วัตถุประสงค์ของโครงการ
วัตถุประสงค์หลักของการดำเนินโครงการในครั้งนี้
1. เพื่อนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาใช้ในการตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรและการขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
2. เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับป้องปรามการฝ่าฝืนกฎจราจร
3. เพื่อนำเทคโนโลยีมาทำหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ต้องปฏิบัติหน้าที่บนท้องถนน
ทั้งนี้เพื่อสวัสดิภาพความปลอดภัยและเป็นการลดภาระของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร
เป้าหมายของโครงการ
การดำเนินโครงการในครั้งนี้ มีเป้าหมายดังต่อไปนี้
1. เพื่อทำการติดตั้งระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรที่ทางแยกสำคัญ จำนวน 30 ชุด
2. เพื่อให้ได้ระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ที่สนับสนุนในภารกิจของกองบังคับการตำรวจจราจร ในการควบคุมอำนวยการจราจรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังบรรเทาปัญหาจราจรให้แก่ประชาชน และลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
3. เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ ทันสมัย ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่องานในภารกิจของกองบังคับการตำรวจจราจร ทั้งในการอำนวยการจราจรและบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ
ลักษณะการดำเนินงานโครงการ
เริ่มดำเนินการ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 โดยที่ปรึกษามีส่วนร่วมในการดำเนินงานโครงการดังนี้
1. ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการ จัดทำรายการข้อกำหนด (TOR) และกำหนดคุณลักษณะของบริษัทผู้รับจ้าง
2. ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการคัดเลือกผู้รับจ้างในการทำงาน เพื่อให้ได้ผู้รับจ้างที่มีประสบการณ์ความรู้ความชำนาญเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่องานอย่างสูงสุด
3. ตรวจสอบการดำเนินงานของผู้รับจ้างรวมทั้งแนะนำ ให้คำปรึกษาในระบบการดำเนินงานของโครงการ
ตำแหน่งทางแยกที่ทำการติดตั้งระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
- แยกรัชดา-ลาดพร้าว
- แยกบ้านม้า
- แยกคลองตัน
- แยกอโศกเพชร
- แยกวิทยุ-เพลินจิต
- แยกซังฮี้
- แยกพญาไท
- แยกโชคชัย 4
- แยกนิด้า
- แยกอุรุพงษ์
- แยกประดิพัทธ์
- แยกรัชดา-พระราม 4
- แยกลำสาลี
- แยกบ้านแขก
- แยกบางพลัด
- แยกนรินทร
- แยกราชประสงค์
- แยกอโศกสุขุมวิท
- แยกสาธร
- แยกตากสิน
- แยกโพธิ์แก้ว
- แยกพัฒนาการ-ตัดรามฯ 24
- แยกร่มเกล้า
- แยกศุลกากร
- แยกเหม่งจ๋าย
- แยกท่าพระ
- แยกประเวศ
- แยกอังรีดูนังค์
- แยกประชานุกูล
- แยกบางโพ
หลักการทำงานของระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
การทำงานของระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ประกอบด้วย 3 ส่วน คือตัวกล้อง ตัวเซ็นเซอร์ และตัวคอมพิวเตอร์ประเมินผล ดังแสดงในรูปที่ 1
รูปที่ 1 ระบบการทำงานของระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
เมื่อไฟแดงทำงาน ตัวเซ็นเซอร์ทำงาน มีการฝ่าไฟแดงออกไปกล้องจะถ่ายภาพจากนั้นจะประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โคนเสาซึ่งเป็นกล่องเหล็ก ตัวคอมพิวเตอร์ก็จะส่งข้อมูลมาที่ศูนย์สั่งการและควบคุมจราจร (บก.02) มาขึ้นที่จอมอนิเตอร์ใน บก.02 โดยเครื่องจะอ่านอัตโนมัติว่าเป็นรถของใคร ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจจราจร ได้เชื่อมต่อเครือข่ายกับกรมการขนส่งที่ศูนย์รัตนาธิเบศร์ เพื่อบอกสีรถยี่ห้อรถ ชื่อเจ้าของรถ เมื่อได้รายละเอียดจึงพิจารณาพิมพ์หมายหรือใบสั่งต่อไป กระบวนการทำงานของระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรดังแสดงในภาพที่ 2
