ได้ภายใน  2  เดือน  
  3. ทำวัสดุคลุมดิน   โดยการนำผักตบชวาไปคลุมพืชปลูก    เพื่อรักษาความชื้นไว้นอกจากนั้นผักตบชวาที่ตากแดดจนแห้งดีแล้วยัง    สามารถนำมาเพาะเห็ดฟางได้ดีอีกด้วย

โดยใช้ผักตบชวาแห้ง  1  ส่วน กับฟางข้าว  1  ส่วน ก็สามารถจะเพาะเห็ดฟางได้แล้ว     ก้านใบผักตบชวาสามารถนำมาใช้ทำเครื่องถักสานได้ดี  เช่น   กระบุง  ตะกร้า   กระเป๋า  ซึ่งจะทำให้เกิดรายได้เลี้ยงครอบครัวและยังเป็นการกำจัดผักตบชวาไปได้ในตัว    

                             ผักตบชวายังมีพลังงานสะสมอยู่ในรูปของสารอินทรีย์ที่มี ธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบจึงนำไปผลิตก๊าซหุงต้มได้

                  คุณผู้ฟังครับ นอกจากประโยชน์จากผักตบชวาที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น  ผักตบชวายังมีประโยชน์อีกหลายด้าน และหากเราสามารถที่จะคิดค้น ดัดแปลงผักตบชวาให้สามารถนำไปใช้ได้แล้ว ก็สามารถจะทำรายได้ให้เราได้   เช่น  ก้านใบผักตบชวามีเยื่อที่สามารถนำมาทำเยื่อกระดาษได้ ซึ่งมีวิธีการทำดังนี้  การเตรียมวัตถุดิบ    นำเอาต้นผักตบชวามาตัดส่วนใบ และส่วนรากทิ้ง เหลือไว้แค่ลำต้นนำไปล้างน้ำและตากแดดให้แห้ง การต้มเยื่อ นำต้นผักตบชวาที่ตากแดดให้แห้งไป  ชั่งหาน้ำหนักเพื่อคำนวนจำนวนน้ำ  ต่อโซดาไฟที่จะใช้ในการต้ม     โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผักตบชวา   8 – 10  เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักผักตบชวาแห้ง   โดยต้มน้ำให้เดือดก่อนแล้วจึงใส่โซดาไฟลงไป   แล้วค่อยใส่ผักตบชวาลงไป จะใช้เวลาในการต้มประมาณ  2 ชั่วโมง จะได้ผักตบชวาที่เปื่อยยุ่ย        การเตรียมเยื่อ   นำเยื่อผักตบชวาที่เปื่อยยุ่ยดีแล้วไปล้างน้ำให้สะอาด     แล้วไปใส่เครื่องตีเยื่อหรือใช้ครกตำจนเป็นเยื่อ   กรองด้วยตะแกรงมุ้งลวดชนิดตาถี่     ล้างเอาน้ำดำออกอีกที    จะได้เยื่อกระดาษที่มีสีดำคล้ำ   ก่อนที่จะทำเป็นแผ่นจะต้องนำไปฟอกกับแคลเซียมไฮโปคลอไรด์     ในอัตราส่วนความเข้มข้นของน้ำยา  10  กรัม / ลิตร   โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณ  2 – 3  ชั่วโมง    โดยตากแดดไว้  จากนั้นนำเยื่อไปล้างน้ำให้หมดกลิ่น และจะได้เยื่อชนิดเส้นใยสั้น   การทำแผ่นกระดาษ  นำเยื่อชนิดเส้นยาว  เช่น  เยื่อจากปอสาผสมลงไปด้วยในอัตราส่วน  20  เปอร์เซ็นต์ของเยื่อผักตบชวา   ผสมกันในเครื่องตีเยื่อ   และช้อนด้วยตะแกรงช้อนแผ่นกระดาษขอบทำด้วยไม้กรุด้วยไม้กรุด้วยตาข่ายไนล่อนชนิดตาถี่ แล้วนำไปตาก  ก็จะได้แผ่นกระดาษที่มีความสวยงาม และเป็นธรรมชาตินำไปใช้ประโยชน์และนำไปประดิษฐ์เป็นของใช้หรือของขวัญได้  

               อีกสักครู่ เราจะมาพูดถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผักตบชวากันครับ 

-เพลงคั่นรายการ-

คุณผู้ฟังครับ อาจารย์ชาติชาย  ยมะคุปต์ และคณะ จากภาควิชาวิศวกรรมชลประทาน  คณะวิศวกรรมศาสตร์   มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์จากผักตบชวาในรูปบรรจุภัณฑ์  โดยเล็งเห็นว่า  ผักตบชวาที่เกิดขึ้นตามลำคลองหนองบึง  โดยทั่วไปสร้างความรำคาญและเป็นวัชพืชที่เจริญงอกงามและขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว   เป็นอุปสรรคในการคมนาคมทางน้ำ   หากสามารถนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ก็จะสามารถกำจัดวัชพืชทางน้ำได้อีกวิธีหนึ่ง

