การปรับปรุงพันธุ์มะละกอปากช่อง 2 ณ. สถานีวิจัยปากช่อง สถาบันอินทรีจันทรสถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาพืชศาสตร ์อ.ปากช่อง
จ.นครราชสีมา ในระหว่างปี พ.ศ. 2540 – 2549 เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ คุณภาพและผลผลิตดีกว่าพันธุ์การค้าเดิมจากพันธุ์พ่อพันธุ์แม่ เกิดจากลูกผสมระหว่างมะละกอพันธุ์แขกดำ X ปากช่อง 1 คัดเลือกไว้ 3 สายพันธุ์ ผ่านการคัดเลือก 7 รอบ พบว่าลักษณะมะละกอปากช่อง 2(12-21) ผลขนาดปานกลาง น้ำหนักผล 1,000 – 1,200 กรัม ลักษณะใบมี 7 แฉก ใบสีเขียวเข้ม ใบกว้าง 65 – 70 ซม.ใบยาว 65 – 70 ซม ก้านใบสีเขียว ยาว 80 – 89 ซม. น้ำหนักผลสุก 900 – 1100 กรัม สีผิวผลสุกสีเหลือง สีเนื้อสุกส้มแดง ความหนาเนื้อ 3 ซม. ความหวาน 12 -14 องศาบริคซ์ เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตหลังจากปลูกประมาณ 8 เดือน ผลผลิต 40 – 50 กก. ต่อต้น ในระยะ 18 เดือน ค่อนข้างทนต่อโรคไวรัสจุดวงแหวน
มะละกอเป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานผลสุกทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ในต่างประเทศนิยมรับประทานมะละกอที่มีผลขนาดเล็ก มีน้ำหนักต่อผลไม่เกิน 600 กรัม จากมูลค่าการค้ามะละกอในปี 2543 มูลค่าการค้ารวมของโลกอยู่ที่ 3,816 ล้านบาท ปี 2547 มูลค่าการค้ามะละกอได้เพิ่มขึ้นเป็น 7,348 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการเพิ่มขึ้นแต่ละปีประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ ประเทศที่มีการส่งออกมะละกออันดับหนึ่งคือ เม็กซิโก มีมูลค่าการค้า 40 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด อันดับสองคือ มาเลเซีย 25 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด ประเทศอื่น ๆ ได้แก่ บราซิล และอเมริกา ประเทศไทยมีการผลิตมะละกอเพื่อส่งออกโดยตรงยังมีน้อย และพันธุ์ที่ปลูกส่วนมากเป็นพันธุ์ที่มีผลขนาดใหญ่ จึงไม่เหมาะสำหรับตลาดต่างประเทศ
มะละกอ นอกจากใช้บริโภคเป็นอาหารในชีวิตประจำวันแล้ว ผลของมะละกอดิบและสุก และส่วนของยางยังใช้เป็นประโยชน์ทางด้านอุตสาหกรรมได้อีกหลาย ๆ ด้าน เช่น เมื่อมะละกอดิบ สามารถไปทำมะละกอเชื่อม แช่อิ่ม ดองเค็ม หรือใช้ในโรงงานปลากระป๋อง ผลมะละกอสุกสามารถใช้ทำน้ำผลไม้ ซอส ผลไม้กระป๋อง แยม ลูกกวาด และมะละกอผล เปลือกมะละกอใช้ทำอาหารสัตว์ หรือสีผสมอาหาร ยางมะละกอใช้ในโรงงานผลิตเบียร์ ผลิตน้ำปลา อาหารกระป๋อง อุตสาหกรรมเคมีและเครื่องสำอางค์ เป็นต้น