รูปที่ 2 กระบวนการทำงานของระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
โดยผู้ทำผิดกฎจราจรจะถูกกล้องบันทึกภาพไว้ เมื่อหลักฐานครบถ้วนเจ้าหน้าที่จะแนบหมายเรียกส่งไปถึงบ้าน ซึ่งภาพที่ส่งไปจะมี 3 ภาพ คือ ภาพก่อนการกระทำความผิด ภาพขณะกระทำความผิด และภาพเฉพาะทะเบียนรถ โดยในภาพจะปรากฏชื่อสถานที่ วันเวลากระทำความผิด ความเร็วของรถ เห็นทั้งตัวรถและไฟสัญญาณ โดยจะส่งให้ภายใน 7 วัน หลังกระทำความผิด โดยเจ้าของจะต้องมาชำระค่าปรับตามที่กำหนดไว้ในหมาย
กล้องดิจิตอลเหล่านี้จะประจำการอยู่ตามสี่แยกต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะแยกขนาดใหญ่และถนนสายสำคัญ ทำหน้าที่ตรวจจับคนขับรถฝ่าไฟแดง พร้อมกับออกใบสั่งเรียกเก็บเงินถึงบ้าน นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่ตรวจตรารถต้องสงสัยที่วิ่งผ่านไปมาตามท้องถนนอีกด้วย นับเป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ของตำรวจอีกทาง ต่อจากนี้ใครทำผิดจะมีภาพบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ตามด้วยจดหมายให้ไปเสียค่าปรับฐานฝ่าฝืนกฎจราจร
โครงการกล้องไฮเทคถูกทดลองใช้ครั้งแรก วันที่ 30 ธันวาคม 2551 การทำงานของเครื่องตรวจจับจะมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ ระบบจับภาพผู้กระทำผิดซึ่งเป็นการทำงานของกล้องดิจิตอล และระบบศูนย์ควบคุมที่ทำหน้าที่นำภาพที่จับได้มาประมวลผลดังแสดงในภาพที่ 1 การทำงานจะเป็นไปตามขั้นตอน คือ ถ่ายภาพการกระทำผิดในรูปแบบแฟ้มข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมบันทึกรายละเอียดไว้ชัดเจน หลังจากนั้นระบบจะส่งภาพผ่านระบบสื่อสารโครงข่ายแบบ ADSL ไปยังศูนย์ควบคุมกลางดังแสดงในรูปที่ 3 ทำการเปรียบเทียบข้อมูลยานพาหนะที่กระทำผิด พร้อมตรวจสอบความชัดเจนของภาพอีกครั้ง ก่อนพิจารณาพิมพ์
ใบสั่งจัดส่งไปทางไปรษณีย์เพื่อเรียกชำระค่าปรับ
รูปที่ 3 ภาพรวมของระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
การชำระค่าปรับ
ผู้ที่กระทำผิดแล้วถูกจดหมายใบสั่ง จะต้องมาชำระค่าปรับตามจุดเปรียบเทียบปรับที่จัดไว้ คือ 1.กรมการขนส่งทางบก(ห้องตำรวจ)อาคาร 2 ชั้น 2 ขวงจอมพล เขตจตุจักร 2.สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 1 ถนนบางขุนเทียน- ชายทะเล แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน 3.สำนักงานเขตพื้นที่ 2 (ตลิ่งชัน) 4.สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 3 (พระโขนง) 5.อาคารทางด่วน 2 (ควันดำ) ถนนอโศกดินแดง แขวงบางกะปิ 6.สน.คู่ขนานลอยฟ้า(ควันดำ) ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ 7.อาคาร บก.จร.ใหม่ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 8.บก.จร.(ตรีเพชร)งานสายตรวจ 5 ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร 9.สน.คู่ขนานลอยฟ้า ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ 10.ตู้กำแพงเพชร งานสายตรวจ 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร แขวงลาดยาว เขตจตุจักร 11.ใต้ทางด่วนพระราม 4 งานสายตรวจ 2 (ใต้ทางด่วนพระราม 4 ) กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร ภายใน 7 วัน
อัตราโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000
สำหรับรถคันแรกที่ทำผิดและถูกกล้องบันทึกภาพไว้ได้ตอนตี 4 วันที่ 30 ธันวาคม บริเวณแยกอโศกสุขุมวิท ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตคลองเตย เป็นรถยนต์หมายเลขทะเบียน ทร-59 กทม. ซึ่งเป็นรถยนต์แท็กซี่ ของสหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร เลขที่ 1296/67-68 ถ.กรุงเทพ-นนทบุรี แขวงและเขตบางซื่อ กทม.
