ยกระดับผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้พันธุ์ไทยสู่มาตรฐานสากล
นักวิจัย ม.เกษตร คิดค้นนวัตกรรมเลือดจระเข้แคปซูลจากจระเข้พันธุ์ไทย ต่อยอดงานวิจัยสู่การผลิตเชิงพาณิชย์โดยผู้ประกอบการคนไทย ยกระดับ “ผลิตภัณฑ์เลือดจระเข้แคปซูล” สู่มาตรฐานสากล
จระเข้ เป็นสัตว์เลื้อยคลาน จัดเป็นสัตว์เลือดเย็น โดยอุณหภูมิของร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม มีพฤติกรรมการอาบแดดเพื่อเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกาย และลงดำน้ำเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกาย สามารถดำน้ำได้นาน ถือได้ว่าเป็นสัตว์ประเภทสะเทินน้ำสะเทินบก
ประเทศไทยมีจระเข้พันธุ์ไทย (Crocodylus siamensis) เป็นจระเข้น้ำจืด โดยมีการเพาะเลี้ยงอยู่ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเกษตรกรทำฟาร์มเพาะเลี้ยงจระเข้กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย ซึ่งในการทำฟาร์มจระเข้นั้น ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนหรือให้ยาปฏิชีวนะเหมือนการทำฟาร์มเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู ยิ่งไปกว่านั้น จระเข้ยังถูกจัดให้เป็นสัตว์สมุนไพร เนื่องจากหลายๆส่วนของจระเข้สามารถใช้เป็นยาสมุนไพร สัตววัตถุ หรือส่วนผสมของตำรับยาจีนมาแต่โบราณ ฟาร์มจระเข้บางแห่งจึงมีการนำผงเลือดจระเข้อบแห้งผสมสมุนไพรอื่นๆ บรรจุใส่ถุงพลาสติกที่มีซิปปิด หรือใส่แคปซูลวางขายหน้าฟาร์ม แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักกันมากนัก อย่างไรก็ตาม ผงเลือดจระเข้ดังกล่าวยังมีกระบวนการผลิตที่ไม่สะอาด อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคหรือเชื้อจุลชีพได้ และคุณภาพสารอาหารต่างๆในเลือดจระเข้จะสูญเสียไปจากกระบวนการอบแห้งด้วยความร้อนที่สูงเกิน 60 องศาเซลเซียส
จระเข้เป็นสัตว์ที่มีภูมิคุ้มกันที่ดีมาแต่กำเนิด เมื่อมีแผลจากการต่อสู่กัดกันของจระเข้ บาดแผลกลับไม่ติดเชื้อทั้งที่จระเข้มักจะนอนแช่ตัวอยู่ในน้ำ จระเข้จะมีภูมิคุ้มกันในการซ่อมแซมบาดแผลจากคมเขี้ยวที่เกิดจากการต่อสู้ของจระเข้ด้วยกันเอง เพียงไม่นาน บาดแผลก็สมานหายได้เอง
ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำโดย รศ.ดร.วิน เชยชมศรี รศ.ดร.จินดาวรรณ สิรินทวิเนติ จากภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ และดร.สุดาวรรณ เชยชมศรี จากคณะเกษตร กำแพงแสน จึงมีแนวความคิดในการศึกษาเรื่องระบบภูมิคุ้มของจระเข้อย่างจริงจัง จนพบว่า เลือดของจระเข้มีส่วนช่วยในการเสริมภูมิต้านทานแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคทางเดินอาหารในหนูทดลอง เสริมสร้างฮีโมโกบิลของหนูที่มีสภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก และช่วยให้หนูมีค่าฮีโมโกบิลในเลือดสูงขึ้นภายใน 4 สัปดาห์
ด้วยความร่วมมือกับภาคเอกชนทีมนักวิจัยได้เริ่มการศึกษาวิจัยตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2540 ใช้เวลาหลายปี จึงค้นพบถึงคุณสมบัติที่มีอยู่ในเลือดจระเข้ที่สามารถช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิต เสริมการสร้างเกล็ดเลือด ทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการหอบหืดและเหนื่อยง่าย ช่วยให้สเปิร์มของผู้ชายและเสริมสร้างไข่ในผู้หญิงให้แข็งแรง
ผลจากการพัฒนางานวิจัยมาเป็นลำดับจึงสำเร็จเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “เลือดจระเข้แคปซูล ม.เกษตรศาสตร์” และได้รับการอนุมัติรับรองให้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในปี พ.ศ. 2552 เป็นรายแรกของประเทศไทยและของโลก ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงทางอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม
งานวิจัยทั้งหมดได้ขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาทั้งสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร แล้วจำนวน 6 ฉบับ ประกอบด้วย 1) อุปกรณ์สำหรับเจาะเก็บเลือดปริมาณมาก 2) กรรมวิธีการเตรียมผงเลือดจระเข้แห้งและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกรรมวิธีนั้น 3) เข็มเจาะและกรรมวิธีที่เกี่ยวข้องในการเจาะเก็บเลือดจระเข้ 4) กรรมวิธีการผลิตซีรั่มจระเข้ปริมาณมากและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกรรมวิธีนี้ 5) กรรมวิธีการผลิตน้ำดีจระเข้แห้งและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกรรมวิธีนี้ และ 6) กรรมวิธีการเจาะเก็บเลือดจระเข้โดยไม่ทำลายชีวิตและผลิตภัณฑ์ของจระเข้บริจาคเลือด
