รายการวิทยุ เรื่อง การผลิตกล้ายางพาราเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตยางพาราของประเทศ/วีระศรี เมฆตรง
บทวิทยุรายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.”
ออกอากาศวัน เสาร์ ที่ 18 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2556
เรื่อง การผลิตกล้ายางพาราเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตยางพาราของประเทศ
บทวิทยุโดย วิทวัส ยุทธโกศา
……………………………………………………………………………………………………
-เพลงประจำรายการ-
สวัสดีครับ คุณผู้ฟังทุกท่านครับ พบกันอีกครั้งกับรายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.” ซึ่งออกอากาศเป็นประจำทุกวันเสาร์ ทางสถานีวิทยุ มก. แห่งนี้ครับ รายการนี้ผลิตโดย ฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รายการของเราเป็นรายการที่จะนำเสนอเรื่องราวผลงานวิจัยดีๆ ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อให้คุณผู้ฟังได้นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเอง โดยมีกระผมวิทวัส ยุทธโกศา เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
สวัสดีครับคุณผู้ฟังทุกท่าน พบกันอีกครั้งน่ะครับ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยน่ะครับ วันนี้เรามาฟังกันเรื่องการผลิตกล้ายางพันธุ์ดีที่มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆที่สามารถส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำยางให้สูงขึ้นครับ เนื่องจากต้องมีการปลูกสร้างสวนยางใหม่อยู่ทุกปีไม่ว่าจะเป็นการปลูกในพื้นที่ใหม่หรือการปลูกทดแทนสวนเก่าที่เสื่อมสภาพไป สถาบันวิจัยยางได้ประเมินการปลูกยางในภาพรวมไว้ที่ประมาณ 3-4 แสนไร่ต่อปีซึ่งจะต้องใช้ต้นกล้ายางพันธุ์ดีถึงปีละกว่า 40 ล้านต้น แต่ด้วย การที่ต้องผลิตเป็นจำนวนมากจึงเป็นไปได้ที่กล้ายางบางส่วนอาจไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน ซึ่งก็จะส่งผลถึงปริมาณและคุณภาพของน้ำยางพาราและเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยสูงขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการ การใช้เทคโนโลยีและวิชาการใหม่ๆ ตลอดจนการลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย จึงเป็นแนวทางสำคัญอย่างยิ่งที่จะสามารถเพิ่มศักยภาพในการผลิตยางพาราของประเทศได้ครับ ดังนั้นโครงการวิจัยของนางวีระศรี เมฆตรง ศูนย์วิจัยระบบนิเวศเกษตร สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร จึงมีเป้าหมายในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาและปรับปรุงการผลิตกล้ายางให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และได้ต้นกล้าที่สมบูรณ์ตามมาตรฐาน มีเปอร์เซ็นต์รอดตายสูง ซึ่งจะต้องดำเนินการตั้งแต่ การจัดการด้านเมล็ดพันธุ์ การจัดการแปลงเพาะต้นตอตลอดถึงการใช้วัสดุปลูกที่เหมาะสมเพื่อเลี้ยงกล้าให้สมบูรณ์และขนย้ายได้สะดวกในปริมาณมาก ๆ ครับ ช่วงนี้พักกันสักครู่น่ะครับ