สรุปผลการดำเนินงาน
ในปัจจุบัน เริ่มเปิดใช้งานระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 ซึ่งผลการดำเนินงานและผลการทดสอบระบบทั้งหมด มีผลเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยในวันแรกของการเป็นใช้ระบบตรวจจับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร มีผู้ทำผิดกฎจราจรและถูกกล้องบันทึกภาพไว้ได้ทั้งหมด 3,129 ราย สามารถออกหมายเรียกได้ 1,836 ราย และไม่สามารถออกหมายได้ ซึ่งสาเหตุที่ไม่สามารถออกหมายได้เนื่องจาก 1.ไม่พบข้อมูลในฐานข้อมูลการจดทะเบียน 2. ป้ายทะเบียนถูกบดบัง 3.ไม่พบข้อมูลในฐานข้อมูลการจดทะเบียน 4.อ่านป้านทะเบียนไม่ได้/ไม่ชัดเจน
และ อื่นๆ จำนวน 1,293 ราย
โครงการระบบตรวจจับสัญญาณไฟจราจร เป็นหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการให้ผู้ขับขี่มีวินัยไม่ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร ทางกองบัญชาการตำรวจจราจร จึงได้ทดลองนำกล้องระบบตรวจจับผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรมาใช้ แค่ช่วงทดลองก็พบว่าในแต่ละคืนมีคนทำผิดกฎจราจรกว่า 2 พันราย เพราะกลางคืนไม่มีตำรวจอยู่กลางสี่แยก ซึ่งกลายเป็นช่องว่างทำให้คนไม่เคารพกฎหมายทำผิดกฎจราจรและอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
เมื่อมีการติดตั้งกล้องอิเล็กทรอนิกส์ช่วยจับผู้กระทำผิด ก็จะเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่และลดการเกิดอุบัติเหตุได้
นอกจากนี้ อุปกรณ์ดังกล่าวยังลดความขัดแย้งระหว่างผู้ใช้รถใช้ถนนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะการทำผิดจะถูกบันทึกไว้เป็นภาพถ่ายที่เห็นชัดเจน โดยทางบก.จร.จะส่งหมายเรียกให้มาชำระค่าปรับ แต่ถ้าหากไม่มาก็จะทำเรื่องไปยังกองทะเบียนเพื่ออายัดการต่อทะเบียนทันที ซึ่งการติดตั้งกล้องเหล่านี้หากมีหลายๆ แยก ก็จะเป็นการดี อย่างน้อยก็จะทำให้ผู้ขับขี่เกรงกลัว แม้ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำแยก ซึ่งประโยชน์สูงสุดในการมีเครื่องตรวจจับชิ้นนี้ คือ ลดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนนเอง และยังเป็นการลดกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้แบ่งไปตรวจตราความเรียบร้อยด้านอื่นแทน |