การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) มีสาเหตุสำคัญมาจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สู่บรรยากาศจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายป่าไม้เพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรูปแบบอื่นๆ การปลูกสร้างสวนป่าจึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะเพิ่มพื้นที่ป่าขึ้นมาเพื่อช่วยลดหรือบรรเทาผลกระทบ (mitigation) จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากต้นไม้สามารถดูดซับ CO2 จากบรรยากาศ โดยผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง (photosynthesis) และนำมาสะสมไว้ในรูปของมวลชีวภาพ (biomass) ทั้งนี้ ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพของสวนป่า หรือป่าปลูก ขึ้นอยู่กับชนิดและพันธุกรรมของพรรณไม้ที่ปลูก สภาพพื้นที่ และการจัดการ ในประเทศไทยข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนของพื้นที่สวนป่าในปัจจุบันยังมีค่อนข้างน้อย การประเมินการกักเก็บคาร์บอนของสวนป่าโดยใช้สมการประเมินมวลชีวภาพเป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมใช้โดยทั่วไป แต่ยังขาดสมการมวลชีวภาพที่เป็นตัวแทนของพรรณไม้แต่ละชนิดที่สามารถใช้ได้ทั่วไป กอปรกับความไม่สะดวกในการเก็บข้อมูลภาคสนามสำหรับนำมาใช้กับสมการมวลชีวภาพ ดังนั้น การพัฒนาสมการประเมินมวลชีวภาพของสวนสักเพื่อให้สามารถใช้ได้ทั่วไปควบคู่กับการใช้ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตและเทคนิคในการสำรวจระยะไกล (remote sensing) จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้สามารถประเมินสถานภาพการกักเก็บคาร์บอนของสวนป่าเป็นพื้นที่กว้าง (large scale) ได้อย่างถูกต้อง สะดวก และใช้เวลาสั้น
วัตถุประสงค์
- เพื่อพัฒนาสมการประเมินมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักที่สามารถใช้ได้ในพื้นที่ทั่วไป
- เพื่อประเมินมวลชีวภาพเหนือพื้นดินและการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพไม้สัก ณ
สวนป่าทองผาภูมิ
- วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการกักเก็บคาร์บอนกับตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตและผลผลิตของสวนป่า และดัชนีพืชพรรณจากการสำรวจระยะไกล
อุปกรณ์ และวิธีการ
พื้นที่ศึกษา
สวนป่าทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 400 เมตร ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกสร้างสวนป่าจำนวน 18,238.37 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกไม้สักทั้งสิ้น 13,836.6 ไร่
การวางแปลงตัวอย่าง
วางแปลงตัวอย่างขนาด 60 x 60 เมตร ในสวนป่าสักซึ่งมีระยะปลูกเริ่มต้น 4 x 4 เมตร (ยกเว้นชั้นอายุ 8 ปี มีระยะปลูก 3 x 3 เมตร) จำนวน 13 ชั้นอายุ ชั้นอายุละ 2 แปลง ในแต่ละแปลงแบ่งเป็นแปลงย่อยขนาด 30 x 30 เมตร เพื่อเก็บข้อมูลพิกัดของแปลงตัวอย่างทุกแปลงย่อยด้วยเครื่องกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก (global positioning system, GPS)
การเก็บข้อมูลภาคสนามและการวิเคราะห์ข้อมูล
วัดความสูง และเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงอกของไม้สักทุกต้นที่มีอยู่ในแปลง ตลอดจนถ่ายภาพเรือนยอดในแต่ละแปลงย่อยเพื่อศึกษาดัชนีพื้นที่ใบ (leaf area index) ด้วยเทคนิค hemispherical photography โดยใช้โปรแกรม Gap Light Analyzer (GLA) version 2.0 (Frazer et. al., 1999) วิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviations; SD) ของความสูง เส้นผ่านศูนย์กลางเพียงอก และพื้นที่เรือนยอด (crown cover) และคำนวณพื้นที่หน้าตัด (basal area) จากเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงอก ทำการวิเคราะห์ค่าความแตกต่างทางสถิติของสักแต่ละชั้นอายุ โดยใช้ Analysis of Variance (ANOVA)
พัฒนาสมการมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักโดยการรวบรวมงานวิจัยเกี่ยวกับสมการมวลชีวภาพของไม้สักในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และวิเคราะห์เปรียบเทียบสมการทางสถิติเพื่อสร้างสมการขึ้นใหม่ตามวิธีการของ Zar (2007) โดยจำแนกเป็นสมการมวลชีวภาพของไม้สักเฉพาะพื้นที่สวนป่าทองผาภูมิ และพื้นที่ทั่วไป ประเมินมวลชีวภาพและการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักชั้นอายุต่างๆ โดยใช้ปริมาณคาร์บอนในเนื้อเยื่อของไม้สักจำแนกตามช่วงอายุ (ทศพร และคณะ, 2548) ตลอดจนวิเคราะห์การถดถอย (regression analysis) ระหว่างมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน และพื้นที่หน้าตัด ดัชนีพื้นที่ใบ และดัชนีพืชพรรณ (vegetation index) จากการสำรวจระยะไกล
ผลการศึกษา
สมการการประเมินมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน
สมการสำหรับประเมินมวลชีวภาพส่วนต่างๆ และมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักสำหรับสวนป่าทองผาภูมิ และสมการของไม้สักสำหรับสวนป่าทั่วไปมีนัยสำคัญทางสถิติ (ตารางที่ 1) และเมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างทางสถิติของมวลชีวภาพของลำต้น มวลชีวภาพเหนือพื้นดิน และปริมาตร ระหว่างการใช้สมการสำหรับสวนป่าทองผาภูมิและสวนสักทั่วไปพบว่าไม่มีความแตกต่างทางสถิติ (p>0.05) ในทุกชั้นอายุที่ศึกษา
ตารางที่ 1 สมการแอลโลเมตรีของมวลชีวภาพส่วนต่างๆ และปริมาตรของสัก
ตัวแปรตาม (y) |
สมการสวนป่าทองผาภูมิ |
สมการทั่วไป |
สมการ |
R2 |
สมการ |
R2 |
มวลชีวภาพของลำต้น (กิโลกรัม) |
y = 0.0201x0.9781 |
0.9946 |
y = 0.0267x0.9456 |
0.9921 |
มวลชีวภาพของกิ่ง (กิโลกรัม) |
y = 0.0047x0.8876 |
0.6911 |
y = 0.0035x0.9834 |
0.7945 |
มวลชีวภาพของใบ (กิโลกรัม) |
y = 0.004x0.8916 |
0.8271 |
y = 0.0124x0.7568 |
0.7986 |
มวลชีวภาพเหนือพื้นดิน (กิโลกรัม) |
y = 0.0251x0.9801 |
0.9937 |
y = 0.0366x0.9427 |
0.9859 |
ปริมาตร (ลูกบาศก์เมตร) |
y = 0.00008x0.9122
|
0.9988 |
y = 0.00008x0.8981 |
0.9906 |
หมายเหตุ
y คือ มวลชีวภาพส่วนต่างๆ หรือปริมาตร
x คือ ตัวแปรอิสระในรูป DBH2H เมื่อ DBH คือเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงอก (เซนติเมตร) และ H คือความสูงทั้งหมด (เมตร)
การเติบโต มวลชีวภาพเหนือพื้นดินและการกักเก็บคาร์บอน
ในการศึกษาตัวแปรของการเติบโตของไม้สัก พบว่า ความสูง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงอก และพื้นที่เรือนยอดของไม้สักมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติระหว่างชั้นอายุ (p<0.01) โดยส่วนใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอายุไม้สัก ยกเว้นแปลงไม้สักอายุ 9, 21 และ 28 ปี เช่นเดียวกับมวลชีวภาพและการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติระหว่างชั้นอายุ (p<0.01) โดยมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักมีค่าสูงสุดในชั้นอายุ 25 ปี และมีค่าต่ำสุดในชั้นอายุ 4 ปี แต่มีแนวโน้มที่ไม่แน่นอนเนื่องจากการจัดการสวนป่าสักซึ่งมีรอบตัดฟันประมาณ 30 ปี จำเป็นต้องมีการตัดขยายระยะ (thinning) 2-3 ครั้งก่อนถึงรอบตัดฟัน เพื่อเพิ่มการเติบโตของต้นสักที่เหลืออยู่ ทำให้มวลชีวภาพและการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักขึ้นอยู่กับขนาดและความหนาแน่นของต้นไม้ที่มีอยู่ในแต่ละแปลง ทั้งนี้ ไม้สักที่ศึกษามีอัตราความเพิ่มพูนของมวลชีวภาพและการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน เท่ากับ 2.74 และ 1.28 ตันต่อเฮกแตร์ต่อปี (0.44 และ 0.20 ตันต่อไร่ต่อปี) ตามลำดับ (ตารางที่ 2)
