เทคนิคการขยายพันธุ์กวาวเครือขาว SARDI190 ด้วยวิธีการตัดชำ
จากการทดลองขยายพันธุ์กวาวเครือขาว SARDI190 ด้วยวิธีการตัดชำ พบว่าสามารถทำได้อย่างรวดเร็วกว่าวิธีอื่นๆ แต่ต้องมีเทคนิคบางอย่างเช่น ความเข้มข้นของฮอร์โมนเร่งราก ความสูงของวัสดุเพาะชำ การให้น้ำเพื่อควบคุมความชื้นในแต่ละช่วงอายุการชำ วิธีการ และผลการดำเนินการสรุปได้ดังนี้
- การพ่นน้ำเป็นหมอกในช่วง 2 สัปดาห์แรก แต่ละครั้งห่างกัน 8 นาที พ่นอยู่นานครั้งละนาที และ ในช่วงสัปดาห์ที่3-4 ห่างกันครั้งละ 12 นาที นาน 1 นาที
- กิ่งชำกวาวเครือขาวจะเริ่มออกราก ตั้งแต่ 18-21 วัน
- กล้ากวาวเครือขาวที่ตัดชำมีรากสมบูรณ์เมื่ออายุ 28-30
- การชำกิ่งกวาวเครือขาวในแปลงมีจำนวนต้นที่รอดตายและย้ายออกจากเรือนเพาะชำ 70.64 %
- การชำกิ่งกวาวเครือขาวในแปลงมีจำนวนต้นที่รอดตายจนถึงอายุ 70 วัน 67.48 %
- การชำกิ่งกวาวเครือขาวในถุงเพาะชำขนาด 3.5x7.0 นิ้วมีการรอดตายของกิ่งชำน้อยกว่า การชำในถุงขนาด 5x10 นิ้ว
- การใช้ฮอร์โมนเร่งรากที่มีความเข้มข้นสูงทำให้กิ่งชำไม่ตาย แต่ไม่ออกราก
- ลูกที่เกิดจากการตัดชำมีลายพิมพ์ ดีเอ็นเอ เหมือนกับต้นแม่ทุกประการ
ภาพที่ 1 แสดงลักษณะของโครงสร้างโรงเพาะชำและระบบพ่นหมอก
ภาพที่ 2 แสดงการออกรากของกิ่งชำในแปลงเพาะชำ
ภาพที่ 3 แสดงลายพิมพ์นิ้วมือ ดีเอ็นเอ ของกวาวเครือขาว SARDI190 ต้นแม่ ต้นลูก และ ต้นเปรียบเทียบ
การใช้ประโยชน์สารเร่งการเจริญเติบโตในกวาวเครือขาวในการผลิตพืช
กวาวเครือขาวสามารถส่งเสริมการเจริญของไม้ดอกได้ ซึ่งทดสอบการเร่งการออกดอกของกุหลาบในสภาพปลอดเชื้อ โดยนำแคลลัส ของกุหลาบหนู มาเพาะเลี้ยงบนอาหารวุ้น สูตร MS (Murashige and Skoog 1962) พบว่าอาหารวุ้นที่มีส่วนผสมของสารสกัดกวาวเครือขาวมีส่วนในการชักนำการเจริญของดอกกุหลาบหนูเป็นอย่างดี
กวาวเครือขาวส่งเสริมการเจริญของต้นพืชในแปลงปลูกในสภาพธรรมชาติ พบว่าการใช้สารสกัด กวาวเครือขาวฉีดพ่นในแปลงปลูกผักคะน้ามีแนวโน้ม ทำให้ใบผักคะน้าอวบอ้วน และมีน้ำหนักสูงกว่าต้นปกติ ซึ่งในส่วนของการเจริญของผักคะน้านี้ จะยืนยันผลการทดลองโดยทำซ้ำในปีต่อไป
ในส่วนของการใช้ในพริกที่ปลูกในระบบอินทรีย์นั้นยังเห็นผลไม่ชัดเจน
ภาพที่ 4 แสดงเปรียบเทียบแคลลัสกุหลาบบนอาหารวุ้น สูตรMS กับ แคลลัสที่มีการเจริญเป็นต้นเพาะเลี้ยงด้วยอาหารวุ้นสูตร MS ผสมกวาวเครือ
ภาพที่ 5 แสดงเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของผักคะน้าต้นควบคุมกับต้นที่ฉีดพ่นด้วยสารสกัดกวาวเครือขาว
การพัฒนาการผลิตต้นพันธุ์กวาวเครือขาว(Pueraria candollei Grah. ex Benth. var. mirifica ( Airy Shaw et. Shaw Suvat ) Niyomdh )ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
วิธีการฟอกฆ่าเชื้อกวาวเครือที่เหมาะสมคือ การฟอกทั้งตายอด และตาข้างด้วย คลอร็อกซ์ ที่ความเข้มข้น 10% ครั้งที่ 1 เป็นเวลา 10 นาทีและครั้งที่ 2 เป็นเวลา 10 นาที ได้ชิ้นส่วนที่รอดชีวิต และปราศจากเชื้อสูงสุดที่ 50 เปอร์เซ็นต์
สูตรอาหารที่สามารถชักนำให้ยอดกวาวเครือเกิดกลุ่มยอดใหม่ คือ อาหารแข็งสูตร MS ที่เติม BA ความเข้มข้น 2 มิลลิกรัมต่อลิตรและ GA ความเข้มข้น 0.1 มิลลิกรัมต่อลิตร ให้จำนวนกลุ่มยอดเฉลี่ยสูงสุด 8.2 ยอด รองลงมาคือยอดที่เกิดจากอาหาร MS ที่มี BA ความเข้มข้น 1 มิลลิกรัมต่อลิตร และ GA ความเข้มข้น 0.1 มิลลิกรัมต่อลิตร ที่มีจำนวนยอดเท่ากับ 3.4 เมื่อเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 60 วัน ส่วนการเติมผงกวาวเครือขาว0.5, 1 และ 1.5 กรัมต่อลิตร ลงในอาหารสูตร MS ที่มี BA 0.2 มิลลิกรัมต่อลิตรพบว่าทุกระดับของผงกวาวเครือขาว มีแนวโน้มสามารถชักนำให้เกิดยอดที่มีลักษณะปกติได้
ภาพที่ 6 ลักษณะยอดกวาวเครือในสภาพปลอดเชื้อบนอาหาร MS
ภาพที่ 7 ยอดที่เกิดขึ้นใหม่เมื่อเลี้ยงยอดกวาวเครือบนอาหารสูตร MS ที่เติม BA 0.2 มิลลิกรัมต่อลิตร และ ผงกวาวเครือ 0.5, 1 และ 1.5 กรัมต่อลิตร เป็นเวลา 30 วัน
จากผลรวมของโครงการวิจัยนี้สามารถขยายพันธุ์กวาวเครือขาวเพื่อใช้ปลูกเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จด้วยกระบวนการตัดชำ ส่วนการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อต้องพัฒนาต่อไป การใช้ประโยชน์ในพืชได้ผลดีพอควร