-เพลงคั่นรายการ-
กลับมาฟังกันต่อนะครับ ช่วงนี้เรามาฟังกันในวิธีของการวิจัยกันนะครับ
วิธีของการวิจัยมีดังนี้ครับ
การทดลองที่ 1 การพัฒนาคุณภาพเมล็ดพันธุ์ของยางพาราสำหรับการผลิตต้นตอยาง
ของขนาดเมล็ดที่มีต่อคุณภาพของเมล็ด
- ใช้เมล็ดพันธุ์ RRIM600 ที่เก็บเกี่ยวจากแปลงเกษตรกร บริเวณสถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2553 และส่งเข้าห้องปฏิบัติการเมล็ดพันธุ์ ภาควิชา พืชสวน คณะเกษตร
- ชั่งน้ำหนัก 100 เมล็ด ของเมล็ดที่มีอายุ 2, 5, 10, 15, 20, 25 และ 30 วันหลังเก็บเกี่ยว
(จำนวน 3 ซ้ำ)
- เพาะทดสอบความงอกของเมล็ดในกระบะทรายที่ฆ่าเชื้อแล้ว โดยใช้เมล็ดที่มีอายุ 2, 5, 10, 15 และ 20 วันหลังเก็บเกี่ยว
การทดลองที่ 2 การศึกษาการจัดการแปลงเพาะต้นตอยางพารา
ปัจจัยที่ศึกษามี 3 ปัจจัยคือ
- ความลึกของแปลงเพาะต้นตอยางพารามี 2 ระดับ คือ
- ลึก 20 เซนติเมตร
- ลึก 30 เซนติเมตร
- วัสดุปลูก 7 ชนิด ส่วนผสมเป็นสัดส่วนโดยปริมาตรของดินเดิมแปลงปลูก มีส่วนผสมดังนี้
- ขุยมะพร้าว:ดิน 1:1
- ขุยมะพร้าว:ดิน 2:1
- ขุยมะพร้าว:ดิน:ทราย 1:1:1
- กาบมะพร้าวสับ:ดิน 1:1
- กาบมะพร้าวสับ:ดิน 2:1
- กาบมะพร้าวสับ: ดิน:ทราย 1:1:1
- การเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินในแปลงเพาะ
- ปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด 200 ก.ก./ไร่
- ปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด 400 ก.ก./ไร่
-วางแผนการทดลองโดยใช้แปลงทดลองขนาด 2×4 เมตร จำนวน 84 แปลง
การทดลองที่ 3 การทดสอบภาชนะปลูกและวัสดุปลูกที่เหมาะสมกับต้นตอยางพารา
- วัสดุปลูกที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้ มี 3 ชนิดได้แก่ ดินเหนียว ขุยมะพร้าว ขี้เลื้อย
- ภาชนะปลูกที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้ ได้แก่ ถุงขนาด 4×13 นิ้ว และ 6×14 นิ้ว
- เชื้อไมคอร์ไรซา
- แผนผังการทดลองเป็นแบบ Factorial Randomized Complete Block Design จำนวน 4 ซ้ำแต่ละซ้ำใช้เมล็ดยางพารา 16 ตัวอย่าง ครับคุณผู้ฟัง ช่วงนี้พักกันสักครู่น่ะครับ
-เพลงคั่นรายการ-
กลับมาฟังกันต่อน่ะครับ มาฟังผลและวิจารณ์กันน่ะครับ
การทดลองที่ 1 การพัฒนาคุณภาพเมล็ดพันธุ์ยางพาราสำหรับการผลิตต้นตอยาง เป็นการศึกษาอิทธิพล
