บทคัดย่อ
การถ่ายฝากยีน
WCI ให้กับข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105
เพื่อศึกษาการแสดงออกของยีนนี้ในต้นข้าวแปลงพันธุ์ต่อแมลงบั่วและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลด้วย
วิธียิงอนุภาคทองเคลือบดีเอ็นเอพลาสมิดที่มียีน
WCI และยีน hpt เข้าไปในแคลลัสข้าว
เมื่อเพาะเลี้ยงและคัดเลือกด้วยสารไฮโกรมัยซิน
ได้ต้นข้าวแปลงพันธุ์จำนวน 44
หมายเลข
ตรวจสอบดีเอ็นเอด้วยวิธี PCR และ
Southern hybridization พบว่ามียีน WCI
สอดแทรกอยู่ในจีโนมข้าวทุกหมายเลขและตรวจสอบอาร์เอ็นเอด้วยวิธี
Northern hybridization
พบว่ามีต้นข้าวแปลงพันธุ์เพียง 10
หมายเลข ที่มีอาร์เอ็นเอของยีน WCIm
ซึ่งเมื่อนำบางหมายเลขไปทดสอบกับแมลง
บั่วและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
พบว่า
ต้นข้าวแปลงพันธุ์ที่นำมาตรวจสอบให้คะแนนการถูกทำลายน้อยกว่าต้นข้าวที่ไม่ได้รับการถ่ายฝากยีนและต้นข้าวที่เป็นพันธุ์อ่อนแอ
อย่างไรก็ตามต้นข้าวแปลงพันธุ์ที่ได้มาทั้งหมดยังคงจัดอยู่ในประเภทพันธุ์อ่อนแอ
ABSTRACT
Kunitz type
chymotrypsin inhibitor gene (WCI) and hygromycin phosphotransferase (hpt) gene were
transformed
into the callus of rice KDML 105 using DNA-coated gold particles. The expression of these
genes through the resistance of
rice gall midge and brown planthopper was evaluated. Forty-four strains of hygromycin
resistance plantlets were selected,
amplified by PCR, and identified by Southern hybridization. WCI DNA were found to be
inserted in all of these rice genome.
However, using Northern hybridization to identify the existence of WCI RNA, it was found
in only 10 plantlets of the total 44
transgenic rice. It was also seen that they were less damaged from rice gall midge and
brown planthopper than the
controlled and those of weak strains. These transgenic rice plants, however, are still
considered as susceptible strains.
คำนำ
Chymotrypsin
inhibitor
จากถั่วพูเป็นสารออกฤทธิ์ต้านทานแมลงจากพืช
ซึ่งทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
serine proteinase ที่จัดอยู่
ในกลุ่มเดียวกับ soybean trypsin inhibitor (Kunitz type)
ตามที่ Gatehouse และคณะ (1979)
ได้จัดแบ่งกลุ่มไว้ Kortt (1979, 1980), Shibata
และคณะ (1986, 1988)
สกัดและศึกษาคุณสมบัติของ chymotrypsin
inhibitor จากถั่วพู ซึ่ง Shibata
และคณะพบว่า chymotrypsin inhibitor
มีคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์
chymotrypsin ในอัตราส่วนทางโมเลกุล (Molar ratio)
เป็น 1:2 และเชื่อว่ามีตำแหน่ง reactive
site 2 ตำแหน่ง Peyachoknagul และคณะ (1989) ศึกษา
Kunitz type chymotrypsin inhibitor gene (WCI) จากถั่วพู
พบว่ายีนนี้มีการแสดงออกในช่วงการพัฒนา
ของเมล็ด หลังดอกบาน 35-40 วัน
และมีการแสดงออกในเปลือกของหัวใต้ดินทำหน้าที่ป้องกันอันตรายให้กับส่วนที่ใช้ในการสืบพันธุ์ของถั่วพูไม่ให้ถูกทำลาย
ไจากการกัดกินของแมลง
ซึ่งยีนนี้ยังไม่มีรายงานการถ่ายฝากให้กับพืชชนิดใด
แต่มีรายงานการถ่ายยีน CpTI
จากถั่วผีซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม
Bowman-Birk type
trypsin inhibitor
ให้กับต้นยาสูบและพบว่าทำให้ต้นยาสูบต้านทานต่อหนอนยาสูบในอันดับ
Lepidoptera
และมีการทดลองผสมสารอินฮิบิเตอร์นี้เข้าไป
ในอาหารสังเคราะห์ให้แมลงศัตรูพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ
พบว่ามีผลต่อการเจริญเติบโตของแมลงหลายชนิด
(Hilder และคณะ, 1990)
ดังนั้นในการศึกษาครั้ง
นี้จึงได้ทำการถ่ายฝากยีน WCI
ซึ่งยับยั้งการทำงานฃองเอนไซม์
serine proteinase เช่นเดียวกับยีน CpTI
ให้กับข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105
เพื่อศึกษาการ
แสดงออกของยีนนี้ในต้นข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ
105
ต่อแมลงศัตรูข้าวบางชนิดและเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาการถ่ายฝากยีนด้วยวิธีใช้เครื่องยิงให้กับพืช
เศรษฐกิจชนิดอื่นต่อไป
วัสดุอุปกรณ์และวิธีการ
1.