คณะผู้วิจัยได้พยายามนำผักตบชวามาทำเป็นบรรจุภัณฑ์   เพื่อใช้ทดแทนบรรจุภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม   ซึ่งส่วนมากทำด้วยพลาสติกซึ่งย่อยสลายไม่ได้  ซึ่งเป็นมลพิษต่อชาวโลก   หากเราได้นำเอาวัสดุที่ย่อยสลายได้มาทำบรรจุภัณฑ์   อย่างเช่น  ผักตบชวาก็จะทำให้ลดมลพิษไปได้อีกวิธีหนึ่ง

โครงการนี้เป็นการนำเยื่อผักตบชวามาขึ้นรูปเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้แทนวัสดุสังเคราะห์รูปถาดผลไม้ ผลที่ได้คือ  เยื่อผักตบชวาที่มีการผสมตัวประสานจะเกิดการหดตัวน้อยกว่าเยื่อผักตบชวาที่ไม่มีตัวประสาน    เนื่องจากตัวผสานจะเป็นตัวที่ช่วยทำให้การกระจายตัวและความหนาแน่นของเยื่อในแต่ละจุดมีความสม่ำเสมอมากขึ้น

สาเหตุที่เยื่อผักตบชวาที่นำไปขึ้นรูปมีการหดตัวและบิดงอเกิดขึ้น อาจมีสาเหตุมาจาก    การกระจายตัวของเยื่อและตัวประสาน  ณ ตำแหน่งต่าง ๆ  ในแม่พิมพ์มีขนาดไม่สม่ำเสมอเท่ากันทุกจุด    ซึ่งมีผลต่อการอัดตัวกันของเยื่อหลังจากขึ้นรูปเป็นบรรจุภัณฑ์   เพราะว่าการหดตัวของบรรจุภัณฑ์หลังจากอบจนแห้งจะขึ้นอยู่กับปริมาณของรูพรุนที่มีตั้งแต่เริ่มขึ้นรูปเป็นบรรจุภัณฑ์   ดังนั้นบริเวณที่มีการกระจายตัวของเยื่อน้อย    ก็จะมีโอกาสเกิดการหดตัวได้มากกว่าบริเวณที่มีการกระจายตัวของเยื่อมาก     ความไม่สม่ำเสมอของแรงอัดในการขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์   ซึ่งผลที่เกิดจากความแตกต่างของแรงอัดในส่วนผสมของเยื่อผักตบชวา  คือ  ทำให้ภายในส่วนผสมของเยื่อผักตบชวามีความหนาแน่นไม่สม่ำเสมอ    จึงทำให้หดตัวภายในส่วนผสมของเยื่อเป็นไปอย่างไม่สม่ำเสมอ    และจะเป็นต้นเหตุทำให้ผลิตภัณฑ์บิดเบี้ยวและโค้งงอได้   ดังนั้นถ้าเราใช้แรงอัดที่เหมาะสมและสม่ำเสมอในการขึ้นรูปเยื่อผักตบชวา     ก็จะทำให้ส่วนผสมของเยื่อผักตบชวามีความหนาแน่นมากขึ้น    การหดตัวก็จะลดลงมากขึ้นด้วยเช่นกัน     ปริมาณน้ำที่อยู่ในส่วนผสมของเยื่อ   เมื่อนำไปอบแห้ง   น้ำที่อยู่ในส่วนผสมของเยื่อก็จะระเหยออกไป    ทำให้เกิดรูพรุนขึ้นในส่วนผสมของเยื่อ   ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดการหดตัวจะเห็นได้ว่าเยื่อผักตบชวาที่ปั่นจะมีความสามารถในการอุ้มน้ำได้มากกว่าเยื่อผักตบชวาที่ไม่ได้ปั่น    ดังนั้นเมื่อนำไปอบแห้งเยื่อผักตบชวาที่ปั่นก็จะมีรูพรุนเกิดขึ้นมากกว่าเยื่อที่ไม่ได้ปั่น   จึงเกิดการหดตัวมากกว่าเยื่อที่ไม่ได้ปั่น     การอบแห้งที่ไม่สม่ำเสมอ    เนื่องจากแม่พิมพ์ที่ใช้ในการทดลอง    ไม่สามารถระบายความร้อน   และนำความร้อนได้ไม่ดี   ทำให้ในระหว่างการอบแห้งเยื่อผักตบชวาบริเวณรอบ ๆ  ของแม่พิมพ์แห้งเร็วกว่าบริเวณด้านในของแม่พิมพ์ ทำให้เยื่อผักตบชวาเกิดการโค้งงอขึ้นในด้านที่แห้งเร็วกว่า   เนื่องจากเกิดความแตกต่างของความชื้นในเนื้อเยื่อผักตบชวา  

