คำฝอย (safflower : Carthamus tinctorius L.) เป็นพืชฤดูเดียว อยู่ในวงศ์ Compositae เช่นเดียวกับทานตะวัน และเบญจมาศ ลำต้นคำฝอยเป็นไม้เนื้ออ่อนตั้งตรง ความสูงระหว่าง 30 – 150 เซนติเมตร มีรากแก้วใหญ่และหยั่งลึกลงในดินได้ลึกประมาณ 1.0 – 3.0 เมตร ขึ้นกับพันธุ์และสภาพแวดล้อมที่ปลูก ดังนั้นคำฝอยจึงเป็นพืชทนแล้งได้ดี และเจริญเติบโตในดินที่มีการระบายน้ำได้ดี มีรากแขนงมาก ลำต้นแตกกิ่ง ที่ปลายยอดของกิ่งมีดอกเกิดขึ้นทุกกิ่ง ใบเป็นใบเดี่ยว มีสีเขียวเข้ม ไม่มีก้านใบ
ช่อดอก (head) เป็นแบบ dense capitulum ประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก ฐานรองช่อดอกแบนราบ หรือโค้งเล็กน้อยมีวงใบประดับ (involucre) ดอกย่อยกลีบดอกรวมเป็นหลอด (tubular) ปลายแยกเป็นแฉก ไม่มีก้านดอก ไม่มีวงกลีบเลี้ยง (calyx) รังไข่มี 1 คาร์เพล และมี 1 ออวุล รังไข่อยู่ใต้วงกลีบดอก ช่อดอกมีดอกย่อย 20 – 180 ดอก ภายในเชื่อมติดกันล้อมรอบด้วยขนสีขาวสั้น ๆ (bristle) แต่ละดอกย่อยมี 1 เมล็ด กลีบดอกมีสีขาว สีเหลือง สีส้ม สีแดง และสีส้มแดง
ผลหรือเมล็ดเป็นแบบ achene ผิวเรียบ รูปร่างเมล็ดมีสันตามแนวยาว 4 สัน ปลายเมล็ดแบนเรียบ เปลือกหุ้มเมล็ด (hull) แข็ง ไม่ติดแน่นกับเนื้อเมล็ด มีสีขาว เทา น้ำตาลอ่อน และเป็นลายทาง แต่ส่วนมากมีเมล็ดสีขาว จำนวนเมล็ดต่อช่อดอกประมาณ 15 – 20 เมล็ด หรือมากกว่าขึ้นอยู่กับพันธุ์ และสภาพแวดล้อมที่ปลูกโดยเฉพาะความชื้นในดิน คำฝอยมีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 120 – 150 วัน
เมล็ดคำฝอยใช้สกัดน้ำมัน กลีบดอกที่มีสีเหลืองส้ม สีส้ม หรือแดง นำมาตากแห้งใช้เป็นเครื่องดื่มสุขภาพ หรือสกัดสารสีส้ม เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบอาหาร ปัจจุบันใช้สีส้มของคำฝอยแทน saffron (หญ้าฝรั่น) ในการประกอบอาหารหลายชนิด เนื่องจาก saffron มีราคาแพง และใช้เป็นสีย้อมผ้า และพรม นอกจากนี้ดอกคำฝอยไร้หนามใช้เป็นไม้ตัดดอก นิยมในประเทศต่าง ๆในยุโรป จีน และญี่ปุ่น เมล็ดคำฝอยที่มีสีขาวผิวเรียบ นิยมใช้เป็นอาหารนก เมล็ดคำฝอยที่สกัดน้ำมันแล้วนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ดี มีโปรตีนสูงประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์
น้ำมันคำฝอยใช้สำหรับบริโภคและอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่นอุตสาหกรรมอาหาร สีทาบ้าน น้ำมันชักเงา น้ำมันคำฝอยมีคุณสมบัติที่ดีโดยเฉพาะสำหรับการประกอบอาหาร เพราะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงประมาณ 75 – 85 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะกรดไขมันเชิงเดี่ยวโอลิอิก (18:1 oleic) และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (18:2 linoleic) สำหรับกลีบดอกคำฝอยประกอบด้วยสารคาร์ทามิน (carthamin) มีสีส้ม