มะขามป้อมมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phyllanthus emblica L. จัดอยู่ ในพืชตระกูล Euphorbiaceae ชื่ออื่นๆ เช่น emblic, emblic myrobalan, aonla, amla, emblique, officinale, bilimbi madras, myrobalan emblique เป็นพืชท้องถิ่นมีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติอย่างกว้างขวางตั้งแต่ บริเวณประเทศเนปาล อินเดีย ศรีลังกาถึงประเทศในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงประเทศจีนตอนใต้ นอกจากนี้ยังมีการปลูกเป็นการค้าในประเทศจีน อินเดีย มอริเชียส หมู่เกาะอินเดียตะวันตก ในธรรมชาติจะพบมะขามป้อมบริเวณป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าละเมาะหรือตามป่าชุมชน ชอบดินลูกรังหรือดินปนทราย มะขามป้อมเป็นพืชที่ตอบสนองต่อช่วงแสงคือจะออกดอกที่ช่วงวันยาว (12 ถึง 13.5ชั่วโมง) เราสามารถพบมะขามป้อมตามธรรมชาติได้ในบริเวณพื้นที่ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลไปจน ถึงพื้นที่สูงถึง 1,500 เมตร มะขามป้อมมีการเจริญเติบโตช้ามากโดยต้นจากการเพาะเมล็ดจะให้ผลผลิตครั้งแรก เมื่อต้นมีอายุประมาณ 8 ปี ผลมะขามป้อมเป็นสมุนไพรพระเอกของฤดูหนาวอีกชนิดหนึ่งที่ถูกกล่าวขวัญมาก จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่ค่อยพบต้นมะขามป้อมที่โตเต็มที่ตามธรรมชาติ เพราะเติบโตช้า
 |
ในประเทศไทยพบว่ามะขามป้อมจะมีช่วงการให้ผลผลิตแตกต่างกันไปตามสภาพท้องถิ่น จากผลการสำรวจพบว่าในเขตภาคใต้ช่วงการให้ผลผลิตจะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และบนดอยสูงที่อากาศหนาวเย็นในจังหวัดเชียงใหม่จะเก็บผลได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม อย่างไรก็ตามอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างในแต่ละปี แต่ก็นับเป็นข้อได้เปรียบที่เราสามารถเก็บเกี่ยวผลมะขามป้อมได้เป็นช่วงเวลาที่นานถึงประมาณ 6 เดือน และผลผลิตจากมะขามป้อมที่บริโภคกันอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเก็บมาจากธรรมชาติ ทำให้ไม่สามารถ ควบคุมปริมาณหรือคาดเดาปริมาณผลผลิตในแต่ละปีได้ และการเก็บปะปนกันมาจากหลายต้นหลายแหล่งทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพ ไม่ทราบปริมาณสารสำคัญในผลซึ่งเป็นตัวกำหนดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะการนำไปผลิตเป็นอาหารเพื่อสุขภาพหรือผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ส่วนด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม การเก็บเกี่ยวผลผลิตจากป่ามาบริโภคหรือนำมาจำหน่ายเป็นวิถีชีวิตที่ไม่ยั่งยืน นอกจากจะเสี่ยงต่อการใช้ประโยชน์จากป่าแบบเกินกำลังผลิตแล้ว การเก็บเกี่ยวแบบไม่ถูกวิธี ขาดการอนุรักษ์ บำรุงรักษายังอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ และที่สำคัญอาจเสี่ยงต่อความผิดฐานบุกรุกป่าโดยไม่ตั้งใจ
