ถั่วเขียวพันธุ์กำแพงแสน 1 และ กำแพงแสน 2
Kamphaeng Saen 1 and Kamphaeng Saen 2 Mungbean
................................................................................................................................................
พีระศักดิ์ ศรีนิเวศน์1 รังสฤษดิ์ กาวีต๊ะ1 อนุวัฒน์ เจนกฤติยา2 และ ธำรงชัย อินทร์ดอนไพร2
1ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม
2ศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักเขตร้อน สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

       สายพันธุ์ถั่วเขียว VC 1973 A และ VC 2778 A ซึ่งเป็นสายพันธุ์เริ่มต้นของถั่วเขียวพันธุ์กำแพงแสน 1 และ 2 ตามลำดับ นั้น โครงการปรับปรุงพันธุ์ ถั่วเขียว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับมาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักแห่งเอเซีย (Asian Vegetable Research and Development Center, AVRDC) ประเทศไต้หวัน ตั้งแต่ต้นปี 2525 จากผลการทดสอบผลผลิตเบื้องต้นที่วิทยาเขต กำแพงแสน พบว่า ให้ผลผลิตสูง และลักษณะทางพืชไร่ดี จึงได้ทำการคัดเลือกแบบหมู่ (mass selection) เพื่อทำการทดสอบโดยละเอียดที่วิทยาเขตกำแพงแสนอีก 4 ครั้ง และที่สถานีวิจัยสุวรรณวาจกกสิกิจ อีก 5 ครั้ง จึงได้นำไปปลูกเปรียบเทียบกับพันธุ์อู่ทอง 1 ซึ่งเป็นพันธุ์ส่งเสริมในขณะนั้น ในแปลงเกษตรกร อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ในฤดูแล้งปี 2527
         เพื่อเป็นการยืนยันความดีเด่นของพันธุ์ที่คัดมาจากสายพันธุ์ VC 1973 A และ VC 2778 A ทางโครงการปรับปรุงพันธุ์ถั่วเขียว ม.เกษตรศาสตร์ จึงได้ส่งเมล็ดพันธุ์คัดของทั้งสองสายพันธุ์ให้แก่ศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร กับฝ่ายพืชน้ำมัน กองส่งเสริมพืชพันธุ์ และสำนักงานเกษตรอำเภอบ้านโป่ง กรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อให้ทดสอบสายพันธุ์ทั้งสองเปรียบเทียบกับพันธุ์อู่ทอง 1 ในไร่นาเกษตรกรหลังการทำนาในฤดูแล้ง 2528 อีกด้วย ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่า สายพันธุ์ใหม่ให้ผลผลิตสูงกว่า ต้านทานโรคสูงกว่า และลักษณะทางพืชไร่ดีกว่าพันธุ์อู่ทอง 1 อย่างชัดเจน โดยสายพันธุ์ VC 1973 A และ VC 2778 A ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 1 ประมาณร้อยละ 40 และ 30 ตามลำดับ

     

ผลการทดสอบสายพันธุ์ทั้งสองในไร่นาเกษตรกรทั่วประเทศในฤดูฝนปี 2528 โดยกรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตร (ตารางที่ 1 และ 2) พบว่า สายพันธุ์ทั้งสองให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ อู่ทอง 1 ร้อยละ 10-20 เนื่องจากเกษตรกรปลูกโดยการหว่าน ทำให้สายพันธุ์ใหม่มีข้อเสียเปรียบ เนื่องจากมีต้นเตี้ยกว่าพันธุ์อู่ทอง 1 กว่า 10 ซม. จึงแข่งขันกับวัชพืชได้ไม่ดีเท่า แต่ถ้าเป็นการปลูกแบบเป็นแถว มีการกำจัดวัชพืชอย่างในสถานีทดลอง หรือปลูกแบบหว่านแต่ใช้อัตราที่สูงกว่าที่ใช้กับพันธุ์อู่ทอง 1 แล้ว สายพันธุ์ใหม่ทั้งสองจะให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 1 อย่างน้อยร้อยละ 25
อนึ่ง พันธุ์กำแพงแสน 1 เหมาะสำหรับปลูกในฤดูแล้ง เนื่องจากมีลำต้นสูงใหญ่กว่าพันธุ์ กำแพงแสน 2 ซึ่งเหมาะสำหรับปลูกในฤดูฝน ปัจจุบัน (ปี 2546) มีผู้ปลูกถั่วเขียว 2 พันธุ์นี้ กว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่ปลูกถั่วเขียวทั้งประเทศ


 

ตารางที่ 1 ผลผลิตของถั่วเขียวพันธุ์กำแพงแสน 1 และกำแพงแสน 2 เทียบกับพันธุ์อู่ทอง 1
ทดสอบในแปลงเกษตรกร 13 ท้องที่ใน 13 จังหวัด โดยกรมวิชาการเกษตร ฤดูฝน 2528

พันธุ์
ผลผลิต(กก./ไร่)
เทียบเป็นร้อยละ
ของพันธุ์อู่ทอง 1
กำแพงแสน
160.4
121
กำแพงแสน 2
156.8
119
อู่ทอง 1
132.0
100

 

ตารางที่ 2 ผลผลิตถั่วเขียวพันธุ์กำแพงแสน 1 และกำแพงแสน 2 เทียบกับพันธุ์อู่ทอง 1
ทดสอบในแปลงเกษตรกร 7 ท้องที่ ในเขตจังหวัดพิษณุโลกและอุตรดิตถ์
โดยฝ่ายพืชน้ำมัน กองส่งเสริม พืชพันธุ์ กรมส่งเสริมการเกษตร ฤดูฝน 2528

พันธุ์
ผลผลิต(กก./ไร่)
เทียบเป็นร้อยละ
ของพันธุ์อู่ทอง 1
กำแพงแสน
203.5
118
กำแพงแสน 2
190.9
111
อู่ทอง 1
172.0
100