วัตถุประสงค์ของโครงการวิจัย
- ศึกษารูปแบบเทคโนโลยี EMโดยการใช้จุลินทรีย์EM บำบัดน้ำเสียที่ระบายจากบ้านพักอาศัยในหมู่บ้านจัดสรรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
- ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของผู้อยู่อาศัย
- ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบและเทคโนโลยี EMโดยการใช้จุลินทรีย์ EM บำบัดน้ำเสียกับระดับการมีส่วนร่วมของผู้อยู่อาศัย
- สนอแนะแนวทางชีววิถีโดยการใช้จุลินทรีย์ EM บำบัดน้ำเสียที่ระบายจากบ้านพักอาศัยในหมู่บ้านจัดสรร
ขั้นตอนการวิจัย
คณะผู้วิจัยได้ทำการศึกษาระบบและกระบวนการชีววิถีโดยการใช้เทคโนโลยี EM บำบัดน้ำเสียที่ระบายจากบ้านพักอาศัยในหมู่บ้านจัดสรรสถาพร และกำหนดขั้นตอนการวิจัยแบ่งเป็น 5 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 ศึกษาระดับความพร้อม ด้านจิตสำนึกและพฤติกรรมระดับบุคคลของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ศึกษา ด้วยแนวคิดบูรณาการตามทฤษฎีเกลียวพลวัฒน์ (Spiral Dynamics)
ส่วนที่ 2 กำหนดระดับการมีส่วนร่วมและรูปแบบการบำบัดน้ำเสียในซอยตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาของกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัคร
ส่วนที่ 3 จัดกิจกรรม “น้ำดีไล่น้ำเสีย” เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้และขั้นตอนของเทคโนโลยี EM ในการบำบัดน้ำเสีย
|
|
ภาพที่ 1 |
ภาพที่ 2 |
|
|
ภาพที่ 1 ถึง 4 จัดกิจกรรม “น้ำดีไล่น้ำเสีย” โดยการจัดกิจกรรม “กระบวนการกลุ่ม” และการใช้จดหมายข่าวเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้และเผยแพร่ข้อมูลกิจกรรมที่ดำเนินการต่าง ๆ |
ส่วนที่ 4 ทดสอบคุณภาพน้ำทิ้งจากการดำเนินการบำบัดน้ำเสียด้วยรูปแบบเทคโนโลยี EM กับระดับการมีส่วนร่วมของผู้อยู่อาศัยในเขตพื้นที่ศึกษาเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบเทคโนโลยี EMโดยการใช้จุลินทรีย์ EM ในการบำบัดน้ำเสียกับระดับการมีส่วนร่วมของผู้อยู่อาศัย
ส่วนที่ 5 สำรวจความคิดเห็นต่อประเด็นการมีส่วนร่วมและรูปแบบการบำบัดน้ำเสียของโครงการ จากกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครที่เข้าร่วมกิจกรรม
อภิปรายผลการวิจัยและข้อค้นพบ
- กลุ่มตัวอย่างมีระดับความพร้อม ด้านจิตสำนึกและพฤติกรรมระดับบุคคลที่มีกระบวนทัศน์ของวิสัยทัศน์ในเชิงบูรณาการ ที่ให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อมมองเห็นความจำเป็นที่ตนเองจะต้องทำงานอุทิศให้แก่สังคม เพื่อนำไปสู่แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังจะเห็นได้จากค่าเฉลี่ยของระดับจิต ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์สีเขียวและสีเหลือง ข้อค้นพบดังกล่าว จึงยืนยันทฤษฎีเกลียวพลวัตรบูรณาการ (แผนภูมิภาพ ที่ 1)
- ความคิดเห็นต่อการใช้จุลินทรีย์ EM และการใช้น้ำยาเอนกประสงค์ชีวภาพในครัวเรือน พบว่า ส่วนใหญ่ของกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครมีความพึงพอใจต่อการใช้จุลินทรีย์ EM ในการบำบัดน้ำเสียของครัวเรือน ในเรื่องของ กลิ่น สี และรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ และวิธีการปฏิบัติในการใช้จุลินทรีย์ EM อยู่ในระดับปานกลางถึงมาก ส่วนรูปแบบวิธีการรับ-ส่งจุลินทรีย์ EM โดยใช้ถุงผ้าแขวนไว้หน้าบ้าน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
- ความคิดเห็นต่อรูปแบบ วิธีการให้ความรู้ การสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของสมาชิกในหมู่บ้านและการเข้าร่วมกิจกรรมทำให้เกิดความรู้สึกถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าช่วงก่อนเข้าร่วมกิจกรรมกับทางโครงการพบว่ากลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครทั้ง 2 รูปแบบ เห็นว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก
- ความคิดเห็นต่อระดับการมีส่วนร่วมของสมาชิกลูกบ้านในการบำบัดน้ำเสีย ด้วยจุลินทรีย์ EM พบว่า กลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครเห็นควรว่าให้ลูกบ้านดำเนินการ 50% และเจ้าหน้าที่ส่วนกลางเป็นผู้ดำเนินการ 50 % จึงกล่าวได้ว่ากลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครต้องการให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
- กลุ่มตัวอย่างอาสาสมัคร ที่มีรูปแบบการบำบัดน้ำเสียทั้ง 2 รูปแบบ เห็นว่า ควรมีการสนับสนุนให้โครงการนี้เกิดขึ้น ในพื้นที่อยู่ในระดับมากที่สุด
ข้อค้นพบข้างต้นยืนยันว่า แนวทางหมู่บ้านจัดสรรชีววิถีในการบำบัดน้ำเสียโดยเทคโนโลยี EM สามารถเกิดขึ้นได้ โดยการให้ความสำคัญที่ “คน” เป็นหัวใจหลัก และการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ที่มีส่วนสัมพันธ์กับการดำเนินวิถีชีวิตในการอยู่อาศัยมาเป็นกลยุทธ์ในการยกระดับจิตของมนุษย์ให้สามารถเห็นภาพรวมของแนวทางชีววิถีได้อย่างชัดเจน
แผนภูมิภาพที่ 1 ทฤษฎีเกลียวพลวัตรและพุทธธรรมในการอธิบายลักษณะจิตที่สัมพันธ์กับความคิดและพฤติกรรม
ที่มา: ธนภณ พันธเสน (2549)