การผลิตมะขามผงด้วยเครื่องทำแห้งแบบลูกกลิ้ง โดยใช้มอลโตเด็กซ์ตรินและอาราบิกกัมเป็นสารตัวพา
Production of tamarind powder by drum dryer using maltodextrin and Arabic gum as adjuncts

       โครงงานวิจัยนี้เป็นการศึกษาวิธีการแปรรูปมะขามเปียกที่ใช้ในการประกอบอาหารให้มีลักษณะที่เป็นผงโดยใช้เครื่องทำแห้งแบบลูกกลิ้งคู่ โดยมีตัวแปรที่ศึกษาคือ อุณหภูมิ (120 และ 140 °ซ)  ชนิดของสารตัวพา (มอลโตเด็กซ์ตรินและอารบิกกัม) และอัตราส่วนของน้ำมะขามเปียกต่อสารตัวพาที่ใช้ในการทำแห้ง (1:0.4, 1:0.8 และ 1:1.4) จากผลการทดลองพบว่าทั้งอุณหภูมิ ชนิดและปริมาณของสารตัวพาล้วนมีผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์มะขามผง โดยกรณีที่ใช้มอลโตเด็กซ์ตรินเป็นสารตัวพา อุณหภูมิที่เหมาะสมในการทำแห้งคือ 140 °ซ หากใช้อัตราส่วนของน้ำมะขามเปียกต่อสารตัวพาเท่ากับ 1:0.8 หรือในช่วงระหว่าง 120-140 °ซ หากใช้อัตราส่วนของน้ำมะขามเปียกต่อสารตัวพาเท่ากับ 1:1.4  และในกรณีที่ใช้อารบิกกัมเป็นสารตัวพา อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 120-140 °ซ โดยใช้อัตราส่วนของน้ำมะขามเปียกต่อสารตัวพาเท่ากับ 1:0.4 หรือ 1:0.8 นอกจากนี้จากผลการทดลองทางประสาทสัมผัสพบว่า มะขามผงคืนรูปที่ใช้สารตัวพาเป็นมอลโตเด็กซ์ตรินได้รับความพึงพอใจในด้านสี, ลักษณะปรากฎและความชอบโดยรวมมากกว่ากรณีที่ใช้อารบิกกัม แต่ได้รับความพึงพอใจในด้านกลิ่นและรสน้อยกว่า สำหรับต้นทุนพลังงานที่ใช้ในการทำแห้งพบว่าอยู่ในช่วงระหว่าง 7.27-21.00 บาท/กิโลกรัมของมะขามผง ขณะที่ต้นทุนค่าสารตัวพาอยู่ในช่วงระหว่าง 208-228 บาท/กิโลกรัมของมะขามผง และ 640-768 บาท/กิโลกรัมของมะขามผง ในกรณีที่ใช้มอลโตเด็กซ์ตรินและอารบิกกัมเป็นสารตัวพาตามลำดับ

ที่มาของงานวิจัย

       มะขามเปียกนั้นได้รับความนิยมมากในการนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารไทย เนื่องจากให้รสเปรี้ยวและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ราคาไม่แพง อีกทั้งยังมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย เช่นวิตามินเอและซี โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และกากใย อีกทั้งยังมีกรดอินทรีย์เช่น กรดทาทาริกและซิตริก มะขามเปียกมีสรรพคุณเป็นยาระบายและช่วยลดความร้อนให้แก่ร่างกาย แต่เนื่องจากการเก็บรักษามะขามเปียกมักประสบปัญหาเรื่องการเสื่อมเสียเนื่องจากจุลินทรีย์โดยเฉพาะเชื้อราดังนั้นทางคณะผู้วิจัยจึงได้จัดทำโครงงานนี้ขึ้น เพื่อศึกษากระบวนการแปรรูปมะขามเปียกให้มีลักษณะเป็นผงเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้ในครัวเรือน เหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตสมัยใหม่ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ลดปัญหาการเก็บรักษา รวมไปถึงเป็นการทำให้เกิดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์อาหารมากขึ้นซึ่งคณะผู้วิจัยหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอาหารของประเทศ

วัตถุประสงค์

    1. เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตมะขามผงสำหรับใช้ประกอบอาหารแทนมะขามเปียกสด
    2. เพื่อหาสภาวะที่เหมาะสมในการทำแห้งมะขามผง
    3. เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพของผลิตภัณฑ์และต้นทุนในการทำแห้งระหว่างการใช้สารตัวพา 2 ชนิด คือ มอลโตเด็กซ์ตรินและอารบิกกัม

อุปกรณ์และวิธีการทดลอง

วัตถุดิบ :  มะขามเปียก, สารมอลโตเด็กซ์ตรินและอารบิกกัม
อุปกรณ์: เครื่องทำแห้งแบบลูกกลิ้งคู่, เครื่อง Pulper finisher, เครื่องวัดสี, เครื่องวัดค่า pH, Hand refractometer, Hot air oven, Hot plate stirrer, เครื่องชั่งน้ำหนัก, Rapid visco analyzer, โถกรองและปั๊มสุญญากาศ 

วิธีการทดลองที่ใช้ในโครงงานนี้ ถูกสรุปไว้ในรูปที่ 1


รูปที่ 1 ไดอะแกรมแสดงวิธีการทดลอง

ผลการทดลอง

       จากการศึกษาพบว่ามีเพียง 7 สภาวะการทำแห้งเท่านั้น ที่ให้ผลิตภัณฑ์มะขามที่มีลักษณะทางกายภาพตามที่ต้องการ ดังรายละเอียดในตารางที่ 1

ตารางที่ 1  ลักษณะทางกายภาพของมะขามหลังจากการทำแห้งที่สภาวะต่างๆ

อุณหภูมิที่ใช้
ในการทำแห้ง (°ซ)

สารตัวพา

สัดส่วนระหว่างน้ำมะขามความเข้มข้น 20 °Brix และสารตัวพา (โดยน้ำหนัก)

1:0.4

1:0.8

1:1.4

120

มอลโตเด็กซ์ตริน

ส่วนผสมไม่หนืดพอที่จะเกาะติดที่ผิวของลูกกลิ้ง

ผลิตภัณฑ์ที่ได้เหนียวแฉะ ไม่สามารถขูดออกจากผิวของลูกกลิ้งโดยใบมีก

ผลิตภัณฑ์ที่ได้เป็นผงแห้ง สามารถขูดออกจากผิวของลูกกลิ้งได้ง่ายโดยใช้ใบมีด

อารบิกกัม

ผลิตภัณฑ์ที่ได้แห้งและเกาะเป็นฟิล์มบางๆบนผิวลูกกลิ้ง ซึ่งสามารถขูดออกได้ง่ายโดยใบมีก หลังจากขูดออกจะมีลักษณะเป็นเกล็ดขนาดใหญ่ต้องนำไปบดให้เป็นผงอีกที

ผลิตภัณฑ์ที่ได้แห้งและเกาะเป็นฟิล์มบางๆบนผิวลูกกลิ้ง ซึ่งสามารถขูดออกได้ง่ายโดยใบมีก หลังจากขูดออกจะมีลักษณะเป็นเกล็ดขนาดใหญ่ต้องนำไปบดให้เป็นผงอีกที

ผลิตภัณฑ์ที่ได้เหนียวแฉะ ไม่สามารถขูดออกจากผิวของลูกกลิ้งโดยใบมีก

140

มอลโตเด็กซ์ตริน

ส่วนผสมไม่หนืดพอที่จะเกาะติดที่ผิวของลูกกลิ้ง

ผลิตภัณฑ์ที่ได้แห้งและเกาะเป็นฟิล์มบางๆบนผิวลูกกลิ้ง ซึ่งสามารถขูดออกได้ง่ายโดยใบมีก หลังจากขูดออกจะมีลักษณะเป็นเกล็ดขนาดใหญ่ต้องนำไปบดให้เป็นผงอีกที