ของขนาดเมล็ดที่มีต่อคุณภาพของเมล็ดน้ำหนัก 100 เมล็ดชั่งน้ำหนัก 100 เมล็ดของเมล็ดที่มีอายุ 2, 5, 10, 15, 20, 25 และ 30 วันหลังเก็บเกี่ยว โดยบันทึกข้อมูลระหว่างวันที่ 6 สิงหาคม – 3 กันยายน พ.ศ. 2553 ในสภาพอุณหภูมิห้องซึ่งมีอุณหภูมิอยู่ในช่วง 27.5 – 30.5 องศาเซลเซียส พบว่า ในระยะ 5 วันแรก เมล็ดมีอัตราการสูญเสียน้ำหนักสดค่อนข้างสูงและยังลดลงอย่างต่อเนื่อง (ตาราง 1) เมล็ดที่อายุ 2-5 วันหลังเก็บเกี่ยวมีแนวโน้มว่ามีเปอร์เซ็นต์ความชื้นในเมล็ดสูงที่สุด จึงน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้เมล็ดยางพารามีเปอร์เซ็นต์ความงอกลดลงอย่างรวดเร็วหลังจากเมล็ดหล่นจากต้นและเก็บเมล็ดไว้ในสภาพปกติ คือ อุณหภูมิห้อง ทั้งนี้เนื่องจากเมล็ดพืชบางชนิดจะสูญเสีย การเจริญเติบโตได้ ถ้าความชื้นในเมล็ดต่ำลง เช่น จากการศึกษาถึงความชื้นของเมล็ด เมเปิ้ลพบว่าเมล็ดมีความชื้น 58 เปอร์เซ็นต์เมื่อเมล็ดแก่ในเดือนมิถุนายน และจะสูญเสีย การเจริญเติบโตเมื่อความชื้นลดลงมาเหลือ 30 – 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมล็ดยางจะมีการเจริญเติบโตนานขึ้น
คุณผู้ฟังครับ ในการประเมินผลการทดสอบการงอกของเมล็ดพิจารณาที่ความสามารถในการงอก ของเมล็ดโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การงอกทั้งหมดของเมล็ด สำหรับค่าประเมินอัตราการงอก พิจารณาจากค่า Mean Germination Time หรือ MGT ซึ่งเป็นค่าที่ใช้สำหรับการประเมินความแข็งแรงของเมล็ดเปอร์เซ็นต์การงอกทั้งหมดของเมล็ด เมล็ดมีความงอกต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ความงอกลดลงตามอายุการเก็บรักษาที่มากขึ้น และสูญเสียความงอกทั้งหมดตั้งแต่อายุ 15 วันหลังเก็บเกี่ยว แสงมีผลต่อเปอร์เซ็นต์ความงอก คือเมื่ออายุการเก็บรักษามากขึ้นเมล็ดที่เพาะในที่มืดจะมีความงอกสูงกว่าในที่สว่าง และเมื่อพิจารณาค่า MGT พบว่า การเพาะในที่สว่างมีแนวโน้มว่ามีค่า MGT ต่ำกว่าเมื่อเพาะในที่มืด ครับคุณผู้ฟัง คุณผู้ฟังครับ เมล็ดที่อายุหลังเก็บเกี่ยวมากขึ้น มีแนวโน้มว่าจะให้จำนวนต้นกล้าปกติลดน้อยลง แต่ต้นกล้าที่ได้มีอัตราการเจริญเติบโตสูงมากกว่าต้นกล้าที่เกิดจากเมล็ดที่เก็บรักษาไว้ในระยะเวลาน้อยกว่า ครับ
มาต่อกันที่การทดลองที่ 2 กันน่ะครับ การศึกษาการจัดการแปลงเพาะต้นตอยางพารา
1.ขุดดินเดิมในแปลงทดลองออกตามความลึกที่กำหนด 20 และ 30 เซนติเมตร แล้วผสมวัสดุปลูกตามอัตราส่วนของตำรับทดลอง อัดส่วนผสมในแปลงให้แน่นเพื่อป้องกันการยุบตัวระหว่างการทดลอง
- เพาะเมล็ดยางพาราโดยชักร่องตามความยาวของแปลง แปลงละ 3 แถว ระยะห่างระหว่างแถวเท่ากับ 90 เซนติเมตร เว้นขอบแปลงข้างละประมาณ 5 เซนติเมตร ขุดร่องลึกประมาณ 8-10 เซนติเมตร โรยปุ๋ยคอกปั้นเม็ดในร่องแปลง ตำรับปุ๋ยอัตรา 200 กก./ไร่ ใช้ปุ๋ยแปลงละ 1 กก. และตำรับปุ๋ยอัตรา 400 กก./ไร่ ใช้ปุ๋ยแปลงละ 2 กก.
