ไม้เป็นวัสดุที่มีสมบัติมากมาย
ซึ่งมนุษย์เราได้ดัดแปลงแล้วนำมาใช้ตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นการแปรรูปให้อยู่ในขนาดและลักษณะต่างๆ
เพื่อให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้งาน อีกทั้งยังสามารถเผาเพื่อให้พลังงานความร้อน
เนื่องจากสมบัติที่มีอยู่เต็มตัวของไม้ทำให้ไม้เป็นวัสดุที่มีการนำไปใช้ประโยชน์มากชนิดหนึ่ง
ในปัจจุบันถึงแม้ว่าจะมีการปลูกป่าเพื่อเพิ่มปริมาณไม้ให้มีใช้กันมากขึ้น
แต่ปัญหาเรื่องการลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวนยังคงมีอยู่มาก เนื่องจากความต้องการและการตอบสนองความต้องการในแง่ของการใช้ไม้ไม่สมดุลกัน
การศึกษาเพื่อพัฒนาวัสดุที่จะนำมาใช้ทดแทนไม้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ไม้ประกอบพลาสติก
ซึ่งอาจเรียกสั้นๆ ว่าไม้พลาสติกนั้น เป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในวงการอุตสาหกรรมไม้และพลาสติกในต่างประเทศมานานแล้ว
แต่ไม้พลาสติกนั้นค่อนข้างที่จะใหม่ในประเทศไทย ไม้พลาสติกถือได้ว่าเป็นการนำเอาความรู้ของทั้งวงการไม้และวงการพลาสติกมาประสานรวมกัน
ทำให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งสามารถถือได้ว่าเป็นวัสดุทางวิศวกรรมได้อีกชิ้นหนึ่ง
ในมุมมองทางด้านวิศวกรรมวัสดุ ของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เราแบ่งการศึกษาออกเป็น
4 ส่วน กล่าวคือโครงสร้าง (Structure), กระบวนการผลิต (Processing),
คุณสมบัติ (Properties), และสมรรถนะ (Performance)
โครงสร้าง
(Structure) ทั้งไม้และพลาสติกจัดเป็นวัสดุประเภทพอลิเมอร์ (Polymer)
เช่นเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ไม้เป็นพอลิเมอร์ที่ได้จากธรรมชาติ ในขณะที่พลาสติกเป็นพอลิเมอร์ที่ได้จากการสังเคราะห์
ทำให้ไม่สามารถควบคุมสมบัติของไม้ให้เป็นไปตามต้องการเช่นพลาสติกแต่สามารถทำกับไม้พลาสติกได้
โครงสร้างของพลาสติก
มีหลายชนิดแบ่งตามชนิดและรูปแบบการจับกันของสายโซ่โมเลกุล เนื่องจากพลาสติกแต่ละชนิดมีโครงสร้างทางเคมีแตกต่างกันจึงทำให้มีสมบัติทางกายภาพและทางเคมีต่างกันไปด้วย
ในการเลือกใช้พลาสติกที่จะนำมาใช้ประกอบกับไม้นั้น นอกจากจะต้องคำนึงถึงสมบัติที่ต้องการแล้วยังต้องคำนึงถึงความ
เป็นไปได้ในการผลิต และความเข้ากันได้อีกด้วย
โครงสร้างของไม้
เป็นวัสดุที่ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน
เนื่องจากโครงสร้างของไม้ประกอบขึ้นจากเซลล์เนื้อไม้ที่มีรูปร่างหลากหลายกระจายเรียงตัวเป็นชั้นๆ
แต่ละชั้นมีสมบัติต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์, ความอุดมสมบูรณ์ของน้ำ,
อาหาร, แสงแดดและสภาวะแวดล้อมต่างๆ ที่ต้นไม้นั้นได้รับขณะที่ทำการสร้างเซลล์นั้นๆ
และเนื่องจากเนื้อเยื่อของต้นไม้แต่ละชั้น ไม่เหมือนกันนี้เอง จึงทำให้มีสมบัติทางกายภาพและเคมีแตกต่างกันไปเช่นกัน
กระบวนการขึ้นรูป
(Processing) รายละเอียดและขั้นตอนในการผลิตไม้ประกอบพลาสติกตลอดจน
การเตรียมวัตถุดิบ ที่ใช้นั้น จะขึ้นอยู่กับวิธีการขึ้นรูปที่เลือกใช้
ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากว่า ในการขึ้นรูปแต่ละวิธีก็มีข้อจำกัดแตกต่างกันไปบางวิธีอาจสามารถใช้กับวัตถุดิบที่มีขนาดไม้ไม่ต้อง
ละเอียดมากได้ แต่บางวิธีจำเป็นต้องเตรียมวัตถุดิบให้มีความละเอียดสูง
เป็นผลทำให้มีขั้นตอนในการเตรียมวัตถุดิบแตกต่างกัน และการขึ้นรูปไม้ประกอบ
