โครงการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ผสมเปิดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ทศวรรษ และประสบความสำเร็จในการนำหลักพันธุศาสตร์มาใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ และได้เผยแพร่พันธุ์ผสมเปิดที่ดีให้ผลผลิตสูง ต้านทานโรคราน้ำค้าง ปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมทั่วไป เมล็ดพันธุ์มีราคาถูก และเกษตรกรสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองได้ 1-3 ชั่ว สู่เกษตรกร ภาครัฐและเอกชน ได้แก่ พันธุ์สุวรรณ 1 (พ.ศ. 2518), พันธุ์สุวรรณ 2 (พ.ศ. 2522), พันธุ์สุวรรณ 3 (พ.ศ. 2530) และพันธุ์สุวรรณ 5 (พ.ศ. 2536) พันธุ์สุวรรณ 1 สุวรรณ 3 และพันธุ์ลูกผสมต่าง ๆ จากภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการปรับปรุงการเขตกรรม ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการปลูกข้าวโพดในปีเพาะปลูก 2518/19-2534/35 มีผลผลิตเฉลี่ย 372 กก.ต่อไร่ ผลผลิตรวมเฉลี่ย 3.45 ล้านตัน และมีมูลค่าส่งออกเฉลี่ย 6,059 ล้านบาท สูงกว่าปีเพาะปลูก 2501/02-2517/18 ร้อยละ 19, 181 และ 293 ตามลำดับ
พันธุ์สุวรรณ 1 และสุวรรณ 2 มีสัดส่วนพื้นที่ปลูกร้อยละ 100.00-95.10 ในช่วงปี พ.ศ. 2518-2529 มีปริมาณการส่งออกรวม 29.481 ล้านตัน และมีมูลค่าในการส่งออก 81,996.447 ล้านบาท พันธุ์สุวรรณ 1 และสุวรรณ 3 มีสัดส่วนพื้นที่ปลูกร้อยละ 95.00-57.70 ในช่วงปี พ.ศ. 2530-2535 มีปริมาณการส่งออกรวม 5.519 ล้านตัน และมีมูลค่าในการส่งออกรวม 17,070.6 ล้านบาท พันธุ์สุวรรณ 1 สุวรรณ 3 และสุวรรณ 5 มีสัดส่วนพื้นที่ปลูกร้อยละ 49.10-22.50 ในช่วงปี พ.ศ. 2536-2539 มีปริมาณการส่งออกรวม 0.209 ล้านตัน และมีมูลค่าในการส่งออกรวม 855.94 ล้านบาท ดังนั้น ในช่วงปี พ.ศ. 2518-2539 พันธุ์สุวรรณ 1 สุวรรณ 2 สุวรรณ 3 และสุวรรณ 5 มีปริมาณการส่งออกรวม 35.210 ล้านตัน มีมูลค่ารวม 99,932.987 ล้านบาท
พันธุ์สุวรรณ 1 ได้รับการรับรองพันธุ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี พ.ศ. 2517 ในระยะแรกศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ผลิตเมล็ดพันธุ์สุวรรณ 1 ปีละประมาณ 300 ตัน และกรมวิชาการเกษตรผลิตปีละประมาณ 100 ตัน การผลิตเมล็ดพันธุ์สุวรรณ 1 ในเชิงอุตสาหกรรม เริ่มในปี พ.ศ. 2521 โดยโครงการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ของกองขยายพันธุ์พืช กรมส่งเสริมการเกษตร ได้รับเมล็ดพันธุ์คัด และเมล็ดพันธุ์หลัก จากศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ และกรมวิชาการเกษตรมาผลิต และส่งเสริมสู่เกษตรกร ในปี พ.ศ. 2524 กรมส่งเสริมการเกษตรผลิตได้ประมาณ 1,850 ตัน ในปี พ.