ผลิตภัณฑ์ที่ได้เป็นผงแห้ง สามารถขูดออกจากผิวของลูกกลิ้งได้ง่ายโดยใช้ใบมีด

อารบิกกัม

ผลิตภัณฑ์ที่ได้แห้งและเกาะเป็นฟิล์มบางๆบนผิวลูกกลิ้ง ซึ่งสามารถขูดออกได้ง่ายโดยใบมีก หลังจากขูดออกจะมีลักษณะเป็นเกล็ดขนาดใหญ่ต้องนำไปบดให้เป็นผงอีกที

ผลิตภัณฑ์ที่ได้แห้งและเกาะเป็นฟิล์มบางๆบนผิวลูกกลิ้ง ซึ่งสามารถขูดออกได้ง่ายโดยใบมีก หลังจากขูดออกจะมีลักษณะเป็นเกล็ดขนาดใหญ่ต้องนำไปบดให้เป็นผงอีกที

ผลิตภัณฑ์ที่ได้เหนียวแฉะ ไม่สามารถขูดออกจากผิวของลูกกลิ้งโดยใบมีก

หมายเหตุ สภาวะที่มีการ Highlight คือ สภาวะการทำแห้งที่ให้ผลิตภัณฑ์มะขามที่มีลักษณะทางกายภาพตามที่ต้องการ

        ดังนั้นผลิตภัณฑ์มะขามผงที่ได้จาก 7 สภาวะดังกล่าวถูกนำวัดค่าคุณสมบัติทางกายภาพต่างๆดังแสดงในตารางที่ 2

ตารางที่ 2  ค่าคุณสมบัติทางกายภาพต่างๆของผลิตภัณฑ์มะขามผงที่ได้จาก 7 สภาวะการทำแห้ง

สภาวะการทำแห้ง

ความหนาแน่นปรากฏ
(กก./ลิตร)

ความชื้น
(%มาตรฐานเปียก)

Water activity

ระยะเวลาที่ใช้ในการละลาย
(วินาที)

ลำดับที่

สารตัวพา

อุณหภูมิ (°ซ)

สัดส่วนระหว่างน้ำมะขาม
และสารตัวพา

1

MD

120

1:1.4

0.816a ± 0.066

3.46a ± 0.03

0.260a ± 0.003

83a,b ± 2

2

MD

140

1:0.8

0.781a ± 0.045

3.38b ± 0.03

0.326b ± 0.006

98a ± 18

3

MD

140

1:1.4

0.478b ± 0.063

3.11c ± 0.04

0.342c ± 0.001

8c ± 1

4

AG

120

1:0.4

0.731a,c ± 0.038

3.20d ± 0.04

0.306d ± 0.007

79a,b ± 18

5

AG

120

1:0.8

0.790a ± 0.037

3.62e ± 0.04

0.265a,e ± 0.006

73b ± 8

6

AG

140

1:0.4

0.648c ± 0.032

3.09c ± 0.02

0.276e ± 0.002

140d ± 8

7

AG

140

1:0.8

0.783a ± 0.094

3.41a,b ± 0.03

0.263a ± 0.012

16c ± 2

หมายเหตุ:  MD = มอลโตเด็กซ์ตริน, AG = อารบิกกัม
         ค่าความหนาแน่นปรากฏ, ความชื้น, Water activity และระยะเวลาที่ใช้ในการละลาย ถูกแสดงในรูป ค่าเฉลี่ย ± ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
         ค่าเฉลี่ยที่มีตัวอักษร Superscript เหมือนกันในคอลัมน์เดียวกันแสดงว่าไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ P < 0.05.

