การใช้ชีววิธีควบคุมหนอนกระทู้ลายจุดในข้าวโพด
หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด (Fall armyworm : Spodoptera frugiperda JE Smith) เป็นศัตรูสำคัญของข้าวโพด มีรายงานการระบาดในประเทศไทย ปลายปี 2561 วงจรชีวิตของหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด ใช้เวลา 30-40 วัน เมื่อผสมพันธุ์แล้ว ผีเสื้อเพศเมียจะวางไข่ในเวลากลางคืน โดยวางไข่เป็นกลุ่ม ประมาณ 100-200 ฟอง มีขนปกคลุมไข่ ผีเสื้อเพศเมียหนึ่งตัววางไข่ได้ประมาณ 1,500-2,000 ฟอง ระยะไข่ 2-3 วัน หนอนมี 6 วัย ระยะหนอน 14-22 วัน หนอนที่โตเต็มที่มีขนาดลาตัวยาว 3.2-4.0 เซนติเมตร จะทิ้งตัวลงดินเพื่อเข้าดักแด้ ระยะดักแด้ 7-13 วัน จึงเป็นตัวเต็มวัย ผีเสื้อมีชีวิต 10-21 วัน ลักษณะการทำลาย ผีเสื้อหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด เริ่มวางไข่บนต้นข้าวโพด ตั้งแต่ข้าวโพดงอก อายุ 3-4 วัน โดยพบกลุ่มไข่ทั้งด้านบนใบ ใต้ใบ และที่ลำต้น ผีเสื้อหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด มาวางไข่บนใบข้าวโพดอย่างต่อเนื่อง โดยจะวางไข่มากในช่วง ระยะ 3 สัปดาห์แรกหลังจากข้าวโพดงอก หลังจากฟักจากไข่ หนอนขนาดเล็กจะกัดกินผิวใบ หนอนวัย 3-6 เป็นระยะที่สร้างความเสียหายมาก กัดกินอยู่ในยอดข้าวโพด ทาให้ใบขาดเป็นรู เว้าแหว่ง ยอดกุด หรือมุดินลงไปกัดกินโคนต้นกล้าข้าวโพด ทาให้ต้นเหี่ยวตายได้เช่นกัน ในระยะต้นโตหนอนจะกัดกินเกสรตัวผู้ หลังจากใบยอดคลี่ทั้งหมด ดอกตัวผู้โผล่พ้นใบที่หุ้มอยู่ หนอนจะย้ายไปที่ฝัก กัดกินไหม และเจาะเปลือกหุ้มฝักเข้าไปกัดกินภายในฝัก สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหวานหรือข้าวโพดฝักสด เนื่องจากทำให้ฝักข้าวโพดมีตำหนิ ไม่สามารถต้มขายเป็นฝักได้ และความเสียหายที่เห็นได้ชัดอีกคือ ในระยะต้นอ่อนทำให้ข้าวโพดตาย ส่วนในระยะแก่พืชจะไม่เจริญเติบโต ฝักลีบเล็กไม่สมบูรณ์ หากระบาดรุนแรงจะทำให้ผลผลิตเสียหาย 50-73%
นักวิจัยจากศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ทำการศึกษาและพัฒนาสูตรอาหารเพิ่มปริมาณเชื้อราเพื่อผลิตในปริมาณที่มากขึ้นโดยมุ่งเน้นการใช้วัสดุที่มีต้นทุนตำ่ ซึ่งสูตรอาหารที่เหมาะสมต่อการเพิ่มปริมาณเชื้อรา M. rileyi ที่ให้ปริมาณสปอร์ของเชื้อราได้มากที่สุดและต้นทุนตำ่ คือการใช้ข้าวโพดบดผสมข้าวสารในอัตราส่วน 1:1 บรรจุถุงละ 100 กรัม ในถุงร้อนขนาด 9×14 นิ้ว เติมน้ำที่ปรับสภาพเป็นกรด ค่า pH เท่ากับ 3 โดยใช้กรดแลคติค นำมานึ่งฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 121๐C ความดัน 15 ปอด์น เวลา 20 นาที หลังจากวางให้อาหารเย็นลงจึงใส่สปอร์แขวนลอยของเชื้อราถุงละ 1 มิลลิลิตร (ความเข้มข้น 108 สปอร์/มล.) โดยหลังจากเลี้ยงเป็นเวลา 7-8 วัน จะได้ปริมาณสปอร์ 5×109 สปอร์/กรัม ซึ่งสามารถนำมาล้างเพื่อเตรียมเป็นสปอร์แขวนลอยแล้วนำไปผสมน้ำในอัตราเชื้อรา 