พลาสติกสามารถขึ้นรูปได้หลายวิธีเช่นเดียวกับการขึ้นรูปพลาสติกทั่วไป

สมบัติ
(Properties) เนื่องจากไม้ประกอบพลาสติกเป็นวัสดุที่เอาทั้งไม้และพลาสติกมารวมกัน
จึงเป็นผลทำให้สมบัติเดิมของไม้และพลาสติกเปลี่ยนไป ทั้งนี้ สัดส่วนของไม้และพลาสติกก็ยังมีผลกระทบต่อสมบัติของไม้พลาสติกด้วยเช่นกัน
โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าปริมาณของวัตถุดิบตัวใดตัวหนึ่งมาก คุณสมบัติโดยรวมของไม้พลาสติกก็จะมีแนวโน้มเอียงไปทางวัสดุที่มีปริมาณมากกว่า
ซึ่งสามารถกล่าวสรุปข้อเด่นของไม้พลาสติกดังนี้เมื่อเปรียบเทียบกับไม้
ไม้พลาสติกทนทานต่อความชื้นได้ดีกว่า ต้านทานต่อเชื้อราและแมลงที่เป็นศัตรูของไม้ต่างๆ
ทนทานต่อสภาวะแวดล้อมได้นานกว่า สามารถผลิตให้มีรูปร่างต่างๆ ได้โดยไม่ทำให้เกิดเศษเหลือใช้
สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือ recycle ได้ แต่สมบัติต่างๆ ของที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่
ย่อมลดลงเป็นธรรมดา เปรียบเทียบกับพลาสติก ไม้พลาสติกสามารถรับแรงทางกลได้มากกว่า
มีความทนทานต่อแสง UV ได้ดีกว่า มีการหดและขยายตัว (เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ)
น้อยกว่าในปริมาตรที่เท่ากัน ไม้พลาสติกจะมีน้ำหนักเบากว่าพลาสติก
สมรรถนะการใช้งาน
(Performance) เนื่องจากประเภทของวัตถุดิบที่หลากหลายทำให้มีกระบวนการผลิตที่แตก
ต่างกัน จึงส่งผลให้มีสมบัติที่แตกต่างกันหลายอย่าง ทำให้การจะกล่าวถึงสมรรถนะการใช้งานนั้น
หากจะมองโดยภาพรวม ซึ่งอาจจะมีข้อแตกต่างปลีกย่อย จึงไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้
โดยรวมแล้วการเพิ่มไม้ลงไปในพลาสติกนั้น จะเป็นการการเพิ่มความแข็งแรงและลดต้นทุนให้กับตัวพลาสติก
แต่มันกลับทำให้มีความเปราะเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ดี สมบัติด้านอื่นๆ
ก็จะแตกต่างกันออกไปดังที่ได้กล่าวมาแล้วบ้างในข้างต้น
วงการของไม้พลาสติกนั้นได้มีการพัฒนาออกไปอย่างกว้างขวางแล้วในต่างประเทศ
ซึ่งอย่างที่ทราบว่า ไม้พลาสติกในประเทศไทยนั้นเพิ่งมีอายุได้ 2-3
ปี มีบริษัทเอกชนและสถาบันการศึกษาหลายแห่งได้กำลังพัฒนาไม้พลาสติกออกมาใช้ในประเทศ
ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เงินตรารั่วไหลออกไปนอกประเทศในทางอ้อม
เนื่องจากเราสามารถที่จะผลิตใช้ได้เองโดยภูมิปัญญาของคนไทยโดยไม่ต้องนำเข้า
ซึ่งนับว่าเป็นการดีต่อประเทศ โดยเฉพาะผลกระทบทางด้านรักษาสิ่งแวดล้อม
และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อมด้วย เนื่องจากได้มีการนำวัสดุเหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์หรือเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุ
อนาคตของไม้พลาสติกที่อาจเรียกได้ว่าเป็นวัสดุทางวิศวกรรมชิ้นใหม่ของประเทศไทย
ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้พัฒนา คุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐาน
ผู้ผลิต ควรมีการแยกแยะลักษณะผลิตภัณฑ์ให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเพราะว่าได้มีการใช้คำว่า
"ไม้" ในผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่ไม้ได้มีไม้ผสมอยู่ ทำให้ผู้บริโภคอาจเกิดการเข้าใจผิดได้
สุดท้าย คือการยอมรับของผู้บริโภค ซึ่งต้องมีการใช้งานและเสนอข้อคิดเห็นตอบกลับมายังผู้ผลิตและผู้วิจัย
เพื่อการพัฒนาวัสดุไม้พลาสติกของคนไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อคุณภาพชีวิตของเราชาวไทย
|