รายการวิทยุ เรื่อง “กล้วย” พืชที่ยังมีประโยชน์อีกมาก
[youtube]https://www.youtube.com/watch?v=wuOm05bnYfA[/youtube]
บทวิทยุ รายการ “ จากแฟ้มงานวิจัย มก.”
ออกอากาศวันเสาร์ที่ 25 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2557
เรื่อง “กล้วย” พืชที่ยังมีประโยชน์อีกมาก
บทวิทยุโดย วิทวัส ยุทธโกศา
………………………………………………………………………………………………………
-เพลงประจำรายการ-
สวัสดีครับ คุณผู้ฟังทุกท่านครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่รายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.” ซึ่งออกอากาศเป็นประจำทุกวันเสาร์ ทางสถานีวิทยุ มก. แห่งนี้ครับ รายการนี้ผลิตโดยฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่ง มก. เป็นรายการที่นำเสนอผลงานวิจัยของอาจารย์และนักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งในด้านการเกษตร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแขนงต่างๆ มานำเสนอให้คุณผู้ฟังได้ทราบ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณผู้ฟังในการนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือกับอาชีพของตนเอง โดยมีกระผม……………………………….รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
คุณผู้ฟังครับกล้วยนั้นเป็นพืชเมืองร้อนที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายสิบชนิดและกล้วยที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายในบ้านเรา ได้แก่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมและกล้วยไข่ ส่วนกล้วยที่ได้รับความนิยมจากต่างประเทศ ได้แก่ กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว และกล้วยไข่ หากจะพูดถึงประโยชน์ของกล้วยแล้วสามารถพูดได้ว่า กล้วยนั้นมีประโยชน์มากมาย และสามารถใช้ประโยชน์ได้ดีเกือบทุกส่วน เช่น กาบกล้วย สามารถนำมาใช้ควั่นเชือก ใบตองสดและแห้งนำมาใช้ห่อของ มวนบุหรี่ ห่อหุ้มกิ่งตอน หรือห่อหุ้มผลไม้บางชนิด เพื่อบ่มผิวและป้องกันแมลงได้เป็นอย่างดี ส่วนปลีกล้วยก็นำมาเป็นอาหารหมูได้อีกด้วย และที่แน่ๆนั้นก็คือ กล้วยนั้นรับประทานได้และอร่อย เป็นแหล่งวิตามิน เด็กและผู้ใหญ่ทานได้ทานดี นอกจากกล้วยจะเป็นผลไม้สำหรับทานสดๆแล้วเรายังสามารถนำกล้วยไปทำเป็นอาหารแปรรูปได้อีกมากมาย เช่น นำมาตากแห้ง เป็นกล้วยตาก ทำของหวาน กลั่นเป็นสุราหรือเครื่องดื่ม รวมถึงสามารถนำมาทำน้ำส้มสายชูได้อีกด้วย
คุณผู้ฟังคครับ กล้วยที่พบเห็นทั่วไปในท้องตลาดนั้น พัฒนามาจากกล้วยป่าโดยมีการเปลี่ยนแปลงจากกล้วยที่มีเมล็ดจำนวนมาก เป็นกล้วยที่ไม่มีเมล็ดและเกิดการเป็นหมันด้วย จึงทำให้กล้วยมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น เพราะสะดวกในการรับประทานจึงได้มีการนำไปปลูกต่อ ๆ กันไป เมื่อเห็นว่าต้นไหนดีมีรสชาติอร่อย ไม่มีเมล็ด ทนต่อโรค แมลง มีความแข็งแรง จะทำการขยายพันธุ์กล้วยต้นนั้นต่อ ๆ กันไป เพราะว่ากล้วยขยายพันธุ์ง่ายโดยการแยกหน่อ จึงทำให้มีการกระจายพันธุ์ของกล้วยไปได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นกล้วยยังสามารถผสมพันธุ์ได้เองเตามธรรรมชาติ ทำให้ได้ลูกผสมหลายชนิดเกิดขึ้นและได้ลูกผสมที่ไม่มีเมล็ดเกิดขึ้นด้วยครับ ช่วงนี้พักกันก่อนสักครู่นะครับ