ผลของมะขามป้อมเป็นผลไม้ตามธรรมชาติที่มีการใช้ประโยชน์ด้านการเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ และใช้เป็นยาสมุนไพรในประเทศไทยเองก็มีการนำมาใช้นานแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาได้มีการจดสิทธิบัตรการใช้มะขามป้อมเป็นส่วนประกอบในยาบางตัวไปบ้างแล้ว ด้วยสรรพคุณที่มากมายอาทิ ในผลสามารถแก้ไอ ละลายเสมหะ กระตุ้นน้ำลาย แก้เจ็บคอ คอแห้ง คอตีบ ในใบแก้โรคผิวหนังผื่นคันแผลมีหนองเรื้อรังบิดจากแบคทีเรีย เปลือกใช้รักษาบาดแผล แผลฟกช้ำ บิด ราก แก้ร้อนใน ท้องเสีย ลดความดัน รักษาโรคเรื้อน ในขณะที่ปมที่ก้านสามารถแก้ปวดกระเพาะอาหาร ปวดท้องน้อย ปวดเมื่อยในกระดูก ปวดฟัน ไอ ไส้เลื่อนในอินเดียใช้ประโยชน์จากใบ เปลือกและผล ในอุตสาหกรรมฟอกย้อมเนื่องจากมีสารแทนนินสูง เมื่อมองในแง่การนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสึขภาพ เครื่องสำอาง และยา สามารถพัฒนาการผลิตและแปรรูปมากมาย เช่น น้ำมะขามป้อม มะขามป้อมแช่อิ่ม มะขามป้อมดอง มะขามป้อมผง เครื่องสำอางบำรุงผิวและยอมผม เป็นยาสมุนไพรแก้ไอ และเจ็บคอ เป็นต้น
คุณสมบัติสำคัญในผลมะขามป้อม คือการมีวิตามินซี และแทนนินสูง มะขามป้อมมี Vitamin C สูงมาก โดยปริมาณ Vitamin C ในแต่ละต้นจะแตกต่างกันออกไป รายงานบางฉบับกล่าวว่า น้ำคั้นจากผลมะขามป้อม 100 กรัมจะมี vitamin C อยู่ถึง 600 ถึง 1,000 มิลลิกรัม vitamin C จากมะขามป้อมมีประสิทธิภาพเหนือกว่า vitamin C จากการสังเคราะห์ประมาณ 12 เท่า วิตามินซีสามารถทำหน้าที่จับอนุมูลอิสระในเซลล์ที่เป็นของเหลว ป้องกันเซลล์จากการถูกอนุมูลอิสระทำลาย อนุมูลอิสระเกิดมาจากทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ได้แก่ มลพิษในอากาศ ควันบุหรี่ แสงแดด รังสีแกมมา คลื่นความร้อน ส่วนที่มาจากภายในร่างกายก็เกิดจากกระบวนการเผาผลาญของออกซิเจนภายในเซลล์ หรือเกิดจากการย่อยทำลายเชื้อแบคทีเรียของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย อนุมูลอิสระทำปฏิกิริยาโยงใยในร่างกายได้มากมาย ก่อให้เกิดการอักเสบ การทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ เนื้องอก โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือดการมี Vitamin C และแทนนินมากทำให้ผลมะขามป้อมมีคุณสมบัติทางยาซึ่งคงจะต้องมีการศึกษาวิจัยกันอีกมาก นอกจากนี้ยังพบ tannin อยู่ทุกส่วนของต้น โดยเฉพาะที่ผลมี tannin พวก gallotannins และ ellagitannins (ellagic tannin) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยรักษาความเสถียรของ vitamin C ให้คงคุณภาพได้นาน แม้จะถูกแปรรูปโดยการดองหรือทำผง ผลดิบของมะขามป้อมมี tannin สูง 8-35 % ในขณะที่เปลือกมี tannin 8-24 % ส่วนที่ใบมีอยู่ประมาณ 22-28 % tannin ในมะขามป้อมเป็นสารสำคัญที่เป็นยารักษาโรคต่างๆ เช่น โรคในระบบหายใจ ระบบทางเดินอาหารแผลในลำไส้ ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต (Institute for Traditional Medicine, Portland ) ซึ่งสอดคล้องกับบทสรุปในการระดมความคิดเห็นของนักวิจัยและองค์กรด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ให้มุ่งเน้นกระบวนการเกษตรอินทรีย์เป็นหลักและหาแนวทางวิจัยเกี่ยวกับการเพิ่มสารอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีต่างๆจากผลผลิตทางการเกษตร สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ “ค้นคว้าและพัฒนาระบบเกษตรอย่างยั่งยืน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พร้อมบริการวิชาการ สืบสานภูมิปัญญาไทย” ได้เล็งเห็นความสำคัญของงานวิจัยและพัฒนาการผลิตมะขามป้อมเพื่อการใช้ประโยชน์จากมะขามป้อมในอนาคตให้เป็นไปอย่างมีทิศทาง เป็นระบบสามารถเชื่อมโยงและร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆได้ โดยปัจจุบันได้จัดทำโครงการวิจัยเพื่อสำรวจ และคัดเลือกสายพันธุ์มะขามป้อม จากแหล่งธรรมชาติต่างๆ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีคุณภาพดี มีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์สูงและมีคำแนะนำในการปลูกเลี้ยงที่ดี ขณะเดียวกันก็วิจัยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ด้านอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างทางเลือกทางการตลาดให้มากขึ้นเกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมมะขามป้อมครบวงจร แม้กระทั่งการผลิตยารักษาโรคโดยใช้สารสกัดจากมะขามป้อมก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นจากการทราบชนิดและปริมาณสารสำคัญในผลมะขามป้อมที่นำมาเป็นวัตถุดิบ โดยในปัจจุบันได้ดำเนินการสำรวจและเก็บตัวอย่างมะขามป้อมจากแหล่งธรรมชาติที่มีการกระจายพันธุ์หนาแน่น การวิเคราะห์คุณภาพผลผลิต คัดเลือก และจัดทำแปลงรวบรวมสายพันธุ์มะขามป้อมไว้ ณ สถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร บ้านบางเบิด อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อศึกษาในโครงการ”การศึกษาและคัดเลือกพันธุ์และการผลิตมะขามป้อมเพื่ออุตสาหกรรม”โดย มีสายพันธุ์ที่มี vitamin C สูงน่าสนใจ คือ K 1, K 3, K 5, P 6, P 7, P 8, B 14, B 15 ( K จากแหล่งกาญจนบุรี, P จากแหล่งประจวบคีรีขันธ์และ B จากแหล่งบุรีรัมย์,แสดงดังภาพ ) โดยได้ดำเนินการสำรวจและคัดเลือกสายพันธุ์มะขามป้อมจากแหล่งธรรมชาติต่างๆ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีคุณภาพดี มีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์สูงและมีคำแนะนำในการปลูกเลี้ยงที่ดี ขณะเดียวกันก็วิจัยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ด้านอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างทางเลือกทางการตลาดให้มากขึ้น เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมมะขามป้อมครบวงจร แม้กระทั่งการผลิตยารักษาโรคโดยใช้สารสกัดจากมะขามป้อมก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการทราบชนิดและปริมาณสาระสำคัญในผลมะขามป้อมที่นำมาเป็นวัตถุดิบ
สารสกัดจากผลมะขามป้อมเพื่อการประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเครื่องสำอาง
ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดมีการนำผลมะขามป้อมไปใช้ และเพิ่มมูลค่าให้กับผลมะขามป้อม จึงมีแนวทางในการนำผลมะขามป้อมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นวัตถุดิบประกอบในผลิตภัณฑ์ทางเครื่องสำอาง เนื่องด้วยสรรพคุณที่มากมายอาทิ กรดวิตามินซี แทนนิน และสารประกอบประเภทฟีนอลในปริมาณที่สูง โดยเฉพาะกรดวิตามินซีในผลมะขามป้อมที่ใช้เป็นระบาย อมแก้ไอ และสรรพคุณทางยาต่างๆมากมาย เพื่อให้สามารถสนองตอบการนำมาใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้หลากชนิด เนื่องจากเป็นการผลิตจากสารสกัดจากพืชในธรรมชาติจึงน่าจะมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ จากการสืบค้นข้อมูลที่ปรากฏเป็นผลงานทางด้านการสกัด คุณสมบัติและการนำไปใช้ของผลมะขามป้อมมีมากมาย แต่การใช้ประโยชน์จากผลมะขามป้อมที่มาจากแหล่งพันธุ์ และลักษณะของผลที่สามารถควบคุมคุณภาพผลผลิตจากผลมะขามป้อม เพื่อการพัฒนาเป็นวัตถุดิบประกอบในทางเครื่องสำอางของประเทศไทยในระดับอุตสาหกรรมนั้นยังไม่ได้รับการศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง เป็นเพียงการซื้อหาผลมะขามป้อมจากท้องตลาดทั่วไป ทำให้สารสกัดที่ได้จากผลมะขามป้อมขาดมาตรฐานที่แน่นอน ดังนั้นเพื่อให้เกิดแนวทาง และสร้างความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจ สร้างมูลค่าให้กับวัตถุดิบจากผลมะขามป้อม จึงเป็นที่สนใจที่จะค้นคว้าและศึกษา เพื่อให้เกิดเป็นความรู้ และประโยชน์ในทางเภสัชเครื่องสำอาง ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ทางเครื่องสำอางได้หลายชนิด มีทั้งที่ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นจากแนวทางการดำเนินงานวิจัยแล้วนำมาขยายกำลังการผลิต และนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศส่งเสริมให้คนไทยได้ใช้สินค้าของไทยที่มีคุณภาพมาตรฐาน มาเพื่อเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ ซึ่งพบเห็นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีจำหน่ายโดยจะขอยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ได้ดังนี้
1. กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ได้แก่ ครีมต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ครีมลบรอยด่างดำบนใบหน้า, เจลมะขามป้อม เพื่อปรับผิวขาว เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี และในสารสกัดมะขามป้อมเองก็ช่วยทำให้ผิวขาว กระจ่างใส ลดกระฝ้าของผิว และมีสาร “Emblicanin” ที่ช่วยลดการทำลายผิวจากแสงแดดและอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และการต้านเชื้อ, ไวท์เทนนิ่งมะขามป้อมพัฒนาขึ้นโดยองค์การเภสัชกรรมประกอบด้วย ครีมหน้าเด้งกันแดด ช่วยให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สองเท่าจากการใช้ครีมเพียงครั้งเดียว ช่วยคงความอ่อนเยาว์และป้องกันรังสียูวีจากแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ และไวท์เทนนิ่งมะขามป้อมช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสีย,โลชั่นและครีมมะขามป้อม บำรุงผิวในผู้มีปัญหาด้านจุดด่างดำ สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มวิตามินซีให้ผิวกระจ่างใส และต้านอนุมูลอิสระ ด้วยสารสกัดเข้มข้นจากมะขามป้อมที่ผลัดผิวใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยปรับเปลี่ยนสภาพใบหน้าที่มีปัญหา จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ พร้อมเติมเต็มความชุ่มชื่นด้วยไมโครคอลลาเจน ผิวหน้าจะใส รุขุมขนกระชับขึ้น,ครีมหน้าขาวมะขามป้อม-มะเฟืองสูตรไลโปโซม์ คอลลาเจนสูตรไวเท็นนิ่ง ด้วยสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณ การต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว จึงนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของสูตรตำรับทางอายุรเวชที่ช่วยในการบรรเทาสิว ฤทธิ์ฝาดสมานและฤทธิ์ต้านอักเสบ ช่วยให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่ามะขามป้อมให้ผลในการทำให้สีผิวของชาวละตินอเมริกา และชาวเอเชียขาวเร็ว และมีความสดใสขึ้นมากพอๆกับ Hydroquinone จึงเหมาะที่จะใช้ปรับสีผิวให้ขาวขึ้นทั้งในกรณีผิวปกติและผิวที่คล้ำจากแสงแดด,ครีมพอกหน้าผสมขมิ้นชัน และมะขามป้อม ขจัดสิ่งสกปรก พร้อมถนอมผิวให้เนียนนุ่ม ขาว สดใส ด้วยคุณค่าจากขมิ้นชันและมะขามป้อมสกัดสดเข้มข้น, แป้งฝุ่นมะขามป้อมที่ใช้ได้กับทุกสภาพผิวเหมาะ และใช้แทนแป้งฝุ่นเพื่อป้องกันแสงแดดระหว่างวัน ลดสิว อาการแพ้แสบแดง ลดฝ้า ลดริ้วรอย แป้งสมุนไพรที่มาจากพืช 100% ช่วยทำให้ผิวขาว ลดสิว ลดความมัน ใช้ทาก่อนนอน หรือทาตอนเช้าแทนแป้งแต่งหน้า ใช้ทาตัว รักแร้ โรยเท้า หรือแผ่นหลัง, ครีมหน้าใสมะขามป้อม ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย ช่วยปรับผิวหน้าให้ขาวขึ้นจริงใน 4 สัปดาห์โดยไม่ทำร้ายแม้ผิวแพ้ง่าย ผิวหน้าคุณจะค่อยๆขาวขึ้นฝ้าและกระค่อยๆจางลง อย่างปลอดภัยที่สุด ไม่มีผลข้างเคียง, ครีมลดริ้วรอย ครีมพอกหน้า โทนเนอร์ โฟมล้างหน้า
2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งร่างกายและเส้นผม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ช่วยให้ผมดกดำ ป้องกันหงอกก่อนวัย ป้องกันผมหลุดร่วง และกระตุ้นการงอกของเส้นผม ทั้งแชมพูผสมสมุนไพรมะขามป้อม เพื่อผมนุ่มสลวย เป็นประกายเงางามตามธรรมชาติ และครีมนวดผมมะขามป้อม ป้องกันผมร่วง อ่อนแอ มีรังแค หนังศรีษะมัน, สบู่มะขามป้อม ปรับหน้าขาวใส ลดฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำอ่อนโยนกว่า เนื้อละเอียดกว่า สามารถทำความสะอาดได้ล้ำลึกมากกว่า รูขมขนจะสะอาดและเล็กลงมากค่ะ ที่เหมาะกับผู้มีปัญหาเรื่องสิว ผิวมัน ลดการอับเสบ เพราะมีวิตามินซีเข้มข้นที่อยู่ในมะขามป้อม ทำให้ผิวหน้าขาวใส อ่อนเยาว์อย่างปลอดภัย วิตามินซีในมะขามป้อมมีมากกว่าในส้มถึง 20 เท่า เป็นวิตามินซีจากธรรมชาติ,สบู่เหลวธรรมชาติ มะขามป้อม อ่อนโยนต่อผิวหน้า สามารถทำความสะอาดได้ล้ำลึก ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ช่วยเร่งผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ รักษาฝ้าใบหน้าหมองคล้ำ และจุดด่างดำ พร้อมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
สถาบันผลิตค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มุ่งเน้นพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ทั้งนี้เพราะต้องการให้คนไทยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรของไทย แทนที่จะไปใช้สินค้านำเข้าซึ่งส่วนใหญ่เน้นการใช้สารเคมี ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจะผ่านการทดสอบแล้วว่าใช้ได้ผลดี ซึ่งถ้าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อาจมีการขยาย และต่อยอดงานวิจัยไปสู่ภาคธุรกิจได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสถาบันผลิตผลเกษตรฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ดำเนินงานวิจัยเพื่อนำวัตถุดิบซึ่งเป็นพืชสมุนไพร และผลผลิตทางการเกษตรมาใช้ประกอบในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อทดสอบตลาตผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะกลุ่มสุขภาพผิวพรรณซึ่ง ได้แก่ เจลใสล้างหน้า ครีมหน้าขาว โทนเนอร์ เจลลดริ้วรอย และโลชั่นรุงผิว โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ ในการนำส่งสารเพื่อให้ดูดซึมเข้าสู่ผิวพรรณแบบตรงเป้าหมาย เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ต่างประเทศบางยี่ห้อ แต่สามารถขายได้ในราคาถูกกว่า และช่วยสร้างรายได้ให้กับองค์การฯ และประเทศชาติ
เอกสารอ้างอิง
http://www.lovelycosmetic.com/Product187-details.aspx
http://beautybright.tarad.com/
Institute for Traditional Medicine, Portland
|