ไม้กฤษณา ไม้เศรษฐกิจ
ไม้กฤษณา (Aquilaria spp.) หรือ Agarwood เป็นไม้ที่มีกลิ่นหอม น้ำมันใช้เป็นน้ำหอม นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติสามารถป้องกันแมลง เห็บ และเหาได้ ในทางอุตสาหกรรมใช้เข้าเครื่องยา และที่สำคัญคืออุตสาหกรรมน้ำหอมใช้เป็นตัวปรุงแต่งกลิ่นน้ำหอมที่ดีมีราคาแพ เป็นพวกน้ำมันระเหยหรือชัน หรือยาง (Terpenoid) เช่น เดียวกับน้ำมันยูคาลิปตัส หรือน้ำมันสน ยางหรือชันที่พบในต้นกฤษณามีกลิ่นหอมหวาน ทำให้กฤษณาเป็นน้ำมันหอมระเหยหรือยางหรือชันที่มีราคาแพงมาก อาจจะกล่าวได้ว่ามีราคาแพงที่สุดในโลกก็ได้ หรือที่บางคนเรียกว่า ไม้ของพระเจ้า (Wood of God)
ไม้กฤษณา มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ไม้หอม สำหรับในประเทศไทย พบขึ้นอยู่ในป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้นของประเทศไทย โดยพบอยู่จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ Aquilaria subintegra พบเฉพาะภาพตะวันออก A. malacensis พบเฉพาะทางภาคใต้ที่มีความชื้นมาก และชนิด A. crassna พบทั้งในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ
สารกฤษณาที่พบในเนื้อไม้เกิดจากการทำให้บาดแผลบริเวณลำต้น สำหรับการปลูกสวนป่าไม้กฤษณา อาจปลูกในลักษณะของสวนป่าเชิงเดี่ยว หรือปลูกแบบวนเกษตร ที่นำปลูกไม้กฤษณาร่วมกับไม้ยืนต้นชนิดอื่น เช่น สวนยางพารา สวนไม้ผล สวนไม้ป่า เป็นต้น ควรปลูกในพื้นที่เนินไม่มีน้ำท่วมขัง และดินมีการระบายน้ำดี ตลอดจนควรมีความชื้นพอสมควร ส่วนระยะปลูกประมาณ 2-4 เมตร
การปลูกฤษณาควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝนประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน การปลูกในที่โล่งแจ้งอาจมีการปลูกพืชพี่เลี้ยงเพื่อให้ร่มเงากล้ากฤษณา เช่น กล้วย หรืออาจใช้ตาข่ายพลาสติกสีดำช่วยกำบังแสง การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยมูลสัตว์ เช่น มูลวัว ในช่วงกล้าอายุ 1-3 ปี ประมาณ 3-4 ครั้งต่อปี อัตราส่วน 1-2 กก.ต่อต้น หลังจากนั้น 3 ปี อาจใส่ปุ๋ยปีละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 3-5 กก.ต่อต้น ทางด้านปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืช ในช่วงอายุ 1-3 ปี ได้แก่ หนอนกินใบจะกัดกินใบอ่อนแทบหมดลำต้น จึงควรฉีดยากำจัดหนอน เช่น เซปวิน 85 เป็นต้น หลังจากกฤษณามีอายุมากขึ้นจะไม่ค่อยพบโรคและแมลงศัตรูพืช