      นอกจากการวัดค่าคุณสมบัติทางกายภาพต่างๆของผลิตภัณฑ์มะขามผงแล้ว ยังมีการนำมะขามผงไปละลายน้ำให้มีสภาพคล้ายคลึงกับส่วนผสมก่อนการทำแห้ง แล้วทำการวัดค่าคุณสมบัติทางกายภาพเปรียบเทียบกับน้ำมะขามเปียกสดความเข้มข้น 20 °บริกซ์ ดังแสดงในตารางที่ 3

ตารางที่ 3  ค่าคุณสมบัติทางกายภาพต่างๆของมะขามผงละลายน้ำที่ได้จาก 7 สภาวะการทำแห้งและน้ำมะขามเปียกสด

สภาวะการทำแห้ง

ค่าสี

pH

เปอร์เซ็นต์ของ
มะขามผงที่ไม่ละลาย

ค่าความหนืด (cP)

ลำดับที่

สารตัวพา

อุณหภูมิ (°ซ)

สัดส่วนระหว่างน้ำมะขาม และสารตัวพา

L*

a*

b*

1

MD

120

1:1.4

7.57a ± 0.22

7.78c ± 0.04

9d ± 0.24

2.58a ± 0.015

6.3

16,158a ± 1,955.8

2

MD

140

1:0.8

4.97b ± 0.12

6.62a ± 0.36

6.69a ± 0.35

2.65a,b ± 0.006

6.8

2,523b,c ± 187.7

3

MD

140

1:1.4

11.89c ± 0.31

7.84c ± 0.06

14.61b ± 0.42

2.70b ± 0.020

5.6

4,297c,d ± 485.0

4

AG

120

1:0.4

3.97d ± 0.13

6.76a ± 0.13

5.78c ± 0.16

2.80c ± 0.026

12.0

5,738d ± 239.5

5

AG

120

1:0.8

11.04e ± 0.14

8.07c,d ± 0.37

13.74e ± 0.59

3.18d ± 0.070

7.1

19,818e ± 2,342.3

6

AG

140

1:0.4

5.82f ± 0.29

8.65b,d ± 0.14

8.47d ± 0.71

2.79c ± 0.051

31.7

23,639f ± 1,311.5

7

AG

140

1:0.8

9.60g ± 0.60

8.97b ± 0.36

13.38e ± 0.15

3.05e ± 0.025

11.5

17,406a,e ± 3,928.6

Fresh tamarind juice

11.46c,e ± 0.61

8.36c,d ± 0.69

13.43e ± 0.84

2.69b ± 0.086

-

467b ± 28.0

หมายเหตุ:  MD = มอลโตเด็กซ์ตริน, AG = อารบิกกัม, L* = ค่าความสว่าง, a* = ค่าสีแดง, b* = ค่าสีเหลือง
         ค่า L*, a*, b*, pH, เปอร์เซ็นต์ของมะขามผงที่ไม่ละลาย และค่าความหนืด ถูกแสดงในรูป ค่าเฉลี่ย ± ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
         ค่าเฉลี่ยที่มีตัวอักษร Superscript  เหมือนกันในคอลัมน์เดียวกันแสดงว่าไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ P < 0.05.

        มะขามผงที่ได้จากสภาวะการทำแห้งลำดับที่ 3 และ 4 ถูกนำไปทดสอบการยอมรับของผู้บริโภค เนื่องจากมีลักษณะปรากฏที่ดี โดยมะขามผงจะถูกนำไปละลายน้ำให้มีสภาพคล้ายคลึงกับส่วนผสมก่อนการทำแห้ง แล้วให้ผู้ทดสอบจำนวน 30 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นนิสิตระดับปริญญาตรีในคณะอุตสาหกรรมเกษตร ประเมินคุณภาพด้านประสาทสัมผัสในแง่ ลักษณะปรากฏ, สี, กลิ่น, รส และความชอบโดยรวม โดยใช้แบบทดสอบ 5-Point hedonic scale test  ผลการประเมินถูกแสดงดังรูปที่ 2

รูปที่ 2    ผลการประเมินคุณภาพด้านประสาทสัมผัสของมะขามผงจากสภาวะการทำแห้งลำดับที่ 3 และ 4

     นอกจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์มะขามผงแล้ว ในโครงงานนี้ยังมีการคำนวณต้นทุนในการทำแห้งมะขามผงด้วย ซึ่งต้นทุนที่สำคัญได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าสารตัวพา ซึ่งผลการคำนวณถูกแสดงในตารางที่ 4

ตารางที่ 4  รายละเอียดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าสารตัวพา สำหรับการผลิตมะขามผง

