ศาสตราจารย์ ดร.สุจินต์ จินายน
นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2533
สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา
จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
................................................................................................................................................

คำประกาศเกียรติคุณ

 

          ด้วยคณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 6/2533 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2533 ได้พิจารณาเห็นว่า
นายสุจินต์ จินายน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ระดับ 10 คณะเกษตร และรองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ เป็นนักวิจัยที่ได้อุทิศตนให้กับการวิจัยและพัฒนาวงการวิชาการด้านพันธุศาสตร์และการผสมพันธุ์พืชมาตลอด ได้ทำการ
วิจัยเพื่อปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพข้าวโพดมานานกว่า 20 ปี จนประสบผลสำเร็จสามารถผลิตข้าวโพดพันธุ์ใหม่คือพันธุ์ "สุวรรณ 1"
ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นพันธุ์มาตรฐาน สามารถต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง เป็นพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับในประเทศต่างๆ ทั้งในเอเซียและ
แอฟริกา ปัจจุบันข้าวโพดพันธุ์ดังกล่าวได้เข้าไปมีส่วนในโครงการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดของหลายประเทศเกือบทั่วโลก โดยนำไปใช้เ
ป็นพ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์ สายเลือดพันธุ์สุวรรณ 1 ได้รับการพัฒนาต่อมาเป็นพ่อแม่พันธุ์และลูกผสมใหม่อีกหลายพันธุ์ เช่น สุวรรณ 2301
สุวรรณ 2602 ซึ่งเป็นที่ยอมรับของเกษตรกรอย่างกว้างขวาง นับว่าผลงานวิจัยเกี่ยวกับการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดดังกล่าวมีประโยชน์สูง
ยิ่ง ทำให้วงการวิจัยข้าวโพดตื่นตัว ช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ เป็นที่ยอมรับและยกย่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยได้
รับการอ้างอิง รวมทั้งการนำไปปฏิบัติมากมาย นายสุจินต์ จินายน เป็นผู้ที่นักวิจัยในวงการเกษตรให้ความเคารพนับถือ เป็นผู้มีจริยธรรม
ของนักวิจัย ให้การสนับสนุนนักวิจัยอื่นๆ ให้มีความรู้ความสามารถ อีกทั้งยังเป็นผู้ให้การสนับสนุน นักวิจัยรุ่นหลัง และสร้างนักวิจัยใหม่ๆ
ให้แก่วงการปรับปรุงพันธุ์อย่างกว้างขวาง นับได้ว่าเป็นนักวิจัยที่สมควรเป็นแบบอย่างแก่นักวิจัยโดยทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง คณะกรรมการ
บริหารสภาวิจัยแห่งชาติจึงมีมติเห็นสมควรประกาศเกียรติคุณ นายสุจินต์ จินายน เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2533 กลุ่มสาขา
เกษตรศาสตร์
และชีววิทยา


  
             
 
ประวัติส่วนตัว
    เกิดวันที่ 12 เมษายน 2478 เป็นบุตรของนายสุดใจ
และนางเกื้อ จินายน สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจาก
โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ปริญญาตรีทางด้าน Plant
Genetics
จาก University of Colifornia at
Berkeley
สหรัฐอเมริกา ในปี 2501 ปริญญาโทด้าน
Genetics และปริญญาเอกด้าน Plant Breeding
จาก Iowa State University สหรัฐอเมริกา ในปี
2503 และ 2509 ตามลำดับ ในปี 2523 ได้รับปริญญา
วิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (เกษตรศาสตร์)
จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปี 2531 ได้รับอิสริยาภรณ์
จากรัฐบาลฝรั่งเศสชั้น "ออฟพิซิเอร์" สาขาเกียรติคุณ
ทางการเกษตร "Officier du Merite Agrigole" สมรส
กับนางสิริวรรณ (วิมลโนช) จินายน มีบุตร 1 คน
คือ นายพันลึก จินายน
ประวัติการทำงาน
     เข้ารับราชการที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในตำแหน่ง
อาจารย์ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะเกษตร เมื่อปี พ.ศ. 2504
เป็นหัวหน้าโครงการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดของมหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ตั้งแต่ปี 2503-2522 ในปี 2511-2513 เป็น
Visiting Scientist ที่ International Wheat and
Maize Improvement Center, (CIMMYT)
Mexico ปี พ.ศ. 2521-2522 เป็น Agricultural
Consultant ที่ International Institute of Tropical
Agriculture, (IITA) Nigeria เป็นคณบดีคณะทรัพยากร
ธรรมชาติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในปี พ.ศ. 2522-2530
และ Executive Board Member ของ Association
of Asian Agricultural Colleges and University
SEARCA, Philippines นอกจากนี้ได้ร่วมเป็นกรรมการ
แผนกเกษตรศาสตร์ มูลนิธิอานันทมหิดล กรรมการผู้ทรง
คุณวุฒิสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.ก.ม.วิสามัญเกี่ยว
กับการสรรหาและพัฒนาทบวงมหาวิทยาลัย กรรมการจัด
ตั้งมหาวิทยาลัยที่จังหวัดนครศรีธรรมราช อนุกรรมการทำ
งานวิจัยระบบเกษตร สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา สำนักงาน
คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และเป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ประจำวิทยาเขตกำแพงแสนตั้งแต่ปี 2529-2533


ผลงานวิจัยโดยสรุป

       ศาสตราจารย์ ดร.สุจินต์ จินายน เป็นผู้สนใจในงานด้านพันธุศาสตร์ และการผสมพันธุ์พืช ได้ทำการวิจัยเพื่อปรับปรุงคุณภาพ
ของข้าวโพดจนได้ข้าวโพดพันธุ์สุวรรณ 1 ซึ่งเป็นพันธุ์ต้านทานโรคราน้ำค้าง และใช้เป็นพ่อหรือแม่พันธุ์ในการผสมพันธุ์ข้าวโพด
อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ผลงานวิจัยเรื่องการใช้เชื้อกรรมพันธุ์ของข้าวโพดให้เป็นประโยชน์ในประเทศไทย ได้รับรางวัลงานวิจัย
ดีเด่นประจำปี 2517 รางวัลที่ 2 จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติศาสตราจารย์ สุจินต์ จินายนมีผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ทั้ง
ภายในและต่างประเทศไม่น้อยกว่า 100 เรื่อง