พื้นที่ลุ่มน้ำคลองกำพวนครอบคลุมพื้นที่ของตำบลกำพวน ตำบลนาคา อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง เป็นลุ่มน้ำที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของชุมชนชายฝั่งและชุมชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ลุ่มน้ำ ซึ่งการใช้ทรัพยากรธรรมชาติไม่ถูกต้องตามสมรรถนะที่ดิน เป็นปัญหาสำคัญของการบริหารจัดการลุ่มน้ำ เช่น การบุกรุกและทำลายแหล่งต้นน้ำ การชะล้างพังทลายของดินโดยจะส่งผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อมต่อมนุษย์และทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองกำพวนเพื่อการวางแผนการจัดการทรัพยากรชายฝั่ง จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและลักษณะของการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองกำพวน ในช่วงปี พ.ศ. 2530 – 2551 โดยประยุกต์ใช้ข้อมูลจากการสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) ใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน รวมถึงพัฒนาและปรับปรุงเพื่อจัดเก็บและจัดทำฐานข้อมูลในระดับลุ่มน้ำในรูปแบบของแผนที่ ให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและการคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนสามารถนำไปสู่การศึกษาและการวางแผนการใช้ทรัพยากรที่ดินในบริเวณลุ่มน้ำคลองกำพวนและลุ่มน้ำอื่น ๆ ต่อไป
วิธีการศึกษา
1. รวบรวมแผนที่สภาพภูมิประเทศมาตราส่วน 1: 50000 แผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินปี 2530 และ 2540 แผนที่การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำและภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-5 (ปี 2530 – 2551) เพื่อกำหนดลักษณะทางภูมิศาสตร์ทางกายภาพของพื้นที่
2. ตรวจสอบสภาพพื้นที่ร่วมกับแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดิน สำหรับปรับแก้ข้อมูลให้ถูกต้องก่อนนำมาพิจารณาสถานภาพและความเหมาะสมของการใช้ประโยชน์พื้นที่
3. แสดงขอบเขตพื้นที่ลุ่มน้ำศึกษา และจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำศึกษาใน 3 ช่วงเวลา คือ ปี 2530, 2540 และ 2551 พร้อมเสนอแนวทางสำหรับการจัดการลุ่มน้ำในระดับพื้นที่ศึกษา
ผลการศึกษา
1 .ลักษณะภูมิศาสตร์กายภาพของลุ่มน้ำ
ลุ่มน้ำคลองกำพวนมีขนาดพื้นที่เท่ากับ 74.02 ตารางกิโลเมตร หรือ 42,260.65 ไร่ (ตารางที่ 1) เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน โดยเฉพาะด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพื้นที่ลุ่มน้ำ ลักษณะของพื้นที่ลาดเอียงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้านฝั่งทะเล
อันดามัน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุดประมาณ 1,350 เมตร และต่ำสุดด้านทิศตะวันตกบริเวณปากคลองกำพวนและคลองบางกล้วย ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลน้อยกว่า 5 เมตร ความลาดชันของพื้นที่เฉลี่ย 7.27 เปอร์เซ็นต์ (กาญจน์เขจร และคณะ, 2548)
2. ประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำศึกษา
การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม Landsat-5 สามช่วงเวลา (ปี 2530 – 2551) ร่วมกับการใช้ ground control points พบว่า สภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำศึกษาจำแนกได้ดังแสดงในภาพที่ 1-3 ลักษณะพื้นที่ลุ่มน้ำส่วนใหญ่มีสภาพเป็นป่าดิบชื้นถึงร้อยละ 48 (23,486.67 ไร่) 47 (21,558.63 ไร่) และ 44 (20,408.99 ไร่) ในปี 2530, 2540 และ 2551 ตามลำดับ สำหรับพื้นที่ที่เป็นที่เนินและที่ราบ ประกอบด้วยพื้นที่เกษตรกรรมรูปแบบต่าง ๆ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และสวนผสม ดังตารางที่ 1
ภาพที่ 1 แผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองกำพวน ปี 2530
ภาพที่ 2 แผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองกำพวน ปี 2540
ภาพที่ 3 แผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองกำพวน ปี 2551
ตารางที่ 1 ประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินจำแนกตามขนาดพื้นที่ ระหว่างปี 2530 – 2551
ประเภทการใช้
ประโยชน์ที่ดิน |
พื้นที่ (ไร่) |
ปี 2530 |
ปี 2540 |
ปี 2551 |
ป่าดิบชื้น |
23,486.67 (48.61 %) |
21,558.63 (47.03 %) |
20,408.99 (44.12 %) |
ปาล์มน้ำมัน |
0.00 |
4,964.26 (10.73 %) |
