ทุนวิจัยและนวัตกรรมฯ “การส่งเสริมอุตสาหรรมสำคัญของประเทศ (S-Curve)” ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยได้มีการกำหนด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย: กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต เพื่อเป็นมาตรการระยะยาวที่จะกำหนดทิศทาง การปรับโครงสร้างด้านการผลิต ทั้งเกษตร-อุตสาหกรรม-บริการ ของประเทศให้มีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน มีการสร้างงานคุณภาพ และมีการสนับสนุนเศรษฐกิจภูมิภาคอย่างเป็นระบบ เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนให้เพิ่มขึ้น และให้ประเทศสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อยกระดับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตบนฐานนวัตกรรมและยกระดับการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย สร้างผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ และได้กำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรม ดังนี้
- อุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ
- อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต
- อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ
- อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
- อุตสาหกรรมดิจิทัล
- อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
- อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร
- อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์
- อุตสาหกรรมความมั่นคง และเทคโนโลยีอวกาศ
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Innovative House
คุณสมบัติของผู้ขอรับทุน
ผู้มีสิทธิขอรับทุนจะต้องเป็นบุคลากรในภาครัฐหรือเอกชนที่มีสภาพเป็นนิติบุคคล โดยมีคุณสมบัติดังนี้
- มีสัญชาติไทย มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย และหรือมีหลักฐานการทำงานมั่นคง
- มีศักยภาพในการบริหารการวิจัยและ/หรือการบริหารจัดการ
- มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดีในวิทยาการด้านใดด้านหนึ่งเกี่ยวกับการวิจัยในข้อเสนอการวิจัยที่ขอรับทุน มีศักยภาพ ความพร้อมด้านวุฒิการศึกษา ประสบการณ์ในการวิจัย ที่จะดำเนินการวิจัยได้สำเร็จ
- สามารถดำเนินการวิจัยให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดอย่างมีคุณภาพ
เงื่อนไขการสนับสนุนทุนวิจัย
- โจทย์วิจัยมีความเป็นไปได้ทางการตลาด มีความเป็นไปได้ด้านเทคโนโลยี การผลิตและมาตรฐานคุณภาพของผลิตภัณฑ์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมีนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญตรงตามความต้องการ
- โจทย์วิจัยมาจากความต้องการของภาคอุตสาหกรรม
- มีภาคเอกชน หรือหน่วยงานร่วมดำเนินการวิจัยอย่างน้อย 1 ราย
- ภาคเอกชนต้องร่วมทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ( in cash และ in kind) โดยภาคเอกชนลงทุนเป็น in-cash อย่างน้อยร้อยละ 10 ของมูลค่าโครงการ
- อย่างน้อยร้อยละ 20 (In cash + In kind) เพื่อให้มีส่วนร่วมในการทำงานอย่างจริงจัง และยืนยันความตั้งใจในการนำผลงานไปใช้ประโยชน์จริงในเชิงพาณิชย์ Matching fund from private sector
- งานที่จะดำเนินการควรอยู่ใน Technology Readiness Level ขั้นต่ำที่ Level 3 หรือมีแผนการพัฒนาธุรกิจอย่างชัดเจน
- การบริหารจัดการโปรแกรม ข้อตกลงเรื่องสิทธิความเป็นเจ้าของและการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับภาคเอกชน เป็นไปตามระเบียบของ วช.
ระยะเวลารับข้อเสนอโครงการ
ตลอดทั้งปี
ระยะเวลารับข้อเสนอโครงการ
ไม่จำกัดกรอบวงเงิน
การเสนอโครงการวิจัย ทำได้ 2 ช่องทาง ดังนี้
ช่องทางที่ 1) หารือกับ หน่วยประสานงาน เพื่อบรรจุข้อเสนอโครงการวิจัยเข้ากรอบของหน่วยประสานงาน โดยจัดส่งเอกสารข้อเสนอเชิงหลักการไปยัง “ผู้ประสานงาน” ของฝ่ายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโจทย์วิจัยของท่าน (รายละเอียดระบุในคู่มือฯ และรายชื่อผู้ประสานงาน)
ช่องทางที่ 2) นำเข้าข้อเสนอเชิงหลักการ (Concept Paper) ผ่านระบบ NRIIS ที่เว็บไซต์ http://nriis.nrct.go.th/ แล้ว วช. จะดำเนินการร่วมกับหน่วยประสานงานต่อไป
ทั้งนี้ สามารถเสนอได้ตลอดทั้งปี สืบค้นข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://nrms.go.th/
เอกสารดาวน์โหลด
- คู่มือการจัดทำข้อเสนอโครงการ ประเด็นการวิจัยสำคัญ กลุ่มอุตสาหกรรม
- รายชื่อผู้ประสานงานกลุ่มอุตสาหกรรมอุตสาหกรรม
- คำอธิบำยเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับของ Technology Readiness Level (TRL: 1 – 9)
- แบบเสนอโครงการวิจัยเชิงหลักการ (Concept Proposal) ทุนวิจัยและนวัตกรรมในประเด็นสำคัญของประเทศ การส่งเสริมอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