-เพลงคั่นรายการ-
คุณผู้ฟังครับ กล้วยเป็นพืชยืนต้นที่มีอายุหลายฤดู ซึ่งโดยปกติการขยายพันธุ์กล้วยนั้นสามารถทำได้หลายวิธี คือ การขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด การขยายพันธุ์โดยการใช้หน่อ และการขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ส่วนการขยายพันธุ์โดยการใช้หน่อนั้นหน่อที่เหมาะสมในการขยายพันธุ์ คือ หน่อใบแคบ วิธีนี้เป็นที่นิยมทำกันอยู่โดยทั่วไป การขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการขยายพันธุ์ เพื่อให้ได้จำนวนต้นมากและแข็งแรงปราศจากโรค วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะในการทำการค้าเพราะต้นที่ได้จะมีขนาดสม่ำเสมอ และให้ผลผลิตพร้อมกันหรือในเวลาใกล้เคียงกัน
โดยทั่วไปแล้วกล้วยมักจะออกปลีเมื่ออายุราว 8 เดือน ถึง 1 ปีนับแต่วันปลูก ส่วนกล้วยไข่กล้วยน้ำว้า และกล้วยหอมนั้น จะออกปลีในระยะใกล้เคียงกันหากปลูกในท้องที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินที่เหมือน ๆ กัน และหน่อที่ปลูกมีขนาดเท่า ๆ กัน กล้วยไข่มักจะออกเครือก่อน ตามด้วยกล้วยน้ำว้าและกล้วยหอมจะออกล่าสุด ซึ่งก่อนที่กล้วยจะแทงปลีจะสังเกตเห็นว่ากล้วยจะแทงใบซึ่งมีลักษณะต่างกับใบปกติของกล้วย คือ มีขนาดเล็กกว่าและมักจะชี้ตรงขึ้นท้องฟ้าเรียกว่า “ ใบธง” ซึ่งจะเป็นสัญญาณบอกว่ากล้วยกำลังจะออกปลี พอปลีโผล่พ้นตายอดแล้วก็จะเริ่มทะยอยบานให้เห็นดอกกล้วยไล่เวียนลงมา และจะเจริญเติบโตเป็นหวีกล้วยต่อไป กล้วยเครือหนึ่ง ๆ จะมีหวีสมบูรณ์ประมาณ 4 – 6 หวี ๆ ละ 10 – 16 ผล เฉลี่ยแล้วในเครือหนึ่ง ๆ จะมี 70 ผล ดังนั้นในเนื้อที่ 1 ไร่ถ้าปลูก 64 ต้นจะได้กล้วยประมาณ 4,480 ผล
สำหรับการปลูกกล้วยหอมนั้น หลังจากเก็บเครือแล้วชาวสวนมักจะรื้อสวนทิ้ง และนำหน่อย้ายไปปลูกในพื้นที่ใหม่มากกว่าจะปลูกซ้ำในพื้นที่เดิม เพราะถ้าปลูกในที่เดิมผลผลิตจะลดลงไม่ดีเหมือนกับปลูกในพื้นที่ใหม่ พื้นที่เดิมอาจจะใช้ปลูกพืชล้มลุกชนิดอื่นหมุนเวียนไป พอในปีต่อมาจึงค่อยกลับมาปลูกกล้วยหอมใหม่ แต่สำหรับกล้วยน้ำว้านั้นหากเป็นส่วนที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีก็จะมีอายุยืนนานพอหลังจากเก็บเครือจากต้นแม่แล้วเกษตรกรก็สามารถเลี้ยงหน่อที่แข็งแรงขึ้นทดแทนจนกว่าจะเห็นว่ากอกล้วยเริ่มโทรม และผลผลิตไม่คุ้มค่าการดูแลรักษาแล้วจึงค่อยรื้อสวนปลูกใหม่
-เพลงคั่นรายการ-
คุณผู้ฟังครับ ในการปลูกกล้วยนั้นควรจะต้องดูแลรักษาในเรื่องการคลุมดิน การปลูกพืชคลุมดินจะช่วยป้องกันวัชพืชได้เป็นอย่างดี ช่วยรักษาความชื้นในดินและป้องกันการชะล้างหน้าดิน พืชที่จะนำมาปลูกเพื่อคลุมดินควรจะเป็นพืชที่ปลูกได้ดีในที่ร่ม นอกจากการใช้พืชคลุมดินแล้วอาจใช้วัสดุคลุมดิน เช่น ใช้ใบที่แห้งหรือลำกล้วยที่ตัดเป็นท่อน ๆ ซึ่งลอกเป็นกาบ ๆ แล้วใช้กาบคลุมดิน แต่วิธีนี้ควรระวังโรคที่อยู่ที่ใบหรือกาบด้วย ปัจจุบันได้มีการนำพลาสติกสีดำมาใช้ซึ่งก็ใช้ได้ แต่ควรใช้ร่วมกับการให้น้ำระบบน้ำหยด