ศ. 2522 บริษัทกรุงเทพอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ เครือบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ ได้เริ่มผลิตเมล็ดพันธุ์สุวรรณ 1 ปีละประมาณ 2,000 ตันในระยะแรก และเพิ่มเป็นปีละประมาณ 4,000-5,000 ตันในระยะต่อมา และมีบริษัท แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ จำกัด และ บริษัท คาร์กิลล์เมล็ดพันธุ์ จำกัด ได้ผลิตเมล็ดพันธุ์สุวรรณ 1 เป็นผลให้พันธุ์นี้แพร่กระจายสู่เกษตรกรอย่างรวดเร็ว นับเป็นจุดเริ่มต้นอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ในประเทศไทย บริษัทเมล็ดพันธุ์ในประเทศ และบริษัทเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติ ได้ใช้พันธุ์สุวรรณ 1 สุวรรณ 3 และสุวรรณ 5 เป็นแหล่งพันธุกรรมที่ดีในการพัฒนาสายพันธุ์แท้ที่มีเมล็ดสีส้มเหลืองชนิดหัวแข็ง เมื่อนำไปผสมกับสายพันธุ์แท้ที่มีเมล็ดสีเหลืองหัวบุบหรือกึ่งหัวบุบของข้าวโพดเขตอบอุ่น หรือกึ่งเขตร้อน ทำให้ได้พันธุ์ลูกผสมที่ให้ผลผลิตสูง และต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง โดยเฉพาะพันธุ์ลูกผสมเดี่ยว
พันธุ์สุวรรณ 1 ให้ผลผลิต 550-850 กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานโรคราน้ำค้าง ลำต้นสูง 2.00-2.30 เมตร เมล็ดมีสีส้มเหลืองชนิดหัวแข็ง อายุเก็บเกี่ยว 110-120 วัน
พันธุ์สุวรรณ 2 ให้ผลผลิตต่ำกว่าสุวรรณ 1 เล็กน้อย อายุเก็บเกี่ยว 90-100 วัน ปลูกจำนวนต้นต่อไร่ได้มากกว่าพันธุ์สุวรรณ 1 โดยมีการหักล้มน้อย ต้านทานโรคราน้ำค้าง เมล็ดสีส้มเหลืองชนิดหัวแข็ง
พันธุ์สุวรรณ 3 ให้ผลผลิตเฉลี่ย 600-900 กิโลกรัม/ไร่ สูงกว่าพันธุ์สุวรรณ 1 ประมาณร้อยละ8 ต้านทานโรคราน้ำค้างและราสนิม สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้กว้าง อายุเก็บเกี่ยว 110-120 วัน ลำต้นสูง 2.00-2.20 เมตร ระบบรากและลำต้นแข็งแรง ใบมีสีเขียวเข้ม ฝักมีขนาดใหญ่สม่ำเสมอ เมล็ดสีส้มเหลืองและเป็นชนิดหัวแข็ง ซังมีสีขาวและมีซังสีแดงปนอยู่บ้างเล็กน้อย
พันธุ์สุวรรณ 5 ให้ผลผลิตเฉลี่ย 907-945 กก./ไร่ สูงกว่าพันธุ์สุวรรณ 1 (7%) และสุวรรณ 3 (4%) ปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมทั่วไป ต้านทานโรคราน้ำค้างและโรคราสนิม อายุเก็บเกี่ยว 110-120 วัน ลำต้นสูงใหญ่ 2.10-2.40 เมตร ระบบรากและลำต้นแข็งแรง ใบสีเขียวเข้ม ฝักยาวและใหญ่สม่ำเสมอ เมล็ดสีส้มเหลืองชนิดหัวแข็งถึงกึ่งหัวแข็ง ให้น้ำหนักต้นสดและน้ำหนักแห้งสูงเหมาะในการทำพืชอาหารสัตว์ ส่งเสริมให้ใช้เป็นข้าวโพดหมัก ซึ่งเป็นอาหารหยาบที่มีคุณค่าทางอาหารสูง เพื่อลดต้นทุนในการเลี้ยงโคเนื้อและโคนม
|
|
พันธุ์สุวรรณ 1 |
พันธุ์สุวรรณ 2 |
|
|
พันธุ์สุวรรณ 3 |
พันธุ์สุวรรณ 5 |
|
ฝักพันธุ์สุวรรณ 1, สุวรรณ 2, สุวรรณ 3 และ สุวรรณ 5 |
|