ยีสต์สายพันธุ์ใหม่ Pichia kasetsartensis sp. nov., Pichia siamensis sp. nov., Candida sithepensis sp. nov.
และ Citeromyces siamensis sp. nov. ค้นพบโดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
New Yeast Species, Pichia kasetsartensis sp. nov. Pichia siamensis sp. nov.,
Candida sithepensis sp. nov. and Citeromyces siamensis sp. nov. Discovered by
Kasetsart University Researchers

................................................................................................................................................
สาวิตรี ลิ่มทอง นันทนา สีสุข วิเชียร ยงมานิตชัย ประเสริฐ สุดใจประภารัตน์
Prof. N. Kato1, Miss Y. Nagatsuka2, Dr. H. Kawasaki2 , Mr. K. Mikata3 และ Prof. T. Seki2
ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,
1Division of Applied Life Science, Graduate School of Agriculture, Kyoto University, Japan
2 International Center for Biotechnology, Osaka University, Japan และ 3Institute for Fermentation, Osaka, Japan


        ยีสต์เป็นราที่มีการดำรงชีวิตเป็นเซลล์เดี่ยว ใช้ในการ
ผลิตผลิตภัณฑ์หลายประเภท ยีสต์ที่มนุษย์รู้จักและนำมาใช้
ประโยชน์ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีค่าทางเศรษฐกิจนั้น เชื่อ
กันว่าเป็นเพียงส่วนน้อยของยีสต์ที่มีอยู่บนโลก ยังมียีสต์อีก
จำนวนมากที่กระจายอยู่ตามแหล่งที่อยู่หลายแหล่งไม่ว่าจะ
เป็นผืนดิน หรือแหล่งน้ำ ๆ ซึ่งรวมถึงพืชและสัตว์ที่อยู่ใน
แหล่งเหล่านั้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในป่าเขตร้อน เช่น
ป่าในประเทศไทย ที่มีขนาดใหญ่อุดมสมบูรณ์ และมีความ
หลากหลายของชนิดป่า ทำให้มีความหลากหลายของจุลินทรีย์
และมีอัตราการเปลี่ยนแปลงสารอินทรีย์สูง ยีสต์และราอื่น
มีความสำคัญเป็นอันดับแรกในการเปลี่ยนแปลงสารอินทรีย์
และเมื่อสารอินทรีย์ของแหล่งเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไป ทำ

  ให้ประชากรของจุลินทรีย์รวมทั้งยีสต์เปลี่ยนแปลงไปด้วย
ผลที่ตามมาคือจุลินทรีย์รวมทั้งยีสต์หลายสปีชีส์หายไป ดังนั้น
จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่ต้องมีการศึกษาจุลินทรีย์รวม
ทั้งยีสต์ในแหล่งนั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทราบว่าถึงชนิดของ
จุลินทรีย์รวมทั้งยีสต์ในแหล่งธรรมชาติเหล่านั้น ข้อมูลที่ได้
จะเป็นการแสดงทรัพยากรของประเทศ อีกทั้งมีประโยชน์ใน
แง่อนุรักษ์ และสำหรับยีสต์มีความเป็นไปได้สูงที่จะนำยีสต์ที่
พบไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีค่าทางเศรษฐกิจในอนาคต
ทั้งนี้การศึกษาความหลากหลายของยีสต์ในแหล่งธรรมชาติ
ในประเทศไทยมีน้อยเมื่อเทียบกับการศึกษาจุลินทรีย์อื่น
และมีน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่น ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึง
ได้ทำการศึกษาความหลากหลายของยีสต์ในแหล่งธรรมชาติ
และแหล่งที่อยู่ที่มนุษย์สร้างขึ้น














           ยีสต์เป็นราที่มีการดำรงชีวิตเป็นเซลล์เดี่ยว ใช้
ในการผลิตผลิตภัณฑ์หลายประเภท ยีสต์ที่มนุษย์รู้จัก
และนำมาใช้ประโยชน์ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีค่าทาง
เศรษฐกิจนั้น เชื่อกันว่าเป็นเพียงส่วนน้อยของยีสต์ที่
มีอยู่บนโลก ยังมียีสต์อีกจำนวนมากที่กระจายอยู่ตาม
แหล่งที่อยู่หลายแหล่งไม่ว่าจะเป็นผืนดิน หรือแหล่งน้ำ
ซึ่งรวมถึงพืชและสัตว์ที่อยู่ในแหล่งเหล่านั้นด้วย โดย
เฉพาะอย่างยิ่งในป่าเขตร้อน เช่นป่าในประเทศไทย
ที่มีขนาดใหญ่อุดมสมบูรณ์ และมีความหลากหลายของ
ชนิดป่า ทำให้มีความหลากหลายของจุลินทรีย์ และมี
อัตราการเปลี่ยนแปลงสารอินทรีย์สูง ยีสต์และราอื่นมี
ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการเปลี่ยนแปลงสาร
อินทรีย์ และเมื่อสารอินทรีย์ของแหล่งเหล่านั้นเปลี่ยน
แปลงไป ทำให้ประชากรของจุลินทรีย์รวมทั้งยีสต์