สถานีวิจัยปากช่อง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ จึงพัฒนาพันธุ์มะละกอมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 เริ่มต้นจากการนำมะละกอสายพันธุ์ซันไลท์ จากประเทศไต้หวัน มาปลูกและคัดเลือกต้นที่มีลักษณะที่ต้องการ ทำการผสมตัวเองและปลูกคัดเลือกอยู่ 5 ชั่วอายุ จนได้สายพันธุ์ที่ไม่กระจายตัว แล้วปลูกขยายเมล็ดโดยวิธีผสมเปิดในหมู่เดียวกันอีก 2 ครั้ง ได้สายพันธุ์ค่อนข้างบริสุทธิ์และมีลักษณะตามที่ต้องการ เป็นพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับส่งเสริมให้ปลูกเป็นการค้า ให้ชื่อว่า มะละกอพันธุ์ปากช่อง 1 ลักษณะประจำพันธุ์ มีลำต้นสีเขียวปนม่วงเล็กน้อย ใบมี 7 แฉกใหญ่ กว้าง 50-60 เซนติเมตร ยาว 45-50 เซนติเมตร ก้านใบสีเขียวปนม่วงยาว 70-75 เซนติเมตร อายุ 8 เดือน ก็เริ่มเก็บผลได้ มีน้ำหนักผล 350 กรัม เนื้อสีส้มหนา 1.8 เซนติเมตร เมื่อสุกเนื้อไม่เละมีรสหวาน กลิ่นหอม เปอร์เซ็นต์ความหวาน 12-14 องศาบริกส์ ในระยะเวลา 18 เดือน จะให้ผลผลิตต้นละ 30-40 กิโลกรัม ค่อนข้างทนต่อโรคใบด่าง เกษตรกรสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ได้เอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 เริ่มทำการผสมมะละกอพันธุ์แขกดำ × พันธุ์ปากช่อง 1 คัดเลือกลักษณะดีไว้ 3 สายพันธุ์ ที่มีขนาดผลใหญ่กว่าพันธุ์ปากช่อง 1 เนื้อสีส้มแดง รสชาติดี เนื้อไม่เละ น่าจะเป็นพันธุ์การค้าที่ส่งเสริมการผลิตเพื่อออกสู่ตลาดต่อไป
อุปกรณ์และวิธีการ
1.การผสมพันธุ์ (Hybridization)
สายพันธุ์มะละกอปากช่อง 2 เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์แขกดำ (พันธุ์แม่) และพันธุ์ปากช่อง 1 (พันธุ์พ่อ) โดยผสมที่สถานีวิจัยปากช่อง สถาบันอินทรีจันทรสถิตย์ฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2540 นำผลมาผ่าเอาเมล็ดเพาะในถุงพลาสติก
2.การคัดเลือกพันธุ์ (Selection Trial)
ทำการคัดเลือกพันธุ์มะละกอลูกผสมปากช่อง 2 ที่สถานีวิจัยปากช่อง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 – 2549 ดังนี้
การคัดเลือกพันธุ์ปีที่ 1 (Seedling Selection) ทำเมล็ดจากมะละกอที่ผสม เพาะในถุงพลาสติกดำ ขนาด 3” x 5” ปลูกลงแปลงได้ จำนวน 26 แถว ๆ ละ 21 หลุมปลูก ๆ ละ 3 ต้น โดยปลูกลงแปลง หลังจากเพาะเมล็ดได้ 1 เดือน หลังจากปลูก 8 เดือนเก็บผลผลิต คัดเลือกไว้ 3 สายพันธุ์ ในปี พ.ศ. 2541 – 2542
การคัดเลือกพันธุ์ปีที่ 2 ดำเนินการที่สถานีวิจัยปากช่อง ในปี พ.ศ. 2542 – 2543 โดยปลูกสายพันธุ์ที่คัดเลือกไว้ 3 สายพันธุ์ ๆ ละ 2 แถว แต่ละแถวมี 20 หลุม ๆ ละ 3 ต้น แล้วคัดเลือกให้เหลือต้นสมบูรณ์เพศไว้ต้นเดียว ทำการคัดเลือกหลังจากปลูก 8 เดือน นำไปปลูกคัดเลือก โดยการเปรียบเทียบพันธุ์เบื้องต้น
การคัดเลือกพันธุ์ปีที่ 3 ดำเนินการที่สถานีวิจัยปากช่อง ในปี พ.ศ. 2543 – 2544 โดยปลูกสายพันธุ์ที่คัดเลือกไว้ 3 สายพันธุ์ ๆ ละ 2 แถว แต่ละแถวมี 20 หลุม ๆ ละ 3 ต้น แล้วคัดเลือกให้เหลือต้นสมบูรณ์เพศไว้ต้นเดียว ทำการคัดเลือกหลุมจากปลูก 8 เดือน นำเมล็ดไปเพาะปลูกคัดเลือก ในปีที่ 4 เหมือนกับปีที่ 3 ในปี พ.ศ. 2544 – 2545