แคลลัสข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 (KDML
105)
ซึ่งได้จากการเพาะเลี้ยงคัพภะบนอาหารสังเคราะห์
MS ดัดเเปลงที่เติมน้ำมะพร้าว 15
เปอร์เซ็นต์
เคซีนไฮโดรไลเซท 1 กรัมต่อลิตร
น้ำตาลทราย 30 กรัมต่อลิตร วุ้นผง 0.8
เปอร์เซ็นต์ และ 2,4-D 2
มิลลิกรัมต่อลิตร
2.
สร้างพลาสมิดลูกผสม pKUG-WH ที่มียีน
WCI ต่ออยู่กับโปรโมเตอร์ Actin 1-D และ
nopaline systhase terminator (nos) และยีน
Hygromycin phosphotransferase (hpt) (ภาพที่
1ก)โดยการตัดยีน WCI จากพลาสมิด pWCI-3b
และยีน hpt จากพลาสมิด pGPTV-HPT
แล้วนำไปต่อแทรกเข้ากับพลาสมิด
pDM 302
3.
การเตรียมอนุภาคทองเคลือบดีเอ็นเอพลาสมิดใช้วิธีซึ่งดัดเเปลงมาจาก
Christou (1995)
การถ่ายฝากยีนใช้วิธียิงพลาสมิดดีเอ็นเอ
pKUG-WH
เข้าไปในแคลลัสข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ
105 อายุ 3 สัปดาห์
ด้วยเครื่องยิงอนุภาคชนิด particle inflow
gun (PIG) โดยใช้ความดันถังก๊าซที่ 600 PSI
ความดันก๊าซที่เครื่องยิง 45 PSI
ระยะทางในการยิง 6 เซ็นติเมตร
และใช้เวลาในการยิงแต่ละครั้ง 10
วินาที
ซึ่งได้ทดลองก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็นสภาพที่เหมาะ
สมต่อแคลลัสข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ
105
และให้เปอร์เซ็นต์การเกิดต้นข้าวสูงสุด
4.
การคัดเลือกแคลลัสข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ
105
ที่ได้รับการถ่ายฝากยีนโดยการนำแคลลัสที่ถูกยิงด้วยพลาสมิดดีเอ็นเอ
pKUG-WH ไปเพาะเลี้ยงบน
อาหาร ไสังเคราะห์ MS
ดัดเเปลงที่ใช้เลี้ยงแคลลัส
และเติมสารไฮโกรมัยซิน 50
ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรเมื่อเห็นว่ามีแคลลัสสีขาวขนาดเล็กเจริญขึ้นมาใหม่จาก
แคล-ลัสก้อนเดิมให้ย้ายไปเพาะเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์
MS
ดัดเเปลงสูตรชักนำให้เเคลลัสเจริญเป็นต้น
และมีสารไฮโกรมัยซิน 50
ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร
5.
ตรวจสอบต้นข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ
105
ที่ได้รับการถ่ายยีนแล้วด้วยเทคนิค
PCR และวิธี Southern hybridization
โดยสกัดดีเอ็นเอจากใบของ
ต้น
ข้าวที่ได้รับการถ่ายฝากยีนแล้วหมายเลขต่างๆ
ตามวิธีของ Ying และคณะ (1992)
แล้วนำไปทำ PCR ตามด้วย Southern hybridization
โดยใช้ยีน
WCI เป็นโพรบ
6.