– หยอดเมล็ดวันที่ 10 สิงหาคม 2553 โดยวางเมล็ดยางพาราลงร่องแปลง ใช้เมล็ดในอัตรา 500 กก./ไร่ (เท่ากับ 1 แปลงใช้เมล็ดยาง 2.5 กก.) กลบวัสดุปลูกให้เท่าระดับดินในแปลง
– ใช้เมล็ดยางพาราพันธุ์ RRIM 600 ที่มีอายุ 7 วันหลังเก็บจากต้น ผลการทดลอง ยังไม่สามารถบันทึกข้อมูลการเจริญเติบโตได้
มาต่อกันกับการทดลองที่ 3 น่ะครับ การทดสอบภาชนะปลูกและวัสดุปลูกที่เหมาะสมกับต้นตอยางพารา
การศึกษาอิทธิพลของภาชนะปลูกและวัสดุปลูกต่อการเติบโตของต้นตอยางพาราได้ทำการเพาะเมล็ดยางพาราเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 และได้ทำการเก็บข้อมูลการเติบโตของต้นตอยางพาราทุกเดือน ซึ่งมีผลการทดลองดังต่อไปนี้
การเติบโตทางความสูง
เมื่อต้นตอยางพาราอายุได้ 1 เดือน ต้นตอยางพารามีความสูงเฉลี่ย 24.80 เซนติเมตร โดยต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่มีความสูงเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็ก และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวมีความสูงเฉลี่ยมากที่สุด คือ 26.37 เซนติเมตร
เมื่อต้นตอยางพาราอายุได้ 2 เดือน ต้นตอยางพารามีความสูงเฉลี่ย 36.84 เซนติเมตร โดยต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่มีความสูงเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็ก และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวมีความสูงเฉลี่ยมากที่สุด คือ 38.52 เซนติเมตร ครับ
เมื่อต้นตอยางพาราอายุได้ 3 เดือน ต้นตอยางพารามีความสูงเฉลี่ย 41.78 เซนติเมตร แต่ต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็กมีความสูงเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่ และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวมีความสูงเฉลี่ยมากที่สุด คือ 44.04 เซนติเมตรครับ
และเมื่อต้นตอยางพาราอายุได้ 4 เดือน ต้นตอยางพารามีความสูงเฉลี่ย 47.06 เซนติเมตร โดยต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็กมีความสูงเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่ และต้นตอ ยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวมีความสูงเฉลี่ยมากที่สุด คือ 50.46 เซนติเมตร ครับ
จากการทดสอบทางสถิติพบว่าความสูงเฉลี่ยของต้นตอยางพาราอายุ 1 เดือนและ 4 เดือนที่ปลูกในวัสดุปลูกต่างชนิดกันมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% แต่ความสูงเฉลี่ยต้นตอยางพาราที่ปลูกในภาชนะขนาดต่างกันไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ ครับ ช่วงนี้พักกันสักครู่น่ะครับ
-เพลงคั่นรายการ-
อัตราการเติบโตทางความสูง
ภายหลังการปลูกต้นตอยางพาราได้ 1 เดือน พบว่า ต้นตอยางพารามีอัตราการเติบโตทางความสูงเฉลี่ย 24.80 เซนติเมตร/เดือน โดยต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่มีอัตราการเติบโตทางความสูงเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็ก และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวมีอัตรา การเติบโตทางความสูงเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด คือ 26.37 เซนติเมตร/เดือน
เมื่อต้นตอยางพาราอายุได้ 2 เดือน ต้นตอยางพารามีอัตราการเติบโตทางความสูงเฉลี่ย 12.06 เซนติเมตร/เดือน โดยต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่มีความสูงเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็ก และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวผสมขุยมะพร้าวมีอัตราการเติบโตทางความสูงเฉลี่ยมากที่สุด คือ 12.62 เซนติเมตร/เดือน
เมื่อต้นตอยางพาราอายุ 3 เดือน มีอัตราการเติบโตทางความสูงเฉลี่ย 4.41 เซนติเมตร/เดือน แต่ต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็กมีอัตราการเติบโตทางความสูงเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่ และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวผสมเชื้อไมคอร์ไรซามีอัตราการเติบโตทางความสูงเฉลี่ยมากที่สุด คือ 5.12 เซนติเมตร/เดือน
