“กำลังช้างเผือก” พืชชนิดใหม่ของโลก

นายสมราน สุดดี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอนุกรมวิธานพืช สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า คณะนักพฤกษศาสตร์จากหลายหน่วยงานในประเทศไทย ประกอบด้วย ผศ. ดร.สไว มัฐผา จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ผู้เชี่ยวชาญพรรณไม้วงศ์ถั่ว (Fabaceae), ผศ. ดร.สุธีร์ ดวงใจ อาจารย์ประจำคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, นายสมราน สุดดี และนายวิทวัส เขียวบาง นักวิชาการป่าไม้จากสำนักเศรษฐกิจการป่าไม้ กรมป่าไม้ ได้ร่วมกันค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลกในสกุล เครือเขาหนัง (Phanera) ซึ่งรู้จักกันในชื่อท้องถิ่นว่า กำลังช้างเผือก

พืชชนิดใหม่นี้ได้รับการตั้งชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Phanera mekongensis Mattapha, Suddee & Duangjai และได้รับการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการในวารสารวิชาการนานาชาติ Blumea เล่มที่ 67 ปี พ.ศ. 2565 หน้า 113–122 

เบื้องหลังการค้นพบ

การค้นพบเริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 โดย นายทวี แก้วพวง อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดบึงกาฬ ได้นำตัวอย่างพืช “กำลังช้างเผือก” จากสวนสมุนไพรมาให้นักพฤกษศาสตร์ตรวจสอบ แต่ไม่สามารถระบุชนิดได้ในขณะนั้น นำไปสู่การติดตามเก็บตัวอย่างดอก ผล และการสำรวจภาคสนามอย่างต่อเนื่องนานหลายปี

แม้จะไม่พบพืชชนิดนี้ในป่าธรรมชาติแถบที่พบต้นตัวอย่าง อันเนื่องมาจากการขยายพื้นที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ยางพารา อ้อย หรือมันสำปะหลัง แต่จากข้อมูลที่ได้ พบว่าพืชชนิดนี้มีการใช้เป็นสมุนไพรบำรุงกำลังมาอย่างยาวนาน โดยเมล็ดพันธุ์น่าจะมีแหล่งกำเนิดจากบริเวณริมแม่น้ำโขงที่ไม่สามารถระบุจุดที่แน่ชัดได้ และต่อมามีการนำไปปลูกในหลายพื้นที่ รวมถึงกรุงเทพมหานคร

การจำแนกและพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์

ชื่อสกุล Phanera นั้น เริ่มใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1790 โดยมิชชันนารีชาวโปรตุเกสชื่อ João de Loureiro ซึ่งอธิบายพืชชนิด P. coccinea Lour. ที่พบในลาว ต่อมา พืชในกลุ่มนี้ถูกย้ายไปอยู่ในสกุลชงโค (Bauhinia) เนื่องจากใบมีลักษณะคล้ายกัน อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางชีวโมเลกุล (molecular phylogeny) ทำให้สามารถแยกสกุล Phanera ออกมาเป็นอิสระอีกครั้ง

ทีมวิจัย นำโดย ผศ. ดร.สไว มัฐผา, ผศ. ดร.สุธีร์ ดวงใจ, นายสมราน สุดดี และนายวิทวัส เขียวบาง ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบรายละเอียดของใบ ดอก ผล และเมล็ด ร่วมกับการวิเคราะห์ทางชีวโมเลกุล จนสามารถระบุได้ว่าพืชนี้เป็นชนิดใหม่ของโลก และตั้งชื่อว่า Phanera mekongensis โดยคำว่า mekongensis สื่อถึงภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งเป็นแหล่งที่พบ

ตัวอย่างต้นแบบที่ได้รับการเก็บรวบรวม หมายเลข Suddee, Puudjaa, Hemrat & Kiewbang 5390 ได้รับการเก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

  • ลำต้น: ไม้เถาเนื้อแข็ง มีมือจับตรงข้าม ขนแน่น กิ่งอ่อนมีขนสีขาว เมื่อแก่เป็นสีน้ำตาล

  • ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปไข่ ปลายแยก 2 แฉก โคนใบรูปหัวใจ ขอบใบมีขน ใบหนาคล้ายแผ่นหนัง

  • ช่อดอก: แบบช่อกระจะ ออกที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 25 ซม. มี 20–35 ดอก

  • ดอก: ดอกตูมรูปขอบขนาน สีเหลืองอ่อนถึงชมพูอ่อน กลีบดอก 5 กลีบ กลีบบนใหญ่สุด ปลายมน ขอบเป็นคลื่น

  • เกสร: เกสรเพศผู้สมบูรณ์ 3 อัน และอาจมีเกสรเป็นหมันอีก 2 อัน

  • ผล: ผลรูปขอบขนาน แบน แข็ง ยาว 20–32 ซม. เมล็ด 6–8 เมล็ด สีดำ เกลี้ยง

การแพร่กระจายและการตั้งข้อสันนิษฐาน

แม้ยังไม่พบในธรรมชาติในฝั่งไทย แต่เชื่อว่าอาจยังมีการกระจายพันธุ์อยู่ในพื้นที่บางส่วนของแขวงบ่อแก้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขาควายและเขากระดิงใน สปป. ลาว ซึ่งมีลักษณะระบบนิเวศคล้ายกับฝั่งไทย จากการเปรียบเทียบกับพืชในประเทศจีน โดยเฉพาะที่ยูนนาน พบว่ามีลักษณะบางประการคล้ายกัน แต่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนในลักษณะของดอก ใบ เกสร และฝัก

เอกสารอ้างอิง:

Mattapha, S., Suddee, S., Duangjai, S. & Kiewbang, W. (2022). Phanera mekongensis (Fabaceae: Cercidoideae), a new species from Thailand as supported by morphological and molecular evidence. Blumea, 67: 113–122.

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ผศ. ดร.สุธีร์ ดวงใจ และคณะ
ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โทร. 0-2579-0176 E-mail: fforsud@ku.ac.th