คอลลาเจนแมงกะพรุน : เพิ่มมูลค่าของดี จากแมงกะพรุน

ในช่วงปลายฝนต้นหนาว มักจะพบปรากฏการณ์ที่เหล่าแมงกะพรุนหลากสีนับหมื่นลอยเต็มท้องทะเล กินพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร ดยเฉพาะบริเวณชายหาดจังหวัดตราด ระยอง ประจวบคีรีขันธ์  ตรัง และกระบี่ สีสันสวยงาม เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ แก่นักท่องเที่ยว พากันมาชมและถ่ายภาพ  ขณะที่ชาวบ้านพากันใช้สวิงมาตักแมงกะพรุนนำไปดอง ส่งขาย

13508804841350880598l

ปัจจุบันประเทศไทยจะบริโภคแมงกะพรุนที่ผ่านการแปรรูปด้วยการดองเกลือและสารส้ม ขายทั้งแบบสด และตากแห้ง ซึ่งมีมูลค่าไม่สูงนัก และยังไม่มีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น   เนื้อแมงกะพรุนมีคุณค่าทางโภชนาการ คือ มีโปรตีนสูง และมีไขมันคอเลสเตอรอล  และแคลอรี่ต่ำ โดยเฉพาะเป็นโปรตีนประเภทคอลลาเจนที่รับประทานได้

คอลลาเจน คือเส้นใยโปรตีน เป็นส่วนประกอบของผิวหนัง กระดูกอ่อน เอ็นข้อต่อกระดูก กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย  จะมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบอยู่ประมาณ 30% ของส่วนที่เป็นโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย  และเป็น 70 % ของผิวหนังของเรา ร่างกายจะสังเคราะห์คอลลาเจนลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น  สังเกตได้จากการเหี่ยวย่นของผิวพรรณซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณคอลลาเจนที่ลดลง คอลลาเจนจึงเป็นสารสำคัญและกำลังอยู่ในกระแสความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในวงการสุขภาพความงาม และการแพทย์

ปัจจุบัน คอลลาเจนสกัดได้จากสัตว์บก เช่น ไก่ หมู วัว ที่อาจมีกรณีของข้อจำกัดด้านศาสนา หรืออาจเกิดปัญหาเรื่องสัตว์ที่เกิดโรคซึ่งสามารถติดต่อสู่มนุษย์ได้ จึงทำให้มีการวิจัยเพื่อสกัดคอลลาเจนจากสัตว์น้ำ ที่นิยมและมีคุณภาพ คือจากปลาทะเลน้ำลึก แต่มีราคาสูง ขณะที่คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลักของแมงกะพรุน โดยมีมากถึง 70% ของน้ำหนักทั้งหมด ดังนั้นแมงกะพรุนจึงเหมาะที่จะใช้เป็นวัตถุดิบในการสกัดคอลลาเจน

ดร.จีรภา หินซุย จากภาควิชาผลิตภัณฑ์ประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของแมงกะพรุน  โดยการศึกษาวิจัยหาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดคอลลาเจนจากแมงกะพรุน   โดยใช้ส่วนร่มของแมงกะพรุนลอดช่องที่ดองเกลือแล้ว นำมาล้างด้วยการแช่ในสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง จึงทำการทดสอบวิธีสกัดด้วยกรด และใช้กรดร่วมกับเอ็นไซม์ที่ระดับความเข้มข้น และระยะเวลาต่างๆกัน หาปริมาณผลผลิตและวิเคราะห์คุณสมบัติของคอลลาเจนที่สกัดได้ จึงได้ผลสรุปสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดคอลลาเจนจากแมงกะพรุนด้วยสารละลายกรดอซิติกร่วมกับการใช้เอ็นไซม์เปปซิน เป็นเวลา 24 ชั่วโมง จะได้ปริมาณคอลลาเจนเฉลี่ยสูงสุด คิดเป็น 40.4% ของน้ำหนักตัวแมงกะพรุน  คอลลาเจนที่สกัดได้เป็นคอลลาเจนในกลุ่ม Type I  คือชนิดที่พบได้ในผิวหนัง จึงเหมาะสำหรับนำไปประยุกต์ใช้ทางด้านการแพทย์เพื่อการสมานแผล หรือการนำไปใช้เป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหารเสริม รวมทั้งสามารถพัฒนาต่อยอดสู่การผลิตเจลาตินจากแมงกะพรุน สำหรับการผลิตหูฉลามเทียมได้ด้วย

แมงกะพรุนสี       แมงกะพรุน-เย็นตาโฟ

สนใจข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ดร.จีรภา หินซุย

ภาควิชาผลิตภัณฑ์ประมง

คณะประมง

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

จีรภา

…………………………………………………………………………………………………………………………..

เรื่องโดย    : วันเพ็ญ-นภาทิวาอำนวย ฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่ง มก. 0-2561-1474  rdiwan@ku.ac.th