สมุนไพรกวาวเครือเป็นพืชที่มีลำต้นเป็นเถาเลื้อย
สารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเป็นไฟโตเอสโตรเจน ชนิด miroestrol
และ puerarin กวาวเครือขาวสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์น้ำได้ทุกส่วน
คือ หัว ใบ และเถา

การนำกวาวเครือขาวซึ่งมีสาร
phytoestrogen ที่มีผลต่อระบบสืบพันธุ์ และการสร้างกล้ามเนื้อมาใช้ในอาหารสัตว์น้ำมุ่งเน้นในการเพิ่มผลผลิต
และคุณภาพสัตว์น้ำ เช่น ในปลาสลิดการใช้กวาวเครือขาวเพื่อเพิ่มการสร้างไข่ของปลาเพศเมีย
แต่ในปลานิลใช้กวาวเครือขาวเพื่อลดการสร้างไข่ และลดจำนวนลูกของปลา
และมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของเปอร์เซ็นต์เนื้อ
ในส่วนของหัว เถา และใบกวาวเครือขาวมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ระดับแตกต่างกันดังนี้
คือ ในหัวกวาวเครือขาวมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเท่ากับ 4000 พิโคกรัม/กรัม
เถามีเอสโตรเจน 190000 พิโคกรัม/กรัม และในใบมีเอสโตรเจน 1700000 พิโคกรัม/กรัม
การใช้กวาวเครือขาวในสูตรอาหารปลาสลิดระยะเล็กอายุมากกว่า
1 เดือน ที่ระดับ 0.0003% หรือ1-40 กรัม ปลาป่น 55 กก. น้ำมันปลา 6
กก. สารเหนียว 8 กก. รำละเอียด 19 กก. วีทกลูเต้นท์ 10 กก. วิตามิน
2 กก. ทำให้รังไข่ของปลาสลิดมีการพัฒนาดีขึ้น
การใช้กวาวเครือขาวในอาหารสัตว์น้ำยังมีข้อจำกัดในเรื่องของสารพิษคือ
butannin ทำให้เกิดอาการมึนเมา เซื่องซึม และมีผลต่อเนื้อเยื่อตับ
ต่อมหมวกไต และ เซลล์เม็ดเลือดแดงในสัตว์เลือดอุ่น แต่ในปลาหรือสัตว์น้ำที่มีการใช้กวาวเครือขาวเป็นวัตถุดิบอาหาร
ยังไม่มีผลรายงานถึงความเป็นพิษในตัวสัตว์น้ำ
ขั้นตอนในการผลิตอาหารปลาจากสมุนไพรกวาวเครือขาว

จากผลการทดลองให้อาหารผสมกวาวเครือขาวปลานิลเป็นเวลา 90 วัน พบว่า
อัตราการเจริญเติบโตของปลาที่ได้รับใบ เถา และหัว กวาวเครือขาวมีค่าไม่แตกต่างกัน
ทั้งในปลาเพศผู้ และเพศเมีย แต่ในปลาเพศเมียมีแนวโน้มว่าเปอร์เซ็นต์เนื้อส่วนบริโภคได้
มีค่าสูงกว่ากลุ่มควบคุม และมีค่าใกล้เคียงกับปลาเพศผู้ จำนวนลูกปลาในปลาที่เสริมกวาวเครือขาวมีค่อนข้างน้อยกว่ากลุ่มควบคุม
ในปลาเพศผู้พบว่ากวาวเครือขาวมีผลต่อการลดลงของขนาดอวัยวะสืบพันธุ์

|