6,135.35 (13.26 %) |
ยางพารา |
5,459.98 (11.80 %) |
8,770.68 (18.96 %) |
5,312.35 (10.84 %) |
สวนผสม |
6,336.45 (13.70 %) |
3,410.11 (7.80 %) |
4,910.93 (10.68 %) |
ชุมชน/พื้นที่เปิดโล่ง |
1,919.96 (4.15 %) |
2,255.81 (1.89 %) |
4,541.88 (8.79 %) |
ป่าชายเลน |
5,020.12 (10.74 %) |
4,329.21 (9.36 %) |
3,473.38 (7.51 %) |
นากุ้ง |
0.00 |
520.62 (1.13 %) |
866.62 (1.44 %) |
ป่าชายหาด |
378.14 (0.82 %) |
432.86 (0.94 %) |
637.62 (1.38 %) |
คลอง/แหล่งน้ำ |
351.35 (0.76 %) |
621.49 (1.99 %) |
590.89 (1.04 %) |
ชายหาด |
513.81 (1.11 %) |
450.25 (0.17 %) |
435.91 (0.94 %) |
นาข้าว |
3,847.44 (8.32 %) |
0.00 |
0.00 |
พื้นที่รวม (ไร่) |
47,313.92 (75.70 ตร. กม.) |
3. ความเหมาะสมของการใช้ประโยชน์ที่ดิน
ความเหมาะสมของการใช้ประโยชน์ที่ดินใช้ข้อมูลจากการแปลภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลชั้นคุณภาพลุ่มน้ำจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม วิเคราะห์การใช้ที่ดินด้านการเกษตรกรรมแต่ละประเภท พบว่า พื้นที่ลุ่มน้ำคลองกำพวนใช้ประโยชน์ที่ดินที่ไม่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ กล่าวคือ พบการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นสวนผสม พื้นที่เกษตรกรรม (ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน) ในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำที่ 1A, 1B และ 2 ในช่วง 21 ปี ดังแสดงในตารางที่ 2 ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของประชัน (2539) ได้ทำการศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินของพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ภายในช่วงเวลา 12 ปี (พ.ศ. 2525-2537) พบว่า พื้นที่ของลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลามีการบุกรุกแผ้วถางป่าและใช้ที่ดินที่ไม่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ กล่าวคือ ใช้พื้นที่สำหรับเกษตรกรรม เมือง ในพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 เนื่องจากการเพิ่มจำนวนประชากรและการขยายตัวของเมือง และจากการศึกษาของสมเกียรติ (2538) พบว่า การปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินในช่วงปี พ.ศ. 2516-2536 สภาพพื้นที่ป่าไม้ในลุ่มน้ำยมเปลี่ยนแปลงไปเป็นพื้นที่การเกษตรและพื้นที่เมือง
ตารางที่ 2 การใช้ประโยชน์ที่ดินเกษตรกรรมในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ระหว่างช่วงปี พ.ศ. 2530 - 2551
การใช้ประโยชน์ที่ดิน
(Landuse Types) |
ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ (Watershed class) |
พื้นที่ (ไร่) |
ปี 2530 |
ปี 2540 |
ปี 2551 |
สวนผสม (Mixed orchard) |
1A |
2.77 |
46.74 |
0 |
|
1B |
1.67 |
24.59 |
0 |
|
2 |
952.51 |
919.43 |
614.71 |
|
3 |
1,532.43 |
671.85 |
859.55 |
|
4 |
627.89 |
96.93 |
346.98 |
|
5 |
3,217.85 |
1,843.04 |
3,118.47 |
พื้นที่รวม |
6,335.12 |
3,602.59 |
4,939.70 |
ยางพารา (Para rubber) |
1A |
21.95 |
19.56 |
57.29 |
|
1B |
7.92 |
5.23 |
2.87 |
|
2 |
1,254.54 |
1,908.66 |
1,836.55 |
|
3 |
1,396.15 |
1,981.74 |
1,322.68 |
|
4 |
525.82 |
733.4 |
351.97 |
|
5 |
2,252.58 |
4,113.46 |
1,428.46 |
พื้นที่รวม |
5,458.95 |
8,762.06 |
4,999.82 |
ปาล์มน้ำมัน (Oli palm) |
1A |
0 |
4.14 |
0.01 |
|
1B |
0 |
1.37 |
0 |
|
2 |
0 |
1,050.17 |
1,840.69 |
|
3 |
0 |
1,122.34 |
1,519.40 |
|
4 |
0 |
541.34 |
668.43 |
|
5 |
0 |
2,238.94 |
2,091.69 |
พื้นที่รวม |
0 |
4,958.30 |
6,120.22 |
นาข้าว (Rice) |
2 |
754.75 |
0 |
0 |
|
3 |
514.25 |
0 |
0 |
|
4 |
139.7 |
0 |
0 |
|
5 |
2,438.74 |
0 |
0 |
พื้นที่รวม |
3,847.44 |
0 |
0 |
นากุ้ง (Shrimp farm) |
1A |
0 |
0.56 |
0 |
|
2 |
0 |
39.65 |
7.57 |
|
3 |
0 |
48.16 |
0 |
|
5 |
0 |
432.13 |
658.7 |
พื้นที่รวม |
0 |
520.5 |
666.27 |
รวมทั้งหมด |
15,641.51 |
17,843.45 |
16,726.00 |
สรุปผลการศึกษาและวิจารณ์
- พื้นที่ลุ่มน้ำคลองกำพวนมีขนาดพื้นที่เท่ากับ 74.02 ตารางกิโลเมตร หรือ 42,260.65 ไร่ เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนและลาดเอียงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้านทะเลอันดามัน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบชื้นมากกว่า 45 เปอร์เซ็นต์
- ประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำศึกษา ประกอบด้วย ป่าดิบชื้น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา สวนผสม ชุมชน/พื้นที่เปิดโล่ง ป่าชายเลน นากุ้ง ป่าชายหาด และชายหาด ยกเว้นในปี พ.ศ. 2530 ไม่พบการใช้ที่ดินเพื่อทำนากุ้ง ส่วนสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำที่เป็นป่าดิบชื้น ขนาดพื้นที่ลดลงเฉลี่ยประมาณ 99 ไร่/ปี ในช่วง 21 ปี โดยเปลี่ยนเป็นการใช้ที่ดินเพื่อพืชเกษตรและพืชพลังงาน ซึ่งเกิดจากนโยบายของภาครัฐ ประกอบกับราคาของผลผลิตและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
- พื้นที่ป่าชายเลนลดลงประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ หรือลดลงเฉลี่ย 71 ไร่/ปี ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการบุกรุกพื้นที่เพื่อทำนากุ้ง เป็นชุมชนและที่อยู่อาศัย รวมทั้งผลกระทบที่เกิดจากภัยธรรมชาติ (สึนามิ) ในปี 2547 ซึ่งพื้นที่บางส่วนถูกเปลี่ยนสภาพไปอย่างสิ้นเชิงรวมถึงผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศป่าไม้ชายฝั่งที่ถือว่ามีบทบาทและมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของชุมชนที่พึ่งพิงทรัพยากรป่าชายเลนทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
- การใช้ที่ดินเกษตรกรรมในรูปแบบต่างๆ เช่น การทำสวนผสม ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ไม่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ในพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1A, 1B และ 2 ถึงแม้ว่ามีขนาดพื้นที่ไม่มากเมื่อเทียบกับพื้นที่ทั้งหมด แต่ผลกระทบจากการบุกรุกและทำลายแหล่งต้นน้ำ จะทำให้เกิดปัญหาการสูญเสียธาตุอาหารและการชะล้างพังทลายของดินอย่างรวดเร็ว คุณภาพของแหล่งน้ำเสีย เกิดภาวะน้ำท่วม ปริมาณตะกอนและสารเคมีสะสมในแหล่งน้ำ นอกจากนี้ยังมีผลต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศ เพื่อเป็นการลดผลกระทบดังกล่าวจึงต้องหลีกเลี่ยงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1A, 1B และ 2 รวมถึงใช้หลักการอนุรักษ์ดินและน้ำโดยประยุกต์รูปแบบวนเกษตรเข้ามาบูรณาการในการจัดการพื้นที่ต่อไป
ข้อเสนอแนะและแนวทางการจัดการลุ่มน้ำในอนาคต
-
- ประเมินสถานภาพและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน รวมถึงรูปแบบการใช้ประโยชน์พื้นที่ และความเหมาะสมของการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามข้อกำหนดการจัดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ
- ปรับปรุงและฟื้นฟูสภาพพื้นที่ เช่น การปลูกป่าฟื้นฟูในระบบนิเวศป่าบก ป่าชายเลน ระบบนิเวศลุ่มน้ำ พื้นที่ต้นน้ำ ทั้งที่เป็นป่าเสื่อมโทรมหรือถูกทำลาย
- กำหนดมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำ เช่น การปลูกพืชแบบขั้นบันได การส่งเสริม/สนับสนุนรูปแบบระบบวนเกษตรและการปลูกพืชคลุมดินในพื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยว
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมการชะล้างพังทลายของหน้าดินทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือกิจกรรมของมนุษย์ เช่น เกษตรกรรมในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ชุมชน/ที่อยู่อาศัย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบายของหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่ เป็นต้น
- ควบคุมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของลุ่มน้ำ เช่น การใช้สารเคมีในพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจและพืชพลังงาน รวมทั้งการขยายตัวของแหล่งชุมชน/ที่อยู่อาศัย
- เน้นการจัดการลุ่มน้ำโดยชุมชนเพื่อชุมชน เช่น การตั้งกฎกติกาการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นที่ลุ่มน้ำ ทั้งนี้จะต้องให้สอดคล้องกับความต้องการและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
- น้นการบริหารจัดการลุ่มน้ำในระดับพื้นที่จากทุกภาคส่วน เช่น หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อประสานความร่วมมือในการทำงานและกำหนดกรอบแผนการจัดการพื้นที่ลุ่มน้ำในระยะยาว เช่น โครงการจัดการและฟื้นฟูระบบนิเวศเขาสู่ทะเล เป็นต้น
|