การคัดเลือกพันธุ์ในปีที่ 5, 6 และ 7 เป็นการคัดเลือกพันธุ์มาตรฐาน ที่สถานีวิจัยปากช่อง ในปี พ.ศ. 2546 – 2549 โดยปลูกพันธุ์ละ 2 แถว ๆ ละ 20 หลุม ๆ ละ 3 ต้น เมื่อออกดอกจะตัดต้นเหลือต้นสมบูรณ์เพศไว้ 1 ต้น และปลูกเปรียบเทียบกับมะละกอพันธุ์ปากช่อง 1 กับสายพันธุ์มะละกอลูกผสมที่คัดเลือกไว้
ทำการศึกษาลักษณะต่าง ๆ ของมะละกอ ดังนี้ลักษณะของใบและก้านใบ วัดความยาวของใบ วัดความกว้างของใบ วัดความยาวของใบ วัดสีของใบ ทำการถ่ายรูป ลักษณะภายนอกและภายในของผลศึกษาน้ำหนักผล รูปร่างผล โดยวัดความกว้างและความยาวของผล สีผิวของผลภายนอก เมื่อดิบและสุก ความหนาเนื้อโดยผ่าตรงส่วนที่กว้างที่สุด น้ำหนักเนื้อ น้ำหนักเปลือก น้ำหนักเมล็ด โดยชั่งเป็นกรัม สีของเนื้อเมื่อสุก เปอร์เซ็นต์ Total Soluble Solids (%TSS) การชิมรส โดยให้คะแนนตามเกณฑ์
ทำการศึกษาที่สถานีวิจัยปากช่อง สถาบันอินทรีจันทรสถิตย์ฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 – 2549
ผลการศึกษา
- การผสมพันธุ์ สายพันธุ์มะละกอปากช่อง 2 เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์แขกดำ เป็นพันธุ์แม่ และพันธุ์ปากช่อง 1 เป็นพันธุ์พ่อ โดยวิธีการผสมด้วยมือ หลังจากนั้นเก็บผลผลิตเอาเมล็ดมาเพาะในถุงพลาสติกดำ ขนาด 3” × 5” คัดเลือกต้นกล้าที่แข็งแรงปลูกลงแปลงได้ 26 แถว ๆ ละ 21 ต้น จำนวน 3 ต้น ต่อหลุม หลังจากปลูก 4 เดือน คัดต้นที่เป็นดอกสมบูรณ์เพศเหลือเพียง 1 ต้น ศึกษาลักษณะลูกผสมเพื่อคัดเลือกลักษณะดีได้ตามต้องการ ที่ออกดอกและติดผล หลังจากปลูก 8 เดือน คู่ผสมที่ดีที่คัดไว้คือ 11 – 19, 12 – 21 และ 13 – 19 โดยมีคุณภาพของผลที่ดี มีเนื้อหนา สีส้มและรสชาติดี
- การคัดเลือกสายพันธุ์ดี หลังจากปลูกทดสอบพันธุ์ในแปลง มีสายพันธุ์ที่ดีให้ผลผลิตมีคุณภาพและผลผลิตสูง คือ สายพันธุ์ 11 – 19, 12 – 21 และ 13 – 19 โดยสายพันธุ์ ปากช่อง 2 (12 – 21) ให้ผลผลิตดีที่สุด และทดสอบพันธุ์กับพันธุ์ปากช่อง 1 รวมเวลา 4 ปี พบว่า ผลผลิตของสายพันธุ์ 12 – 21 (ปากช่อง 2) ให้ผลผลิตมากกว่าพันธุ์ปากช่อง 1 10 กิโลกรัมต่อต้น หลังจากปลูก 18 เดือน
จากการศึกษาลักษณะประจำพันธุ์ของใบและผลของมะละกอลูกผสมพันธุ์ปากช่อง 2 และพ่อแม่พันธุ์ของลูกผสม ดังนี้คือ ความกว้างของใบ พบว่ามะละกอพันธุ์แขกดำและลูกผสมปากช่อง 2 (12 – 21) มีความกว้างของใบใกล้เคียงกันคือ 88.00 เซนติเมตร และ 87.50 เซนติเมตร รองลงมาคือพันธุ์ปากช่อง 1 มีความกว้างของใบ 74.50 เซนติเมตร จึงแตกต่างทางสถิติกับพันธุ์แขกดำ และลูกผสมพันธุ์ปากช่อง 2 (12 – 21) ความยาวของใบ พบว่ามะละกอพันธุ์ปากช่อง 2 (12 – 21) มีความยาวของใบมากที่สุด 67.50 เซนติเมตร รองลงมาคือพันธุ์แขกดำ 59.00 เซนติเมตร น้อยที่สุดคือพันธุ์ปากช่อง 1 49.00 เซนติเมตร มีความแตกต่างทางสถิติทั้ง 3 พันธุ์ ความยาวของก้านใบ พบว่ามะละกอพันธุ์ปากช่อง 1 มีความยาวของก้านใบมากที่สุด 92.00 เซนติเมตร รองลงมาคือพันธุ์แขกดำ และลูกผสมปากช่อง 2 (12 – 21) มีความยาวเท่ากันคือ 85.00 เซนติเมตร มีความแตกต่างทางสถิติกับพันธุ์ปากช่อง 1 สีของใบมะละกอทั้ง 3 พันธุ์อยู่ในกลุ่มสีเขียว พันธุ์ปากช่อง 1 พันธุ์ปากช่อง 2 (12-21) Green group 139 A พันธุ์แขกดำ Green group 139 A