สภาวะการทำแห้งลำดับที่

พลังงานที่ใช้สำหรับการทำแห้ง

น้ำหนักมะขามผงที่ได้ (kg)

SPEC (kJ/kgproduct)

ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในการทำแห้ง

ค่าสารตัวพา ต่อน้ำหนักมะขามผง(บาท/กิโลกรัม)

พลังงานความร้อน (kJ)

พลังงานไฟฟ้า (kJ)

พลังงานปฐมภูมิรวม (kJ)

ค่าใช้จ่ายสำหรับพลังงาน
ความร้อน (บาท)

ค่าไฟฟ้า (บาท)

ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานต่อ
น้ำหนักมะขามผง(บาท/กิโลกรัม)

1

2,421

675

4,177

0.320

13,052

1.93

0.56

7.79

227.50

2

2,027

524

3,390

0.200

16,951

1.62

0.44

10.26

208.00

3

4,354

565

5,823

0.320

18,195

3.47

0.47

12.31

227.50

4

1,342

278

2,066

0.120

17,218

1.07

0.23

10.85

640.00

5

2,354

299

3,132

0.200

15,659

1.88

0.25

10.62

768.00

6

2,928

225

3,512

0.120

29,267

2.33

0.19

21.00

640.00

7

1,464

345

2,361

0.200

11,805

1.17

0.29

7.27

768.00

หมายเหตุ:   พลังงานปฐมภูมิรวม = พลังงานความร้อน + [2.6*พลังงานไฟฟ้า]
          SPEC = specific primary energy consumption = พลังงานปฐมภูมิรวม / น้ำหนักมะขามผงที่ได้
          ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานต่อน้ำหนักมะขามผง = (ค่าใช้จ่ายสำหรับพลังงานความร้อน + ค่าไฟฟ้า)/ น้ำหนักมะขามผงที่ได้
         ในการคำนวณค่าสารตัวพา ใช้ราคาค่าสารมอลโตเด็กซ์ตรินและอารบิกกัมเท่ากับ 260 และ 960 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ

    งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า สามารถผลิตมะขามผงด้วยวิธีการทำแห้งแบบลูกกลิ้งคู่เพื่อใช้มะขามผงเป็นส่วนประกอบในการให้รสเปรี้ยวในอาหารหรือเป็นสารให้กลิ่นรสในอาหารได้ จากผลการทดลองพบว่าอุณหภูมิการทำแห้งที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของสารตัวพา และอัตราส่วนของน้ำมะขามเปียกต่อสารตัวพา นอกจากนี้จากผลการทดสอบทางประสาทสัมผัสบ่งชี้ว่า มะขามผงคืนรูปที่ใช้สารตัวพาเป็นมอลโตเด็กซ์ตรินได้รับความพึงพอใจในด้านสี, ลักษณะปรากฎและความชอบโดยรวมมากกว่ากรณีที่ใช้อารบิกกัม แต่ได้รับความพึงพอใจในด้านกลิ่นและรสน้อยกว่า ต้นทุนพลังงานที่ใช้ในการทำแห้งพบว่าอยู่ในช่วงระหว่าง 7.27-21.00 บาท/กิโลกรัมของมะขามผง ขณะที่ต้นทุนค่าสารตัวพาจะสูงกว่าต้นทุนพลังงานมาก อย่างไรก็ตามราคาสารตัวพาที่ใช้ในการคำนวณเป็นราคาในกรณีที่ซื้อปริมาณน้อยแต่หากซื้อในปริมาณมากเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม ราคาค่าสารตัวพาจะลดลงหลายเท่าตัว ซึ่งมีผลให้ต้นทุนลดลงได้มาก

 

 

 

 
คณะผู้วิจัย
ดร.วีรเชษฐ์ จิตตาณิชย์  น.ส.ทิตติยา ดียิ่ง  น.ส. เมธาวี จันทรอินทร์  และน.ส.วันทนีย์ รัตนวงศ์
ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร  คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โทร. 02-562-5020 , 02-562-5026