โดยธรรมชาติแล้วกล้วย จะมีระบบรากที่ตื้นและแผ่กระจายด้านข้างดังนั้นจึงไม่ควรพรวนดินอาจทำให้ระบบรากกระทบกระเทือนได้ การกำจัดวัชพืชจึงควรใช้วิธีถางและป้องกันโดยใช้พืชคลุมดินหรือวัสดุคลุมดินมากกว่า สำหรับการตัดแต่งหน่อนั้น การปลูกกล้วยให้ได้ผลดีมีคุณภาพ ควรบังคับการเกิดหน่อไม่ให้มีหน่อมาก การคัดเลือกหน่อที่ดีสำหรับฤดูกาลต่อไป นอกจากนี้การดูแลสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ก็จะทำให้ได้ผลผลิตสูงให้มีคุณภาพดีจะเป็นความสำเร็จอย่างมากในการปลูกกล้วย
คุณผู้ฟังครับ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูกกล้วยควรจะมีสภาพอากาศที่อบอุ่นชุ่มชื้น คือ มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า 33 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์อย่างน้อย 60 % ปริมาณฝนตกเฉลี่ย 20 – 22 เซนติเมตรต่อเดือน อย่างไรก็ตามไม่ควรปลูกกล้วยในพื้นที่ที่มีมรสุมบ่อย ๆ สำหรับที่ที่เหมาะสมคือ มีความเป็นกรดเป็นด่างตั้งแต่ 4.5 – 7 ควรมีการปรับปรุงดินให้ร่วน ถ้าพื้นที่นั้นไม่ใช่ดินทราย ระยะปลูกกล้วยที่เหมาะสมประมาณ 1 X 3 เมตร หรือ 1 เมตรครึ่ง X 3 หรือ 2X 4 เมตร และ 4X4 เมตร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับชนิด ของกล้วยและระยะเวลาในการปลูก ซึ่งหากต้องการทิ้งไว้นานปีก็ควรใช้ระยะห่างเพื่อให้หน่อเจริญด้วย สำหรับกล้วยที่มีต้นสูงก็ควรทำค้ำยัน โดยใช้ไม้ไผ่ทำรูปกากบาท โดยให้มุมเป็นที่รองรับน้ำหนักของต้นและเครือ ในการปลูกเพื่อเป็นการค้าอาจใช้ลวดสลิงผูกโดยรอบเครือ เพื่อสะดวกในการเก็บเกี่ยว และควรคลุมเครือกล้วยด้วยถุงพลาสติก เมื่อผลกล้วยเติบโตแล้วก่อนคลุมควรฉีดยากันโรคแมลงและตัดแต่งเครือเสียก่อน สำหรับถุงที่คลุมนั้นต้องมีขนาดใหญ่กว่าเครือกล้วยและต้องเจาะรูระบายอากาศและเปิดปลายถุงเอาไว้ การคลุมถุงนั้นจะทำให้คุณภาพของกล้วยดีและผิวสวยขึ้นครับ
คุณผู้ฟังครับ กล้วยต้องการปุ๋ยเช่นเดียวกัน การให้ปุ๋ยกับต้นกล้วยนั้น ควรคำนึงถึงปริมาณธาตุอาหารที่อยู่ในดินและปริมาณธาตุอาหารที่ต้นกล้วยดูดขึ้นมาใช้ ซึ่งส่วนใหญ่ปริมาณธาตุอาหารที่พืชดูดขึ้นมาใช้จะสะสมไว้ที่ผลถึง 32 – 56 % และธาตุอาหารที่สะสมอยู่ในผลกล้วยที่มากที่สุด คือ โปแตสเซียม รองลงมาคือ ไนโตรเจนและฟอสฟอรัสเล็กน้อย ดังนั้นการใช้ปุ๋ยกับต้นกล้วยนั้นควรให้โปแตสเซียมที่สูงกว่าไนโตรเจนได้ สำหรับฟอสฟอรัสควรให้ในปริมาณไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้ถูกต้องก็ควรนำดินไปวิเคราะห์ก่อนว่าควรจะให้ปุ๋ยชนิดใด ในปริมาณเท่าใด เพราะความอุดมสมบูรณ์ของดินแต่ละแหล่งปลูกไม่เหมือนกัน อีกสักครู่มาติดตามเรื่องกล้วยกับผลการวิจัยและประโยชน์ใช้สอยด้านต่างๆของกล้วยกันต่อนะครับ
-เพลงคั่นรายการ-
