ในปัจจุบันได้มีการใช้ไม้ในอัตราที่สูงขึ้น แต่ก็พบปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ไม้บิด ไม้แตก สีไม้ไม่สม่ำเสมอ ฯลฯ ทำให้การใช้ประโยชน์จากไม้ไม่ได้ประโยชน์สูงสุด
ทำให้ทางทีมงานได้มีการคิดค้นในนวัตกรรมการใช้ประโยชน์จากไม้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น
1. การพัฒนาเตาอบไม้แบบประหยัด
เนื่องจากปัญหาของการใช้ประโยชน์จากไม้คือ เรื่องของความชื้นซึ่งความชื้นในเนื้อไม้ถ้ามีมากเกินไป เมื่อนำไปใช้งานก็จะเกิดการหดตัวแต่ถ้าความชื้นของเนื้อไม้มีน้อยเกินไป เมื่อนำไปใช้งานก็จะเกิดการขยายตัวซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญของการใช้ประโยชน์จากไม้
ดังนั้นในการนำไม้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้นั้นจะต้องผ่านการอบไม้ให้มีความชื้นเท่ากับความชื้นสมดุลที่จะนำไปใช้งาน (ประเทศไทยมีความชื้นสมดุลเฉลี่ยที่ 10±2% ) ก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหาการยืดและหดตัวของเนื้อไม้
แต่ในความเป็นจริง ณ ปัจจุบันนี้ในการอบไม้นั้นจะมีเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรมไม้ขนาดใหญ่ เนื่องจากเตาอบไม้นั้นมีการลงทุนสูงต้องใช้ Boiler เป็นแหล่งกำเนิดความร้อนทำให้ต้องลงทุนประมาณ 1-3 ล้านบาท และค่าก่อสร้างห้องอบไม้ขนาดประมาณ 700 ลบ.ฟุต ห้องละ 300,000 บาท เนื่องจากมีอุปกรณ์ในการควบคุมยุ่งยาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 4 ล้านบาท นอกจากนี้อัตราการใช้เชื้อเพลิงก็สูงทำให้อุตสาหกรรมไม้ขนาดกลาง – เล็ก ไม่สามารถที่จะลงทุนได้
การทำให้ไม้แห้งนั้นมีปัจจัยที่สำคัญอยู่ 3 ปัจจัยคือ
- ความร้อน
- ความเร็วลม
- ความชื้นสัมพัทธ์
ทำให้ทีมงานจึงมีแนวความคิดที่จะทำเตาอบไม้แบบประหยัด เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์ไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมไม้ขนาดกลาง – เล็ก โดยพิจารณาถึงแหล่งกำเนิดความร้อนและการลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงให้น้อยลง
|
|
ห้องอบไม้แบบใหม่ |
เตาอบไม้แบบประหยัด |
2. การป้องกันการยืดหดตัวของเนื้อไม้ / การคงสีธรรมชาติของไม้ยางพาราโดยสาร PEG
ในปัจจุบันเฟอร์นิเจอร์ของประเทศไทย ได้นำไม้ยางพารามาใช้มากกว่า 80% แต่ได้พบปัญหาในการใช้คือ สีของไม้ยางพาราจากสีขาวเหลืองจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนหรือน้ำตาลอ่อน ทำให้เกิดปัญหาในการทำสีต้องมีการฟอกสี ทำให้ต้องเพิ่มขั้นตอนในการทำงานและน้ำยาฟอกสีก็มีผลอันตรายต่อพนักงาน นอกจากนี้ยังไม่ได้สีธรรมชาติของไม้และที่สำคัญยังเป็นการป้องกันการยืดหดตัวของเนื้อไม้อีกด้วย
ทางทีมงานจึงได้เกิดแนวความคิดในการที่จะคงสีของไม้ยางพาราให้เป็นสีขาวธรรมชาติ โดยไม้ต้องใช้น้ำยาฟอกสี เพื่อให้สะดวกในการทำงานและการป้องกันการยืดหดตัวของเนื้อไม้
3. การใช้ประโยชน์จากวัสดุทางการเกษตร
ทรัพยากรป่าไม้เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญยิ่งของประเทศ ที่มีผลต่อสภาวะสมดุลของระบบ
นิเวศ ดังนั้นหากมีการสูญเสียในทรัพยากรป่าไม้มากเท่าไร ก็ย่อมทำให้เกิดความไม่สมดุลของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าจากสภาวะวิกฤตจากภัยธรรมชาติในปัจจุบัน ซึ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสาเหตุที่สำคัญก็สืบเนื่องมาจากการลดลงอย่างรวดเร็วของพื้นที่ป่าไม้ ปัจจัยที่ทำให้พื้นที่ป่าไม้ลดลงอย่างรวดเร็วนั้น นอกจากจะเกิดจากการบุกรุกเข้าครอบครองพื้นที่ป่าไม้เพื่ออยู่อาศัยทำกินแล้ว ยังเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าที่เกินกำลังการผลิตของป่า เพื่อนำไม้ธรรมชาติออกมาใช้ประโยชน์ให้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของประชากร และความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ภาวการณ์ดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่ควรรีบเร่งแก้ไข และหาแนวทางปกป้องสภาพป่าไม้ให้สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ และอนุรักษ์สภาพป่าไม้ที่เหลืออยู่เพียง 86 ล้านไร่ หรือประมาณ 26% ของพื้นที่ประเทศให้คงอยู่ต่อไปได้
ทางทีมงานจึงได้เล็งเห็นถึงการใช้ประโยชน์จากวัสดุเศษเหลือทางการเกษตรที่มีมากในประเทศไทย
ดังนั้นการนำวัสดุเศษเหลือทางการเกษตร จะเป็นวิธีการที่สามารถปกป้องป่าไม้ไว้ได้ เพราะนับวันปริมาณการบริโภคไม้สูงขึ้น โดยเฉพาะการบริโภคไม้ของประเทศไทยมีมากกว่า 3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งเป็นไม้ที่นำเข้าจากประเทศต่างๆ ถึง 75% ของการบริโภคไม้ในประเทศ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้าสามารถนำวัสดุเศษเหลือจากอุตสาหกรรมที่สกัดสมุนไพรมาเป็นวัตถุดิบทดแทนไม้จากธรรมชาติได้แล้ว ก็จะมีผลดีต่อการอนุรักษ์ป่าไม้ ลดมูลค่าการนำเข้าไม้จากต่างประเทศ และเพิ่มมูลค่าของวัสดุเศษเหลือทางการเกษตร และที่สำคัญยังเป็นการใช้ประโยชน์จากพืชทางเกษตรได้ครบวงจร
ผลิตภัณฑ์
|