ลักษณะภายนอกและภายในผล น้ำหนัก พบว่ามะละกอพันธุ์พันธุ์แขกดำมีน้ำหนักมากที่สุด 2,050 กรัม รองลงมาคือพันธุ์ปากช่อง 2 (12-21) 1,100 กรัม และพันธุ์ปากช่อง 1 ตามลำดับ มีความแตกต่างทางสถิติทั้งสามพันธุ์ สีผิวผลภายนอกเมื่อสุก พันธุ์แขกดำ พันธุ์ปากช่อง 1 และพันธุ์ปากช่อง 2 (12-21) อยู่ในกลุ่ม Yellow Orange group มีสีเหลืองส้ม ไม่แตกต่างกัน
ความหนาเนื้อพบว่าพันธุ์ปากช่อง 2 (12-21) มีความหนาเนื้อมากที่สุด 3.00 เซนติเมตร รองลงมาคือพันธุ์แขกดำ 2.60 เซนติเมตร พันธุ์ปากช่อง 1 2.45 เซนติเมตรมีความแตกต่างทางสถิติ แต่พันธุ์พันธุ์แขกดำและ พันธุ์ปากช่อง 1ไม่มีความแตกต่างทางสถิติระหว่างกัน สีเนื้อสุกทุกพันธุ์อยู่ในกลุ่มสีส้มแดง Orange Red group ไม่มีความแตกต่างกัน เปอร์เซ็นต์ Total soluble solid(%TSS) พบว่าพันธุ์ปากช่อง 1มี เปอร์เซนต์Total soluble solid(%TSS) มากที่สุด 14.5 ° Brixพันธุ์ปากช่อง 2 (12-21) 14 ° Brix และพันธุ์แขกดำ 11 ° Brix
ลักษณะสายพันธุ์ ปากช่อง 2 (12 – 21) ใบมี 7 แฉก ใบสีเขียวเข้ม ใบกว้าง 85 – 70 เซนติเมตร ใบยาว 66 – 70 เซนติเมตร ก้านใบสีเขียวยาว 80 – 89 เซนติเมตร น้ำหนักผลดิบ 1,000 – 1,200 กรัม น้ำหนักผลสุก 900 – 1,100 กรัม สีผิวผลสุกสีเหลือง สีเนื้อสุกสีส้มแดง ความหนาเนื้อประมาณ 3 เซนติเมตร น้ำหนักเนื้อ 810 กรัม น้ำหนักเปลือก 50 กรัม น้ำหนักเมล็ด 40 กรัม คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เนื้อ เปอร์เซ็นต์เปลือก เปอร์เซ็นต์เมล็ด ความหนาเปลือก 0.16 เซนติเมตร ความหวาน 15 องศาบริกซ์ กลิ่นหอมรสชาติดี หลังจากปลูก 18 เดือน ให้น้ำหนักผลผลิต40 – 50 กิโลกรัมต่อต้น ค่อนข้างทนต่อโรคไวรัสจุดวงแหวน
สรุป
สายพันธุ์มะละกอปากช่อง 2 เป็นลูกผสมของพันธุ์มะละกอแขกดำกับพันธุ์ปากช่อง 1 โดยทำการผสมพันธุ์ที่สถานีวิจัยปากช่อง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และทำการคัดเลือกและทดสอบจนสิ้นสุดทางทดลองเมื่อ พ.ศ. 2549
การคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพ ได้ 3 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ 11 – 19, ปากช่อง 2 (12 – 21) และ 13 – 19
พันธุ์ที่มีลักษณะดี คือ พันธุ์ปากช่อง 2(12-21) มีลักษณะผลขนาดปานกลาง น้ำหนักผลดีขนาด 1,000 – 1,200 กรัม เนื้อสีส้มแดง หนา ความหวานประมาณ 15 องศาบริกซ์ การเก็บเกี่ยวหลังจากปลูก 18 เดือน ได้น้ำหนักผลผลิต 40 – 50 กิโลกรัมต่อต้น ค่อนข้างทนต่อโรคใบจุดวงแหวน |