ปัจจุบันกระบวนการที่สำคัญของการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “เลือดจระเข้แคปซูล ม.เกษตรศาสตร์” ตามอนุสิทธิบัตร เลขที่ 5074 กรรมวิธีการเตรียมผงเลือดจระเข้แห้งและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกรรมวิธีนั้น (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิน เชยชมศรี และจินดาวรรณ สิรันทวิเนติ, 4 กันยายน 2552) ซึ่งมีอายุการคุ้มครองสิทธิ ตั้งแต่ 5 เมษายน 2549 ถึง 4 เมษายน 2559 ได้หมดอายุการคุ้มครอง เปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น และเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมการส่งออกต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมในระดับสากล จึงจำเป็นต้องยกระดับผลิตภัณฑ์เข้าสู่มาตรฐานคุณภาพระดับสากล ได้แก่ GMP HACCPและ ISO
มาตรฐานสากล : ด้วยการนำหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (GMP: Good Manufacturing Practice) การวิเคราะห์อันตรายจุดควบคุมวิกฤต (HACCP: Hazard Analysis Critical Control Points) และระบบควบคุมมาตรฐานการผลิต (ISO : International Organization for Standardization) เช่น ISO 9001 เป็นมาตรฐานสากลที่องค์กรธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ เพื่อความเป็นเลิศทางด้านคุณภาพ และความมีประสิทธิภาพของการดำเนินงานภายในองค์กร มาตรฐานเหล่านี้จะเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการในการพัฒนายกระดับมาตรฐานการผลิตของตนเอง และเพื่อนำไปใช้ในการป้องกัน กำจัดและลดอันตรายต่างๆที่อาจเกิดการปนเปื้อนทั้งทางกายภาพ จุลินทรีย์ หรือทางเคมี เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยในการบริโภค
กรรมวิธีการผลิต : จระเข้เพาะเลี้ยงที่มีสุขภาพแข็งแรง เจาะเก็บเลือดจากจระเข้
เลือดจระเข้ปริมาณมากที่สะอาด ปลอดภัย
พาสเจอร์ไรซ์
การระเหิดแห้งที่จำเพาะ
ผงเลือดจระเข้แห้งบรรจุใส่แคปซูล
“เลือดจระเข้แคปซูล” ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การใช้ประโยชน์ : เลือดจระเข้แคปซูลเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บำรุงและรักษาสุขภาพของผู้บริโภค เช่น กลุ่มผู้ป่วยโลหิตจาง (มีผลการทดสอบในหนูทดลองที่ปกติ และหนูทดลองที่เป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก) กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งที่มีปัญหาเรื่องเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวน้อย เกล็ดเลือดต่ำ กลุ่มผู้ป่วยภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน กลุ่มผู้ที่มีแผลเรื้อรัง กลุ่มผู้ที่เป็นภูมิแพ้มีอาการเหนื่อยหอบ ตลอดจนบุคคลทั่วไปและนักกีฬาที่ต้องการบำรุงสุขภาพที่ดี ฯลฯ
จากผลการวิจัย ต่อยอดสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชน โดยประยุกต์ใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท ซี เอส จี โปรดักส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ให้คำแนะนำ วางระบบการผลิตและแผนการควบคุมคุณภาพ ส่งเสริมStart-up อุตสาหกรรมพรีเมี่ยมของผลิตภัณฑ์ “เลือดจระเข้แคปซูล” เป็นการยกระดับมาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร พัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สากล ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (GMP) วิเคราะห์อันตรายจุดควบคุมวิกฤต (HACCP) และระบบควบคุมมาตรฐานการผลิต (ISO) ซึ่งผลิตภัณฑ์“เลือดจระเข้แคปซูล” ได้ผ่านการประเมินคุณภาพมาตรฐานดังกล่าว จากหน่วยงานรับรองมาตรฐานคุณภาพ เมือเดือนพฤศจิกายน 2560 แล้ว
ขอขอบคุณที่ท่านเข้ามาอ่านบทความวิจัยนี้ และขอความกรุณาสละเวลาตอบแบบสอบถามการให้บริการข้อมูล เพื่อการปรับปรุงต่อไปด้วย จะขอบคุณยิ่ง
คลิกที่นี่เพื่อตอบแบบสอบถาม—> https://goo.gl/forms/hcBXc1080pJmdUmF3
![]() รศ.ดร.วิน เชยชมศรี |
ที่มาข้อมูล : นิทรรศการงานวันเกษตรแฟร์ ประจำปี 2561 “เทคโนโลยีก้าวไกล พัฒนาเศรษฐกิจไทยไป 4.0” เจ้าของผลงาน : รศ.ดร.วิน เชยชมศรี และคณะผู้วิจัย ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผลิตสื่อเผยแพร่ : วันเพ็ญ นภาทิวาอำนวย ฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่ง มก. โทร. 02 561 1474 e-mail : rdiwan@ku.ac.th |