และเมื่อต้นตอยางพาราอายุได้ 4 เดือน ต้นตอยางพารามีอัตราการเติบโตทางความสูงเฉลี่ย 4.48 เซนติเมตร/เดือน โดยต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็กมีความสูงเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่ และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวมีอัตราการเติบโตทางความสูงเฉลี่ยมากที่สุด คือ 5.61 เซนติเมตร/เดือน
อัตราการเติบโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้น
ภายหลังการปลูกต้นตอยางพาราได้ 1 เดือน พบว่า ต้นตอยางพารามีอัตราการเติบโตทางเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย 0.25 เซนติเมตร/เดือน โดยต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่มีอัตราการเติบโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็ก และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวผสมขุยมะพร้าวมีอัตราการเติบโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางมากที่สุด คือ 0.26 เซนติเมตร/เดือน
เมื่อต้นตอยางพาราอายุได้ 2 เดือน ต้นตอยางพารามีอัตราการเติบโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย 0.04 เซนติเมตร/เดือน โดยต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็ก และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวผสมเชื้อไมคอร์ไรซา, ดินเหนียวผสมขี้เลื้อย และ ดินเหนียวผสมขี้เลื้อยและเชื้อไมคอร์ไรซามีอัตราการเติบโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยมากที่สุด คือ 0.05 เซนติเมตร/เดือน
เมื่อต้นตอยางพาราอายุ 3 เดือน ต้นตอยางพารามีอัตราการเติบโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย 0.06 เซนติเมตร/เดือน โดยต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็ก และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวผสมขุยมะพร้าวมีอัตราการเติบโตทางเส้น ผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยมากที่สุด คือ 0.08 เซนติเมตร/เดือน
เมื่อต้นตอยางพาราอายุ 4 เดือน ต้นตอมีอัตราการเติบโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย 0.05 เซนติเมตร /เดือน โดยต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยมากกว่าต้นตอยางพาราที่ปลูกในถุงขนาดเล็ก และต้นตอยางพาราที่ปลูกด้วยดินเหนียวและดินเหนียวผสมเชื้อไมคอร์ไรซามีอัตราการเติบโต ทางเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยมากที่สุด คือ 0.06 เซนติเมตร/เดือน
จากการทดสอบทางสถิติพบว่าอัตราการเติบโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยต้นตอยางพาราที่อายุ 1, 2, 3 และ 4 เดือนที่ปลูกในภาชนะขนาดต่างกันมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และอัตราการเติบโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยของต้นตอยางพาราที่อายุ 1 เดือนที่ปลูกในวัสดุปลูกต่างชนิดกันมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ครับคุณผู้ฟัง
มาฟังสรุปและข้อเสนอแนะกันครับ
ในเบื้องต้นสามารถสรุปได้ว่า การลดลงของความชื้นในเมล็ดหลังจากเก็บเกี่ยว มีผลต่อการสูญเสีย การเจริญเติบโตของเมล็ดยางพารา ขนาดของภาชนะปลูกและวัสดุปลูกชนิดต่าง ๆ น่าจะมีผลต่อการเจริญ เติบโตของต้นตอยางพาราครับคุณผู้ฟัง
สัปดาห์หน้ากระผม จะนำเรื่องราวผลงานวิจัยอะไรดีๆ มาฝากคุณผู้ฟังอีก อย่าลืมติดตามรับฟังได้ในรายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.” ในวันและเวลาเดียวกันนี้ หากคุณผู้ฟังมีข้อเสนอแนะนำติชมรายการหรือจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเขียนจดหมายมายังรายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.” ตู้ ปณ. 1077 ปทฝ. เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10903 หรือโทรสอบถาม ได้ที่ 0-2561-1474 สำหรับวันนี้รายการจากแฟ้มงานวิจัย มก. ได้หมดเวลาลงแล้วครับ พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