หน่อไม้ฝรั่ง
(Asparagus officinalis Linn.) พืชผักที่อุดมไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต
แคลเซียม วิตามิน และเป็นแหล่งของกลูตาไธโอน ซึ่งช่วยต้านการเกิดมะเร็ง
นอกจากนี้ยังมีไขมันต่ำอีกด้วย โดยปัจจุบันหน่อไม้ฝรั่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในการผลิตและพัฒนาให้มีการขยายตัวในการบริโภคและส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศเป็นอย่างมาก
พันธุ์หน่อไม้ฝรั่งที่นิยมปลูกในประเทศไทย
คือ
1) พันธุ์ลูกผสม (hybrid) ได้แก่ พันธุ์ยูซี
157 (UC 157) และพันธุ์บร็อคอิมปรู๊พ (Brock's Improved) ซึ่งมักมีราคาแพงและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
2) พันธุ์ผสมเปิด (open pollination) ได้แก่
พันธุ์ผสมเปิดไทยบร็อคอิมปรู๊พ (Thai Brock's Improved) ในชั่วต่างๆ
ซึ่งเกษตรกรเก็บเมล็ดจากต้นพันธุ์บร็อคอิมปรู๊พที่ผสมพันธุ์ตามธรรมชาติมาขยายพันธุ์
ซึ่งควรมีวิธีการเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ถูกวิธีคือ ในหน่อไม้ฝรั่งจะพบลักษณะต้นเพศผู้
ต้นเพศเมียที่ติดผลจำนวนมาก และต้นกะเทย ที่มีดอกส่วนใหญ่เป็นดอกเพศผู้
บางดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ติดผลน้อย ขนาดผลเล็กกว่าต้นเพศเมีย ซึ่งการขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดที่เก็บเองในแปลงนั้น
ควรเลือกเก็บเมล็ดจากต้นกะเทย ที่ให้หน่อขนาดใหญ่ คุณภาพดี ผลผลิตดี
ทนทานต่อโรค แมลงและทนต่อสภาพแวดล้อม เพื่อจะได้ต้นเพศผู้ที่ให้หน่อดก
หน่อขนาดใหญ่ และคุณภาพหน่อดี จำนวนมาก
การเพาะกล้าให้นำผลที่เก็บจากต้นกะเทยมาล้างด้วยน้ำสะอาด
เอาเปลือกออก โดยถ้าหากเพาะเมล็ดใหม่จะมีความงอกสูง แต่ถ้าเมล็ดเก็บไว้นานควรกระตุ้นการงอกก่อนนำไปเพาะ
เมล็ดจะงอกได้มากขึ้นและลดระยะเวลาในการงอกด้วย การเพาะลงในถุงดำเป็นวิธีที่นิยมปฏิบัติกันมาก
เนื่องจากง่ายต่อการย้ายปลูก วัสดุเพาะที่ใช้ ควรเป็นดินสำเร็จรูป
หรือดินผสมที่มีในแต่ละพื้นที่ เช่น ปุ๋ยคอก : ทราย : ถ่านแกลบ : ดิน
อัตราส่วน 1 :1 : 1 : 1 : 1 หรือ ดินร่วน : ปุ๋ยอินทรีย์ อัตราส่วน
1 : 1 โดยปริมาตร เป็นต้น เมื่อต้นกล้าอายุ 2-3 เดือน จึงย้ายปลูกลงในแปลงปลูกได้ทั้งรูปแบบการยกร่องและแบบไร่
การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง 1 ครั้ง สามารถเก็บผลผลิตได้นานถึง
3-6 ปี จึงต้องเตรียมแปลง ปรับปรุงโครงสร้างดินให้โปร่งโดยการใส่แกลบ
ปุ๋ยอินทรีย์ต่างๆ และไถพรวนดินอย่างดี และตลอดระยะการปลูกควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ไม่ต่ำกว่า
5-10 ตัน/ไร่/ปี และควรมีการจดบันทึกประวัติแปลงอย่างสม่ำเสมอ
ระยะปลูกที่เหมาะสมในการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง
คือ 30-50 x 120 ซม. โดยพิจารณาตามสภาพความสมบูรณ์ของพื้นที่ ซึ่งจะมีความหนาแน่นประชากรอยู่ที่ประมาณ
3,000-4000 ต้น/ไร่ หลังจากย้ายกล้าลงปลูก 4-5 เดือนจะสามารถเก็บผลผลิตได้
ในระหว่างการเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องพูนโคนต้น ทำราวค้ำต้น และไว้ต้นแม่ประมาณ
4-5 ต้นต่อกอ ตัดยอดและแต่งกิ่งแขนงด้านล่างให้ต้นโปร่ง เมื่อต้นแม่เริ่มโทรมหรือเป็นโรคควรถอนออกแล้วไว้ต้นใหม่ทดแทน
และช่วงฤดูร้อนหน่ออ่อนควรสวมหมวกพลาสติกแข็งที่ใหม่ สะอาดเพื่อไม่ให้หน่อบานเร็ว
มีหน่อตูม
การให้น้ำนิยมปฏิบัติ
2 รูปแบบ คือ การให้น้ำตามร่อง และการให้น้ำแบบพ่นฝอยหรือสปริงเกอร์