ตารางที่ 2 ความสูง (height, H) เส้นผ่านศูนย์กลางเพียงอก (diameter at breast height, DBH) มวลชีวภาพเหนือพื้นดิน (above-ground biomass) การกักเก็บคาร์บอน (carbon storage, C) และความเพิ่มพูนเฉลี่ยรายปีของมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักที่อายุต่างๆ ในสวนป่าทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
อายุ
(ปี) |
จำนวนต้น
ต่อเฮกแตร์ |
H
(ม.) |
DBH
(ซม.) |
มวลชีวภาพ |
การกักเก็บคาร์บอน |
ตันต่อ
เฮกแตร์ |
ตันต่อ
เฮกแตร์ต่อปี |
ตันต่อ
เฮกแตร์ |
ตันต่อ
เฮกแตร์ต่อปี |
4 |
457 |
5 |
4.55 |
1.71 |
0.43 |
0.69 |
0.17 |
6 |
364 |
8.02 |
8.75 |
7.56 |
1.26 |
2.99 |
0.50 |
8 |
1008 |
9.69 |
11.15 |
32.21 |
4.02 |
12.83 |
1.60 |
9 |
526 |
7.24 |
8.59 |
10.58 |
1.17 |
4.19 |
0.47 |
12 |
500 |
10.43 |
12.72 |
25.18 |
2.09 |
11.42 |
0.95 |
15 |
614 |
17.9 |
17.27 |
81.32 |
5.42 |
38.03 |
2.54 |
16 |
385 |
16.05 |
16.06 |
42.03 |
2.63 |
19.54 |
1.22 |
18 |
436 |
15.59 |
17.7 |
72.68 |
4.04 |
34.59 |
1.92 |
21 |
418 |
11.23 |
14.38 |
33.74 |
1.61 |
15.93 |
0.76 |
23 |
324 |
18.96 |
22.02 |
99.42 |
4.32 |
49.45 |
2.15 |
25 |
310 |
19.88 |
24.96 |
116.05 |
4.64 |
58.09 |
2.32 |
28 |
274 |
16.03 |
18.58 |
70.44 |
2.52 |
35.63 |
1.27 |
31 |
183 |
18.28 |
24.7 |
46.82 |
1.51 |
22.91 |
0.74 |
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างมวลชีวภาพเหนือพื้นดินและตัวแปรอื่นๆ
จากการวิเคราะห์การถดถอยพบว่า มวลชีวภาพเหนือพื้นดินมีความสัมพันธ์กับพื้นที่หน้าตัด หรือ ดัชนีพื้นที่ใบ ในรูปสมการยกกำลังอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ (p<0.01) ดังแสดงในภาพที่ 1 แต่มีความสัมพันธ์กับดัชนีพืชพรรณ (normalized difference vegetation index, NDVI) อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) (ข้อมูลไม่ได้นำเสนอในที่นี้)
สรุปและข้อเสนอแนะ
- สมการมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักสำหรับสวนป่าทั่วไปที่พัฒนาได้จากการศึกษาครั้งนี้สามารถนำไปใช้ประเมินมวลชีวภาพเหนือพื้นดินในพื้นที่อื่นๆ ในประเทศไทยได้
- การเติบโต มวลชีวภาพเหนือพื้นดิน และการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักมีการแปรผันระหว่างชั้นอายุ โดยมวลชีวภาพเหนือพื้นดินและการกักเก็บคาร์บอนในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้สักส่วนใหญ่มีการแปรผันตามขนาดและจำนวนต้นสักในแต่ละแปลง เนื่องจากกำหนดการตัดขยายระยะในแต่ละชั้นอายุ และ/หรือ เกิดจากความแตกต่างของสภาพพื้นที่ปลูก
- การวิเคราะห์การถดถอยระหว่างมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน และพื้นที่หน้าตัด ดัชนีพื้นที่ใบ หรือดัชนีพืชพรรณ แสดงให้เห็นถึงความเหมาะสมในการนำค่าพื้นที่หน้าตัด หรือดัชนีพื้นที่ใบซึ่งเป็นตัวแปรที่สะดวกในทางปฏิบัติไปใช้ในการประมาณค่ามวลชีวภาพเหนือพื้นดิน และการกักเก็บคาร์บอนของไม้สักต่อไป แต่การประยุกต์ใช้เทคนิคการสำรวจระยะไกลจำเป็นต้องมีการพัฒนาดัชนีพืชพรรณ และ/หรือ แบบจำลองอื่นๆ ที่มีความเหมาะสมต่อไป
ภาพที่ 1 ความสัมพันธ์ระหว่างมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน (above-ground biomass) และพื้นที่หน้าตัด (basal area) และดัชนีพื้นที่ใบ (leaf area index) ของไม้สักชั้นอายุต่างๆ ในสวนป่าทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
|