1 ถุงต่อน้า 50-80 ลิตร (ความเข้มข้น 108สปอร์/มล.) โดย 1 ไร่ใช้เชื้อรา 1-2 ถุง และอาจจะพ่นทุก 5-7 วัน ติดต่อกัน 2-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของหนอน ในแปลงที่เคยใช้สารเคมีมาอย่างต่อเนื่องอาจจำเป็นต้องพ่นเชื้อราซ้าหลายครั้ง (5-6 ครั้ง) แต่หากมีการปลูกข้าวโพดต่อเนื่องตลอดทั้งปี ข้าวโพดที่ปลูกรุ่นถัดๆ ไปจะสามารถลดจำนวนครั้งในการพ่นเชื้อราลงได้ อาจเหลือแค่ 1-2 ครั้ง ตลอดฤดูปลูก เนื่องจากการใช้เชื้อรากาจัดหนอนแทนการใช้สารเคมีกาจัดหนอนจะช่วยให้มีประชากรของศัตรูธรรมชาติมีเพิ่มมากขึ้น โดยจากการสำรวจแมลงศัตรูธรรมชาติที่พบในแปลงที่ใช้เชื้อราพ่นกำจัดหนอนได้แก่ แตนเบียนหนอน วงศ์ Ichneumonidae แตนเบียนไข่คีโลนัส แตนเบียนไข่ Telenomus แตนเบียนไข่ Trichogramma spp. มวนมายริดี้ แมลงวันก้นขน มวนพิฆาต แมลงหางหนีบ ตั๊กแตนหนวดยาว ด้วงก้นกระดก จิ้งหรีดตัวห้า ตั๊กแตนตำข้าว และมวนตาโต โดยแมลงศัตรูธรรมชาติเหล่านี้จะร่วมกันช่วยในการป้องกันกาจัดหนอนกระทู้ข้าวโพดฯ ตั้งแต่ระยะไข่ และระยะหนอน ซึ่งเป็นสาเหตุให้การปลูกข้าวโพดในชุดถัดๆ ไปหากมีการปลูกข้าวโพดอย่างต่อเนื่อง เราไม่จำเป็นต้องพ่นเชื้อราบ่อยๆ เท่ากับข้าวโพดที่ปลูกในชุดแรกๆ เนื่องจากระยะไข่และระยะหนอนกระทู้ข้าวโพดฯ จะถูกทำลายโดยกลุ่มแมลงศัตรูธรรมชาติไปได้บางส่วน ซึ่งถือเป็นการสร้างความสมดุลขึ้นในแปลงข้าวโพด
ได้ทำการศึกษาและพัฒนาสูตรอาหารเพิ่มปริมาณเชื้อราเพื่อผลิตในปริมาณที่มากขึ้นโดยมุ่งเน้นการใช้วัสดุที่มีต้นทุนต่ำ ซึ่งสูตรอาหารที่เหมาะสมต่อการเพิ่มปริมาณเชื้อรา M. rileyi ที่ให้ปริมาณสปอร์ของเชื้อราได้มากที่สุดและต้นทุนต่ำ คือการใช้ข้าวโพดบดผสมข้าวสารในอัตราส่วน 1:1 บรรจุถุงละ 100 กรัม ในถุงร้อนขนาด 9×14 นิ้ว เติมน้ำที่ปรับสภาพเป็นกรด ค่า pH เท่ากับ 3 โดยใช้กรดแลคติค นำมานึ่งฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 121๐C ความดัน 15 ปอด์น เวลา 20 นาที หลังจากวางให้อาหารเย็นลงจึงใส่สปอร์แขวนลอยของเชื้อราถุงละ 1 มิลลิลิตร (ความเข้มข้น 108 สปอร์/มล.) โดยหลังจากเลี้ยงเป็นเวลา 7-8 วัน จะได้ปริมาณสปอร์ 5×109 สปอร์/กรัม ซึ่งสามารถนำมาล้างเพื่อเตรียมเป็นสปอร์แขวนลอยแล้วนาไปผสมน้ำในอัตราเชื้อรา 1 ถุงต่อน้ำ 50-80 ลิตร (ความเข้มข้น 108สปอร์/มล.) โดย 1 ไร่ใช้เชื้อรา 1-2 ถุง และอาจจะพ่นทุก 5-7 วัน ติดต่อกัน 2-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของหนอน ในแปลงที่เคยใช้สารเคมีมาอย่างต่อเนื่องอาจจำเป็นต้องพ่นเชื้อราซ้ำหลายครั้ง (5-6 ครั้ง) แต่หากมีการปลูกข้าวโพดต่อเนื่องตลอดทั้งปี ข้าวโพดที่ปลูกรุ่นถัดๆ ไปจะสามารถลดจำนวนครั้งในการพ่นเชื้อราลงได้ อาจเหลือแค่ 1-2 ครั้ง ตลอดฤดูปลูก เนื่องจากการใช้เชื้อรากำจัดหนอนแทนการใช้สารเคมีกำจัดหนอนจะช่วยให้มีประชากรของศัตรูธรรมชาติมีเพิ่มมากขึ้น