ละลายในสารละลายด่าง และสารสีเหลืองคาร์ทามิดิน (carthamidin) ละลายในน้ำ ซึ่งใช้เป็นชาสมุนไพร มีคุณสมบัติลดความดัน ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนของโลหิตดี และช่วยปรับสภาพฮอร์โมนของผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน ผลผลิตของกลีบดอกตากแห้ง ประมาณ 11 – 22 กก./ไร่ การเก็บกลีบดอกควรทำในเวลาเช้าและนำมาผึ่งแดดอ่อน ๆ หรือในที่ร่มที่มีลมและการระบายอากาศที่ดี เมื่อกลีบดอกแห้ง ควรนำไปอบที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส ประมาณ 3 – 5 ชั่วโมง จะทำให้เก็บกลีบดอกได้นานไม่มีหนอนเกิดขึ้นหรือแมลงเข้าทำลาย
พันธุ์คำฝอยที่ปลูกเป็นการค้าส่วนมากมีหนาม ที่ใบประดับรอบฐานรองช่อดอก และใบ ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการปลูกและการเข้าไปปฏิบัติงานในแปลง โดยเฉพาะถ้าปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวกลีบดอกมาใช้เป็นชาสมุนไพร โครงการปรับปรุงพันธุ์คำฝอย ภาควิชาพืชไร่นา มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ได้พัฒนาพันธุ์คำฝอยไร้หนามพันธุ์พานทอง และได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542
คำฝอยไร้หนามพันธุ์พานทอง เป็นพันธุ์แท้ปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีการคัดเลือกสายพันธุ์บริสุทธิ์ (pure line selection) จากสายพันธุ์ Acc393 เกษตรกรที่ปลูกคำฝอยพันธุ์พานทองสามารถเก็บเมล็ดไว้ปลูกต่อได้ ลักษณะเด่นของคำฝอยพันธุ์พานทอง คือมีช่อดอกขนาดใหญ่กลีบดอกสีส้มแดง เมื่อนำมาตากแห้งมีสีแดงสด น้ำชามีสีเหลืองสดใส และกลิ่นหอม เมล็ดมีขนาดใหญ่เปลือกหุ้มเมล็ดสีขาวผิวเรียบ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง 90.85 เปอร์เซ็นต์
ลักษณะประจำพันธุ์
อายุวันออกดอก |
68 |
วัน |
ความสูง |
110 |
เซนติเมตร |
จำนวนช่อดอกต่อต้น |
40 |
ช่อดอก |
จำนวนเมล็ดต่อช่อเมล็ด |
16 – 18 |
เมล็ด |
ผลผลิตเมล็ด |
138 |
กก./ไร |
น้ำหนัก 1,000 เมล็ด |
41.3 |
กรัม |
ผลผลิตกลีบดอกแห้ง |
8 – 10 |
กก./ไร่ |
เปอร์เซ็นต์น้ำมัน |
24.69 |
|
เปอร์เซ็นต์กรดไขมันในเมล็ดคำฝอยพันธุ์พานทอง
.
กรดไขมันอิ่มตัวทั้งหมด 9.5 %
(Saturated Fatty Acid)
กรดปาล์มมิติก (Palmitic acid) 6.94 %
กรดสเตียริก (Stearic acid) 2.21 %
กรดไขมันไม่อิ่มตัวทั้งหมด 90.85 %
(Unsaturated Fatty Acid)
กรดโอลิอิก (18 : 1 oleic) 14.48 %
กรดลิโนลิอิก (18 : 2 linoleic) 75.91 %
กรดลิโนลินิก (18 : 3 linolenic) 0.45 %
ลักษณะต้น ดอก และเมล็ดของคำฝอยไร้หนามพันธุ์พานทอง
|
|
|
|
|
ระยะออกดอก |
|
|
|
ระยะดอกบาน 80 เปอร์เซ็นต์ มีกลีบดอกสีส้มแดง
|
|
ช่อดอกคำฝอยที่ดอกย่อยบานหมดทั้งช่อดอก
|
|
|
|
กลีบดอกคำฝอยตากแห้ง มีสีส้มแดงสดใส
|
|
เปลือกหุ้มเมล็ดผิวเรียบมีสีขาว |
|