การตรวจสอบการทำงานของยีน WCI
สกัดอาร์เอ็นเอจากใบข้าว
โดยใช้น้ำยาสำเร็จรูป Trizol? Reagent
ของบริษัท Life Technologies
แล้วตรวจสอบโดยวิธี Northern hybridization
ตามวิธีซึ่งดัดเเปลงมาจากวิธีของ
Krumlauf (1996) และใช้ยีน WCI เป็นโพรบ
7.
การตรวจสอบความต้านทานของต้นข้าวที่ได้รับการถ่ายยีนโดยทดสอบกับแมลงบั่ว
(อันดับ Diptera)
และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล (อันดับ
Hemoptera)
เลือกต้นข้าวที่ได้รับการถ่ายฝากยีนบางหมายเลขที่ตรวจสอบแล้วว่ามีการสังเคราะห์อาร์เอ็นเอที่เกิดจากยีน
WCI
ไปปลูกในเรือนเพราะชำที่ควบคุมสภาพแวดล้อมมิดชิด
ผลและวิจารณ์
หลังจากที่ยิงอนุภาคทองเคลือบพลาสมิดดีเอ็นเอที่มียีน
WCI และยีน hpt
เข้าไปในแคลลัสข้าวอายุ 3 สัปดาห์
จำนวน 1,200 แคลลัส
ด้วยเครื่องยิงอนุภาค
และนำไปเพาะเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์
MS ดัดเเปลง
สูตรเพาะเลี้ยงแคลลัสที่เติมสารไฮโกรมัยซิน
50
ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรพบว่ามีแคลลัสสีขาวขนาดเล็กเจริญ
ขึ้นมาใหม่บนแคลลัสก้อนเดิม
(ภาพที่ 1ข)
แสดงให้เห็นว่าเซลล์ที่มีพลาสมิด
pKUG-WH
เข้าไปจะสามารถมีชีวิตและเจริญเติบโตได้บนอาหารคัดเลือกที่มีสารไฮโกร-
มัยซิน
ส่วนเซลล์ที่ไม่มีพลาสมิด pKUG-WH
เข้าไปจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและตายไปเพราะไม่มียีน
hpt
ที่มีคุณสมบัติต้านทานต่อสารไฮโกรไมซินนั่นเอง
และเมื่อ
ย้ายแคลลัสที่เกิดใหม่นี้ไปเพาะเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์
MS
ดัดแปลงสูตรชักนำให้แคลลัสพัฒนาไปเป็นต้นข้าวที่เติมสารไฮโกรมัยซิน
50 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร
พบว่าแคลลัสบางส่วนเจริญเติบโตเป็นต้นข้าวได้
(ภาพที่ 1ค) ซึ่งนับจำนวนได้ 82 ต้น
แต่สามารถมีชีวิตรอดนอกขวดเพาะเลี้ยงเพียง
44 ต้น
นำดีเอ็นเอของต้นข้าวทั้ง
44
หมายเลขมาตรวจสอบผลการถ่ายฝากยีนด้วยเทคนิค
PCR และทำ Southern hybridization โดยใช้ยีน WCI
เป็นโพรบ
พบว่าต้นข้าวทั้ง 44 หมายเลขมียีน
WCI อยู่ในจีโนม (ภาพที่ 1ง
ซึ่งแสดงเพียงบางส่วน)
และเมื่อตรวจสอบการทำงานของยีน
WCI ในต้นข้าวแปลงพันธุ์ทั้ง 44
หมายเลขด้วยวิธี Northern hybridization
พบว่าต้นข้าวหมายเลข 2, 34, 35, 36, 37, 38, 40, 41,
42 และ 43
มีการสังเคราะห์อาร์เอ็นเอจากยีน
WCI
(ภาพที่ 1จ)
ซึ่งการตรวจไม่พบในบางหมายเลขอาจมีผลมาจากการมีจำนวนชุดซ้ำของยีน
WCI
เข้าไปสอดแทรกอยู่ในจีโนมข้าวน้อย
หรือยีน WCI สอดแทรกอยู่
่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
จึงไม่มีการแสดงออกของยีน
ทำให้สามารถตรวจพบได้ด้วยวิธี PCR
แต่ไม่สามารถตรวจพบด้วยวิธี Northern
hybridization
นำต้นข้าวหมายเลข
34, 35, 36 และ 37
ไปตรวจสอบการทำงานของยีน WCI
ต่อแมลงบั่ว
และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
พบว่าต้นข้าวแปลงพันธุ์ทั้ง 4
หมาย
ให้เปอร์เซ็นต์การถูกทำลายของแมลงบั่ว
คิดเป็น 37.50, 33.34, 36.67 และ 42.50
เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
ซึ่งน้อยกว่าต้นข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิที่ไม่ได้รับการถ่ายยีน
และต้นข้าวพันธุ์ กข 1
ที่จัดว่าอ่อนแอต่อแมลงบั่วที่สุด
