งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหมายของคำว่า “โกหก” ตามแนวคิดต้นแบบ (prototype) โดยจะศึกษาว่าความเคร่งครัดทางศาสนามีผลต่อการตีความคำว่าโกหกหรือไม่ และองค์ประกอบทางความหมายใดมีความสำคัญมากน้อยอย่างไรในการที่ผู้พูดภาษาไทยจะจำแนกการกระทำหนึ่งว่าเป็นการโกหก ผลการวิจัยที่ได้ได้นำไปเปรียบเทียบกับการตีความความหมายของคำว่า “lie” ในภาษาอังกฤษ
ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยนี้ได้มาจากผู้พูดภาษาไทยจำนวนรวม 194 คน จำแนกตามความเตร่งครัดทางศาสนาได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้เคร่งครัดทางศาสนาสูง กลุ่มผู้เคร่งครัดทางศาสนาปานกลาง และกลุ่มผู้เคร่งครัดทางศาสนาต่ำ
ผลการวิจัยมีความสอดคล้องกับสมมุติฐานบางส่วน ผู้มีความเคร่งครัดทางศาสนาแตกต่างกันตีความว่าการกระทำใดเป็นการโกหกด้วยค่าน้ำหนักแตกต่างกัน ผู้มีความเคร่งครัดในศาสนาปานกลางให้ค่าน้ำหนักของการโกหกสูงกว่าผู้มีความเคร่งครัดในศาสนาสูง เรื่องที่มีองค์ประกอบทางความหมายของการโกหกมากกว่าได้รับการตัดสินว่าเป็นเรื่องโกหกมากกว่าเรื่องที่มีองค์ประกอบทางความหมายของการโกหกน้อยกว่า ผู้มีความเคร่งครัดทางศาสนาสูงและปานกลางมีการเรียงลำดับที่เหมือนกัน คือ (เจตนาให้ผู้ฟังเชื่อในสิ่งที่ตนพูด> เชื่อว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นเท็จ> เรื่องที่พูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง > มีเจตนาร้าย) ในขณะที่ผู้เคร่งครัดทางศาสนาปานกลางมีการเรียงลำดับความสำคัญขององค์ประกอบทางความหมายของคำว่าโกหกที่แตกต่างจากกลุ่มอื่น (เชื่อว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นเท็จ > เจตนาให้ผู้ฟังเชื่อในสิ่งที่ตนพูด > มีเจตนาร้าย > เรื่องที่พูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง) |