โดยการให้น้ำแบบพ่นฝอยมีต้นทุนของระบบประมาณ 10,000 บาท/ไร่ ซึ่งสูงกว่าการให้น้ำแบบร่อง
แต่พบว่าแรงพ่นของน้ำสามารถขับไล่เพลี้ยไฟได้ดีในฤดูร้อน แต่ในการปลูกแบบยกร่องจีนอาจให้น้ำโดยใช้เรือรดน้ำได้
นอกจากแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ หนอนเจาะสมอฝ้าย
แล้ว ยังมีโรคที่สำคัญคือ โรคลำต้นไหม้ โรคใบเหี่ยวร่วง เป็นต้น ซึ่งการป้องกันกำจัดโรคและแมลงสามารถทำได้โดยการใช้สารเคมีที่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในระบบการผลิตด้วยเกษตรดีที่เหมาะสม
(Good Agricultural Practice; GAP) รวมถึงการใช้สารชีวภาพต่างๆ ส่วนการกำจัดวัชพืชนั้นนิยมทำโดยการถอนหรือถากออก
เมื่อหน่อไม้ฝรั่งเริ่มให้ผลผลิตลดลงและต้นแม่เริ่มโทรม
ให้ทำการพักต้นโดยงดเก็บเกี่ยวผลผลิตและตัดแต่งถอนต้นแม่ทิ้งทั้งหมด
ปล่อยให้งอกต้นใหม่เป็นระยะเวลา 20-30 วัน จึงเริ่มเก็บเกี่ยวอีกครั้ง
ควรทำการเก็บเกี่ยวประมาณ 2 เดือนแล้วพักต้น 1 เดือนสลับกันไป และปรับปรุงดินโดยใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ
15-15-15 หรือมีธาตุฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงในช่วงเก็บเกี่ยว หน่อไม้ฝรั่งจะให้หน่อที่สมบูรณ์
ไม่บานเร็ว ส่วนช่วงพักต้นให้ใส่อินทรีย์วัตถุ ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ หรือปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูงร่วมกับแกลบทุกๆ
15 วัน
การเก็บเกี่ยวหน่อไม้ฝรั่งเพื่อการบริโภคสามารถทำได้
2 รูปแบบ คือ แบบหน่อเขียว และหน่อขาว หน่อเขียวสามารถเก็บเกี่ยวโดยใช้มือจับโคนหน่อที่โผล่พ้นดินสูงประมาณ
20 ซม. แล้วดึงขึ้นมาในแนวตรงแต่ไม่จับหน่อแรงเกินไป ถ้าดินแข็งหรือหน่อใหญ่ควรคุ้ยดินก่อนเก็บ
มักเก็บเกี่ยวช่วงเช้าเวลา 6.00-9.00 น. ส่วนหน่อขาวจะเก็บช่วงเวลา
4.00-7.00 น. และต้องระมัดระวังไม่ให้โดนแสงแดด ซึ่งอาจใช้วัสดุทึบแสง
เช่น ถุงพลาสติกสีดำคลุมไว้ เพราะถ้าโดนแสงจะทำให้หน่อเป็นสีเขียวซึ่งถือเป็นลักษณะคุณภาพไม่ดี
หน่อขาวสามารถทำการเก็บเกี่ยวโดยวิธีการขุด
หลังเก็บเกี่ยววางหน่อไม้ฝรั่งในที่ร่ม อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ล้างทำความสะอาดโคนหน่อเอาดินออก นำผลผลิตมาเรียงปลายหน่อให้เสมอกัน
แล้วตัดส่วนโคนหน่อด้วยมีดคมๆ ให้มีความยาวหน่อ 25 ซม. ล้างทำความสะอาดอีกครั้ง
การล้างต้องล้างด้วยน้ำสะอาดและระวังอย่าให้หน่อช้ำน้อยที่สุด แล้วนำมาคัดเกรดตามมาตรฐานที่ทำการรับซื้อ
โดยทั่วไปมีข้อกำหนดคือ 1) หน่อตรง ไม่คด หรือแคระแกร็น 2) ปลายหน่อแน่น
ไม่บาน (ไม่มีช่อใบโผล่พ้นกาบหุ้ม 3) ความยาวหน่อ 25 ซม. โดยมีส่วนสีเขียวไม่น้อยกว่า
19-25 ซม. 4) หน่อไม้ฝรั่งต้องสะอาด ปราศจากโรคและแมลง 5) ขนาดของหน่อไม้ฝรั่งสม่ำเสมอ
โดยในระบบการผลิตหน่อไม่ฝรั่งมักอยู่ในรูปกลุ่มเกษตรกร
ซึ่งในกลุ่มเกษตรกรและเกษตรกรต้องพึงปฏิบัติและคำนึงถึงสุขลักษณะของแปลงและตัวเกษตรผู้ปฏิบัติงานเอง
มีการจดบันทึกการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ มีการใช้ปัจจัยการผลิต สารเคมีตามที่กำหนด
ปฏิบัติตามกฎ GAP อย่างเคร่งครัด และสามารถย้อนสอบทวนการปฏิบัติงานดังกล่าวได้
การปฏิบัติดังกล่าวจะส่งผลให้การส่งออกหน่อไม้ฝรั่งมีปริมาณและราคาเพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากมีตลาดรองรับ ยอมรับผลผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
|