การใช้ประโยชน์จากไม้ยางพาราเพื่อเป็นวัสดุก่อสร้าง และโครงสร้างทนไฟ

ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้ประโยชน์จากไม้ในรูปแบบของวัสดุก่อสร้าง และโครงสร้าง  โดยจะเป็นการใช้ไม้ขนาดใหญ่  ซึ่งมีราคาแพงและหาได้ยากต้องนำเข้าจากต่างประเทศโดยในปี 2557 ถึงเดือนพฤศจิกายนประเทศไทยนำไม้เข้าจากต่างประเทศถึง 3,563,622 ลบ.ม. เป็นจำนวนเงิน  9,747,624,465  บาท

สำหรับไม้ที่ใช้ในประเทศ คือ ไม้ยางพาราซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมไม้แปรรูป, เฟอร์นิเจอร์, ทำแผ่นไม้ประกอบ ฯลฯ ซึ่งไม้ยางพาราถือว่าเป็นไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยในแต่ละปีจะมีการโค่นต้นยางพาราปีละ 25,000 ไร่ แต่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เพียง 30-35% ส่วนที่เหลือจะถูกเผาทิ้ง และ ไม้ที่นำมาใช้ประโยชน์ในแต่ละขั้นตอนก็มีการสูญเสียอย่างมากมาย เช่นในการเลื่อยไม้ยางพาราจะมีการสูญเสียถึง 50-55% ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวทำให้คณะผู้วิจัยมีความคิดว่าหากเราสามารถเพิ่มมูลค่าไม้ยางพาราจากโรงงานอุตสาหกรรมไม้ยางพารา ประกอบกับประเทศไทยมีการเจริญเติบโตในด้านก่อสร้างสูงขึ้นทุกปีโดยเฉพาะการใช้วัสดุเพื่อการก่อสร้าง และโครงสร้างของอาคารสูงในปัจจุบัน เช่น ประตู   จะเน้นถึงการทนไฟเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากไฟไหม้ในอาคาร  ดังนั้นทำให้คณะผู้วิจัยมีความคิดในการนำไม้ยางพาราในประเทศไทยรวมถึงเศษไม้ที่เหลือในขบวนการผลิตมาใช้ประโยชน์เพื่อเป็นวัสดุก่อสร้าง และโครงสร้างทนไฟ

โดยจากการทดลองที่ได้นำไม้ยางพารามาผ่านกระบวนการอัดน้ำยาด้วยสารประกอบโบรอน  และนำมาประกอบในรูปแบบของ CROSS LAMINATE  ซึ่งผลการทดลองสามารถที่จะผ่านการทดสอบการทนไฟได้  และนอกจากนี้ไม้ดังกล่าวสามารถที่จะป้องกันปลวกและแมลงได้อีกด้วย       ทำให้การใช้งานของไม้มีอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น  ซึ่งถือว่าเป็นการใช้ไม้อย่างคุ้มค่า  และยังเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม  ตรงกับนโยบายของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ว่า  KU. รักษ์โลก

1.ไม้ยางพาราที่เป็นวัสดุก่อสร้าง/โครงสร้างทนไฟ  ———->

     

2. การทดสอบการติดไฟ                                                     3. หลังการทดสอบการติดไฟ จะไม่มีการลามไฟเกิดขึ้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
รศ. ทรงกลด จารุสมบัติ
ภาควิชาวนผลิตภัณฑ์ คณะวนศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร. 08-1914-0575

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
รศ. ทรงกลด จารุสมบัติ

✍ ผลิตสื่อโดย ฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย
🌟 แนะนำ/ติชม https://forms.gle/e3MzPqrb2V9QE9Tp6