                             อัตราส่วนของตัวประสานที่เหมาะสมในการขึ้นรูปเยื่อผักตบชวา  คือ  30 %  ของน้ำหนักเยื่อ  ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ทำให้เกิดการขึ้นรูปถาดผลไม้เกิดการหดตัวน้อยที่สุด

               อีกสักครู่ เราจะมาเพิ่มเติมกันถึงเรื่องของตัวประสาน 

-เพลงคั่นรายการ-

คุณผู้ฟังครับเนื่องจากตัวประสานที่ทำจากแป้งมันสำปะหลังนั้น  มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถทนต่อน้ำและความชื้นได้ดี   ถ้าหากจะมีการใส่น้ำต้องมีการเคลือบพาราฟินที่ผิวก่อน    และมีอัตราการหดตัวค่อนข้างสูง   ถ้าเป็นไปได้ควรจะลองศึกษาหาตัวผสานชนิดใหม่ที่สามารถแก้ไขข้อบกพร่องในส่วนนี้ได้

ลักษณะเนื้อเยื่อผักตบชวาจะมีสีน้ำตาลแก่  เมื่อนำไปทำเป็นวัสดุภัณฑ์จะไม่ค่อยน่าดูเท่าไรนัก   ควรจะมีการฟอกสีก่อนนำมาทำ   ที่จะขอแนะนำควรใช้สารแคลเซียมไฮโปรคลอไรด์   ในอัตราส่วน   10   กรัมต่อลิตร

วิธีที่ใช้ในการขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์รูปถาดจากเยื่อผักตบชวาในการ เป็นการอบเยื่อผักตบชวาให้แห้งภายในตู้อบ   ซึ่งใช้เวลานาน   และถาดผลไม้ที่ได้จะเกิดการหดตัวและบิดงอ  ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนวิธีที่ใช้ในการขึ้นรูป   วิธีที่จะขอแนะนำคือ  การขึ้นรูปโดยการอัดพร้อมกับใช้ความร้อนช่วย   ซึ่งต้องใช้ความดันและอุณหภูมิสูง   ทำให้เยื่อผักตบชวามีเนื้อแน่น  และสามารถแก้ปัญหาการหดตัวและบิดงอของเยื่อผักตบชวาได้

แม่พิมพ์พลาสติกที่ใช้ในการขึ้นรูปถาดผลไม้จากเยื่อผักตบชวา  มีน้ำหนักมาก  ไม่ระบายความร้อน   นำความร้อนได้ไม่ดี   และเกิดการโก่งงอในระหว่างการอบเนื่องจากการเกิดการขยายตัวเมื่อได้รับความร้อน   ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำแม่พิมพ์   ที่จะขอแนะนำคือ   แม่พิมพ์ที่ทำจากเหล็ก    ซึ่งจะเป็นตัวนำความร้อนที่ดี  มีน้ำหนักมาก  และไม่เกิดการโก่งงอในอุณหภูมิที่ใช้ในการขึ้นรูป  และเหมาะสมสำหรับการนำไปใช้ขึ้นรูปโดยการอัดพร้อมกับใช้ความร้อนช่วย เท่านี้เราก็จะได้แม่พิมพ์ที่เหมาะแก่การขึ้นรูปสิ่งของเครื่องใช้จากเยื่อผักตบชวาได้

คุณผู้ฟังครับ ผักตบชวาถือได้ว่าเป็นพืชที่มีการแพร่ขยายพันธุ์ได้เร็วมาก และถ้าเกิดไม่มีการป้องกันหรือควบคุมให้มีอยู่ในจำนวนจำกัดแล้ว ผักตบชวาก็จะก่อปัญหาอย่างมากให้กับเราในอนาคตข้างหน้า   แต่ถ้าหากเรารู้จักนำผักตบชวามาใช้ให้เกิดประโยชน์แล้ว การกำจัดผักตบชวาก็ไม่ใช้ปัญหาสำหรับเราอีกต่อไป   แล้วยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้อีกด้วยครับ  หากผู้ฟังสนใจรายละเอียดเขียนคำถามส่งไปทางไปรษนียบัตรถึง รายการ จากแฟ้มงานวิจัย  มก.   ตู้ ปณ.1077 ปทฝ.เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10903 หรือส่ง e-mail ไปที่ rdiwwy@ku.ac.th เวลาสำหรับรายการ  “จากแฟ้มงานวิจัย  มก.”  ในวันนี้ได้หมดเวลาลงแล้ว  พบกับรายการนี้ได้ใหม่   ทางสถานีวิทยุ  มก. แห่งนี้  สำหรับวันนี้สวัสดีครับ