โดยจากการสำรวจแมลงศัตรูธรรมชาติที่พบในแปลงที่ใช้เชื้อราพ่นกำจัดหนอนได้แก่ แตนเบียนหนอน วงศ์ Ichneumonidae แตนเบียนไข่คีโลนัส แตนเบียนไข่ Telenomus แตนเบียนไข่ Trichogramma spp. มวนมายริดี้ แมลงวันก้นขน มวนพิฆาต แมลงหางหนีบ ตั๊กแตนหนวดยาว ด้วงก้นกระดก จิ้งหรีดตัวห้า ตั๊กแตนตาข้าว และมวนตาโต โดยแมลงศัตรูธรรมชาติเหล่านี้จะร่วมกันช่วยในการป้องกันกาจัดหนอนกระทู้ข้าวโพดฯ ตั้งแต่ระยะไข่ และระยะหนอน ซึ่งเป็นสาเหตุให้การปลูกข้าวโพดในชุดถัดๆ ไปหากมีการปลูกข้าวโพดอย่างต่อเนื่อง เราไม่จาเป็นต้องพ่นเชื้อราบ่อยๆ เท่ากับข้าวโพดที่ปลูกในชุดแรกๆ เนื่องจากระยะไข่และระยะหนอนกระทู้ข้าวโพดฯ จะถูกทำลายโดยกลุ่มแมลงศัตรูธรรมชาติไปได้บางส่วน ซึ่งถือเป็นการสร้างความสมดุลขึ้นในแปลงข้าวโพด
ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติใช้สารเคมีกำจัดหนอนลดน้อยลง โดยใช้ในกรณีที่จำเป็น และใช้เชื้อรา M. rileyi เป็นหลัก โดยเฉพาะแปลงผลิตข้าวโพดฝักอ่อนจะใช้เฉพาะเชื้อรา M. rileyi อย่างเดียว ไม่ใช้สารเคมี 100% ในแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์จะใช้สารเคมีเฉพาะในระยะต้นกล้า 1- 2 ครั้ง หลังจากนั้นจะใช้เชื้อราจนถึงระยะติดฝัก เพื่อป้องกันหนอนเข้าไปกัดกินภายในฝัก นอกจากนี้ยังส่งเชื้อราให้กับฟาร์มโชคชัยเพื่อนำไปทดลองใช้ควบคุมหนอนกระทู้ข้าวโพดฯ แทนการใช้สารเคมี โดยฟาร์มโชคชัยมีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหารหยาบเลี้ยงโคนม โดยมีแผนการปลูกข้าวโพดทุกๆ สัปดาห์ๆ ละ 10 ไร่ โดยปลูกต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมพื้นที่ปลูกข้าวโพดปีละประมาณ 1,200 ไร่ จากในอดีตต้องพ่นสารเคมีกาจัดหนอนในข้าวโพดชุดละ 2-4 ครั้ง ปัจจุบันใช้เชื้อรา M. rileyi ในข้าวโพดเพียงชุดละ 2-3 ครั้ง โดยเริ่มพ่นครั้งแรกเมื่อข้าวโพดมีอายุ 20 วัน โดยพ่นไปพร้อมกับสารเคมีกำจัดวัชพืช และพ่นครั้งที่ 2 หรือ 3 ห่างกันแต่ละครั้ง 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ข้อแนะนาสาหรับการใช้เชื้อรา M. rileyi โดยทั่วไปควรพ่นชีวภัณฑ์หรือเชื้อรากำจัดหนอนในช่วงเย็น เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทำลายด้วยแสงแดดและความร้อน อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นต้องพ่นเชื้อราในเวลากลางวันก็จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นของเชื้อราให้มากขึ้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ดร.วราภรณ์ บุญเกิด และคุณรัตนาวดี อ่อนวงษ์
ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โทร. 09-4261-4599
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ดร.วราภรณ์ บุญเกิด
✍ ผลิตสื่อโดย ฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย
🌟 แนะนำ/ติชม https://forms.gle/e3MzPqrb2V9QE9Tp6