ซึ่งให้เปอร์เซ็นต์การถูกทำลายคิดเป็น
68.97 และ 83.09 เปอร์เซ็นต์
ตามลำดับส่วนผลคะแนนการถูกทำลาย
โดยเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
พบว่าต้นข้าวหมายเลข 34, 35, 36 และ 37
ให้คะแนนการถูกทำลายคิดเป็น 7.11, 5.71,
6.50 และ 8.33 คะแนน ตามลำดับ ซึ่งน้อย
กว่าต้นข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105
ที่ไม่ได้รับการถ่ายยีน
และต้นข้าวพันธุ์ กข 7
ซึ่งเป็นพันธุ์ไม่ต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลโดยที่ทั้งสองให้คะแนนการถูกทำลาย
คิดเป็น 8.25 และ 8.56 ตามลำดับ
แต่คะแนนมากกว่าต้นข้าวพันธุ์ CNT 1
ซึ่งเป็นพันธุ์ต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลโดยให้คะแนนการถูกทำลายคิดเป็น
6.01
คะแนน แสดงให้เห็นว่าสาร chymotrypsin inhibitor
มีผลต่อการทำลายแมลงทั้งสองชนิด
และมีผลต่อแมลงปากกัด (แมลงบั่ว)
มากกว่าแมลงปากดูด (เพลี้ย
กระโดดสีน้ำตาล) อย่างไรก็ตาม
ข้าวแปลงพันธุ์ทั้งหมดยังจัดอยู่ในกลุ่มพันธุ์อ่อนแอตามเกณฑ์การจัดกลุ่มต้านทานหรือไม่ต้านทาน
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า
จำนวนยีน
WCI ที่เข้าไปมีจำนวนชุดซ้ำน้อย
หรือยังมีการแสดงออกได้ไม่สมบูรณ์ |
เอกสารอ้างอิง
Christou, P. 1995. DNA coating of
gold for the particle bombardment. Rice transformation informal
workshop.
CAMBIA. Australia. May 25-June 4.
Gatehouse, A.M.R., J.A. Gatehouse, P. Dobie, A.M. Kilminster and D. Boulter. 1979.
Biochemical
basis
of insect resistance in Vigna unguiculata J. Sci. Food and Agri: 30 948-958.
Hilder, V.A., A.M.R. Gatehouse and D. Boulter. 1990. Genetic engineering of crop for
insect
resistance
using genes of plant origin, pp. 5-66. In G.W. Lycett and D. Grierson (ed.)
Genetic
Engineering of Crop Plants Butterworths.
Kortt, A. A. 1980. Isolation and characterization of the trypsin inhibitors from winged
bean seed
(Psophocarpus
tetragonolobus (L.) DC.) Biochem. Biophys. Acta 577: 371-382.
Kortt, A. A. 1980. Isolation and properties of a chymotrypsin inhibitor from winged bean
seed
(Psophocarpus
tetragonolobus (L.) DC.) Biochem. Biophys. Acta 642: 237-248.
Krumlauf, R. 1996. Methods in molecular biology, Vol. 58: basic DNA and RNA protocols, pp.
113-
128.
In A.J. Harwood (ed.) Humana Press Inc., Totowa. N.J.
Peyachoknagul, S., Y. Habu. K. Umemoto, Y. Sakata and T. Ohno. 1989. Isolation,
characterization
and analysis of the express of chymotrypsin inhibitor gene in winged
bean
(Psophocarpus tetragonolobus (L.) DC.). Tokyo University of Agriculture and
Technology.
Shibata, H., S. Hara, T. Ikenaka and J. Abe. 1986. Purification and characterization of
proteinase
inhibitors
from winged bean (Psophocarpus tetragonolobus (L.) DC.).seeds. J. Biochem.
99:1147-1155.
Shibata, H., S. Hara and T. Ikenaka. 1988. Amino acid sequence of winged bean (Psophocarpus
tetragonolobus (L.) DC.).chymotrypsin inhibitor, WCI-3. J. Biochem. 104:
537-543.
|