เปลี่ยนแปลงไปด้วย ผลที่ตามมาคือจุลินทรีย์รวมทั้ง
ยีสต์หลายสปีชีส์หายไป ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่าง
เร่งด่วนที่ต้องมีการศึกษาจุลินทรีย์รวมทั้งยีสต์ใน
แหล่งนั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทราบว่าถึงชนิดของ
จุลินทรีย์รวมทั้งยีสต์ในแหล่งธรรมชาติเหล่านั้น ข้อ
มูลที่ได้จะเป็นการแสดงทรัพยากรของประเทศ อีก
ทั้งมีประโยชน์ในแง่อนุรักษ์ และสำหรับยีสต์มความี
เป็นไปได้สูงที่จะนำยีสต์ที่พบไปใช้ในการผลิตผลิต
ภัณฑ์ที่มีค่าทางเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งนี้การศึกษา
ความหลากหลายของยีสต์ในแหล่งธรรมชาติใน
ประเทศไทยมีน้อยเมื่อเทียบกับการศึกษาจุลินทรีย์
อื่น และมีน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่น ดังนั้น
คณะผู้วิจัยจึงได้ทำการศึกษาความหลากหลายของ
ยีสต์ในแหล่งธรรมชาติ และแหล่งที่อยู่ที่มนุษย์สร้างขึ้น




























         จากศึกษาความหลากหลายของเมธิลโลโทรฟิกส์ยีสต์
ที่ใช้เมธานอลเป็นแหล่งพลังงานและแหล่งคาร์บอน ซึ่งมี
ศักยภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลายชนิด
(เช่น โปรตีนเซลล์เดี่ยว กรดอะมิโน และเอนไซม์แอลกอ-
ฮอล์ออกซิเดส) และที่สำคัญคือสามารถใช้เป็นเซลล์เจ้า
บ้านสำหรับการแสดงออกของยีนจากแหล่งอื่น เพื่อการ
ผลิตโปรตีนที่มีความสำคัญทางเภสัชกรรมและอุตสาหกรรม
เอนไซม์หลายชนิด (เช่น วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี) โดยการ
แยกจากดินและพืช รวม 634 ตัวอย่าง ที่เก็บจาก 41 จังหวัด
ในประเทศไทย พบว่ามีเพียง 28.3% ของตัวอย่างดิน และ
26.8% ของตัวอย่างพืช ที่มีเมธิลโลโทรฟิกยีสต์ โดยแยกได้
ยีสต์ 253 ไอโซเลท และมีเพียง 54 ไอโซเลท ที่เจริญได้ดี
ที่อุณหภูมิสูง 37 องศาเซลเซียส เมื่อนำมาจัดจำแนกโดย
วิธีดั้งเดิม ด้วยการตรวจลักษณะสัณฐานวิทยาของเซลล์และ
แอสโคสปอร์ ลักษณะชีวเคมีและสรีรวิทยา พบว่า 50
ไอโซเลท ที่สร้างแอสโคสปอร์รูปหมวก อยู่ในสกุล Pichia
ส่วนอีก 4 ไอโซเลท ซึ่งไม่สร้างแอสโคสปอร์ อยู่ในสกุล

Candida ได้เลือก 6 ไอโซเลท มาหาลำดับของเบส
ใน D1/D2 domain ของ 26S rDNA และนำมาเขียน
phylogenetic tree พบว่าเป็นยีสต์สปีชีส์ใหม่ถึง 3
สปีชีส์ ซึ่งคณะผู้วิจัยให้ชื่อเป็น Pichia siamensis sp. nov.
(
3 ไอโซเลท) เนื่องจากแยกได้ครั้งแรกในประเทศไทย
Pichia kasetsartensis sp. nov. เพื่อเป็นเกียรติ์สำหรับ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในวาระครบรอบ 60 ปี (1
ไอโซเลท) และ Candida sithepensis sp. nov.
(1 ไอโซเลท) เพราะแยกได้จากดินในอุทยานประวัติ
ศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์
         สำหรับการศึกษาความหลากหลายของยีสต์ทน
เค็มในประเทศไทย พบสองสายพันธุ์ที่จัดจำแนกได้
เป็นสกุล Citeromyces แต่ต่างจาก Citeromyces
matritensis
ซึ่งเป็นเพียงสปีชีส์เดียวของยีสต์สกุลนี้
จึงได้เสนอว่าเป็นสปีชีส์ใหม่ ซึ่งที่สองของ
Citeromyces คือ Citeromyces siamensis sp. nov.
เพื่อแสดงว่าเป็นยีสต์ที่พบครั้งแรกในประเทศไทย