คุณผู้ฟังครับ ในส่วนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิจัยสาขาต่าง ๆ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยในประเทศไทย การผลิตกล้วยเพื่อการส่งออกต่างประเทศ รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าของกล้วยด้วยการแปรรูป และการนำส่วนต่าง ๆ ของต้นกล้วยมาใช้ประโยชน์ เช่น ปลี ใบกล้วย และกาบกล้วย และในด้านการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยนั้นคณะนักวิจัยด้านพืชสวนได้สำรวจ รวบรวมและจำแนกพันธุ์กล้วยในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2522 ได้พันธุ์กล้วยถึง 56 พันธุ์ และได้เก็บรักษาพันธุ์ไว้ในแปลงรวบรวมพันธุ์ที่สถานีวิจัยปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และที่ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร วิทยาเขตกำแพงแสน
สำหรับพันธุ์กล้วยที่ปลูกในประเทศไทยนั้นมีอยู่ด้วยกันมากมายหลายชนิด และถ้าจะดูการใช้ประโยชน์แล้ว สามารถแบ่งออกได้ดังนี้ คือ หากเป็นการปลูกเพื่อใช้ใบ มักจะปลูกกล้วยตานี เพราะว่าใบจะเหนียวกว่า ใบมีสีเขียวเข้มเป็นเงาและสวยกว่าใบกล้วยชนิดอื่น นอกจากใบจะเหนียวกว่ากล้วยชนิดอื่นแล้ว กาบกล้วยยังเหนียวกว่ากล้วยชนิดอื่น ด้วย หากเป็นการปลูกเพื่อรับประทานผลสดมักจะปลูกกล้วยไข่ กล้วยหอมชนิดต่าง ๆ และกล้วยน้ำว้า หากเป็นการปลูกเพื่อใช้ผลทำอาหารหรือแปรรูปมักจะปลูกกล้วยน้ำว้า กล้วยหักมุก กล้วยหิน กล้วยงาช้าง กล้วยนางพญา ซึ่งเนื้อกล้วยเหล่านี้จะมีแป้งมาก เมื่อทำให้สุกด้วยความร้อนจะทำให้มีรสหวาน อร่อยกว่ารับประทานผลสด ถ้าผลสดที่สุกจะมีรสหวานอมเปรี้ยว ส่วนใหญ่กล้วยเหล่านี้จะมีต้นสูงใหญ่และมีความแข็งแรง ทนทานต่อโรคมากกว่ากล้วยไข่และกล้วยหอม
นอกจากนี้เรายังปลูกกล้วยเพื่อใช้เส้นใย เส้นใยของกล้วยส่วนใหญ่ที่ได้จากกาบกล้วย เมื่อรีดเอาน้ำออกแล้วจะให้เส้นใยที่เหนียว สามารถใช้ทำเชือก กระเป๋า และยังนำไปทำเส้นใยกระดาษได้ดีอีกด้วย ซึ่งเส้นใยของกล้วยตานีจะมีความเหนียวมาก จึงนิยมนำมาทำกระเป๋าถือสตรี โดยมีแหล่งทำอยู่ที่จังหวัดสงขลา สำหรับเส้นใยที่ทำกระดาษได้ดีคือ เส้นใยของกล้วยหอมคาเวนดิช
คุณผู้ฟังครับ นอกจากการใช้ผลกล้วยแล้วยังมีการใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของกล้วยเพื่อทำผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น การใช้ใบและลำต้นเทียมของกล้วย การใช้ใบตอง เพื่อนำมาทดแทนภาชนะพลาสติกและโฟมในการใส่อาหารชั่วคราว เพื่อลดปัญหาขยะและมลภาวะทางอากาศ ซึ่งก็พบว่าการใช้ใบตองของกล้วยตานีและกล้วยหอมเขียว จะได้คุณสมบัติใกล้เคียงกัน มีความแข็งแรงดีกว่าใบตองของกล้วยน้ำว้าและใบที่ใช้ควรเป็นใบอ่อนจะมีสีสวยกว่าใบแก่ ในการวิจัยได้ทำการขึ้นรูปภาชนะ รูปร่างเป็นวงกลม สี่เหลี่ยมผืนผ้า และสี่เหลี่ยมจัสตุรัส ในการขึ้นรูปต้องใช้แม่พิมพ์อัดโดยใช้ความร้อน แรงดัน จากการศึกษาพบว่าการขึ้นรูปต้องใช้แม่พิมพ์ที่ประกบติดกันได้สนิทและระยะห่างของแม่พิมพ์ทั้ง 2ชั้น ต้องสม่ำเสมอและควรใช้ใบตอง 7 ชั้นอัดที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 นาที 30 วินาทีถึง 3 นาที ส่วนภาชนะควรเป็นทรงกลมและตื้นประมาณ 3 เซนติเมตร ก็จะได้ภาชนะที่แข็งแรงกว่าทรงเหลี่ยมและลึก อย่างไรก็ตามความแข็งแรงทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับชนิดใบตองที่ใช้ด้วย
ส่วนการผลิตกระดาษจากลำต้นเทียมของกล้วยนั้น ได้มีการทำวิจัยพบว่ามวลของต้นกล้วยส่วนใหญ่จะเป็นน้ำจึงมีแรงต้านทานต่อแรงหักที่สูงกว่าไม้หลายชนิด เหมาะที่จะทำเป็นกระดาษเพื่อความสวยงาม
นอกจากการวิจัยในด้านการผลิตและแปรรูปแล้ว นักวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ยังได้ศึกษาความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ของการผลิตและการใช้ประโยชน์ต่าง ๆ จากกล้วย จากงานวิจัยพบว่า เกษตรกรเห็นว่าต้นกล้วยพันธุ์แกรนด์เนนที่ผลิตจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อดีนั้น เหมาะสมที่จะผลิตเป็นการค้า จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า เราสามารถที่จะปลูกกล้วยได้ดีในประเทศไทย และยังสามารถปลูกได้ในเชิงพาณิชย์ได้ด้วย ส่วนต่าง ๆ ของกล้วย รวมทั้งผล และยังสามารถนำมาแปรรูปได้ซึ่งล้วนเป็นการเพิ่มมูลค่าของกล้วยให้มากยิ่งขึ้น
-เพลงคั่นรายการ-
คุณผู้ฟังครับ ลองทายสิว่ากล้วยอะไรบ้างที่ปลูกเป็นการค้าในประเทศไทยเรา ใช่แล้วครับ กล้วยไข่ กล้วยหอม กล้วยน้ำว้าและกล้วยหักมุก ส่วนกล้วยตานีก็ปลูกเพื่อตัดใบขาย
สำหรับพื้นที่ที่ปลูกกล้วยไข่มากที่สุด ได้แก่ ที่จังหวัดกำแพงเพชรและเพชรบุรี ส่วนกล้วยหอม มีปลูกในแถบภาคกลาง คือ ที่จังหวัด นนทบุรี ปทุมธานีและกรุงเทพมหานคร ส่วนกล้วยน้ำว้านั้นพบว่ามีการปลูกอยู่ทั่วไป และกล้วยหักมุกก็มีการปลูกมากที่จังหวัดเพชรบุรี เช่นเดียวกัน
การปลูกกล้วยของประเทศไทยนั้นอยู่ในอันดับ 3 ของทวีปเอเซีย โดยมีประเทศฟิลิปปินส์ปลูกมากเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งมีปริมาณการส่งออกจากประเทศจนติดอันดับของโลก สำหรับปริมาณการส่งออกกล้วยของประเทศไทยในสมัยก่อนเคยมีปริมาณมากแต่ก็ลดลงทุกปี จนปัจจุบันหากเทียบปริมาณการส่งออกแล้วมีเพียงไม่ถึง1% ของการส่งออกของประเทศฟิลิปปินส์เท่านั้น เป็นที่น่าเสียดายนะครับ สำหรับการส่งออกกล้วยไปขายยังต่างประเทศนั้น ประเทศไทยเคยส่งกล้วยหอมทองไปยังประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์และประเทศในทวีปยุโรปเป็นจำนวนมาก แต่ว่าในปัจจุบันการส่งออกกล้วยหอมทองตกต่ำมาก ทั้งนี้เพราะว่ากล้วยหอมมีเปลือกบาง ช้ำง่าย และผลผลิตต่ำทำให้ต้นทุนการผลิตสูง น่าจะมีการพยายามผลักดันให้มีการส่งออกกล้วยไข่ให้มากขึ้นซึ่งก็มีแนวโน้มในการส่งออกที่ดี
คุณผู้ฟังครับ เรื่องของกล้วยนั้น ไม่ใช่กล้วยๆอย่างที่คิดนะครับ สัปดาห์หน้ากระผม จะนำเรื่องราวผลงานวิจัยอะไรดีๆ มาฝากคุณผู้ฟังอีก อย่าลืมติดตามรับฟังได้ในรายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.” ในวันและเวลาเดียวกันนี้ หากคุณผู้ฟังมีข้อเสนอแนะนำติชมรายการหรือจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเขียนจดหมายมายังรายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.” ตู้ ปณ. 1077 ปทฝ. เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10903 หรือโทรสอบถาม ได้ที่ 0-2561-1474 สำหรับวันนี้รายการจากแฟ้มงานวิจัย มก. ได้หมดเวลาลงแล้วครับ พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