พืชอาหารกับความยั่งยืนของสภาพนิเวศเกษตรในเขตพื้นที่ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา
Foodplants and Sustainable Agro – Ecosystem at Phufa Patana Center, Nan Province

       
               
              ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ตั้งอยู่ ณ ตำบลภูฟ้า  อำเภอบ่อเกลือ  จังหวัดน่าน มีเนื้อที่ประมาณ  2,000  ไร่  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้นเพื่อใช้เป็นต้นแบบการพัฒนาและถ่ายทอดความรู้การพัฒนาไปสู่พื้นที่และราษฎรในอำเภอบ่อเกลือและอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ภูเขาสูงชัน ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 474 เมตรถึง 816 เมตร การพัฒนาภาคการเกษตรมีความล้าหลัง  เนื่องจากราษฎรยังคงยึดระบบการเกษตรแบบดั้งเดิมในรูปของไร่เลื่อนลอยและการเก็บหาของป่า(ทั้งพืชสมุนไพรและพืชอาหาร)เพื่อการยังชีพ  ขาดความรู้ความเข้าใจเพื่อการผลิตทั้งในระดับการดำรงชีพและในเชิงเศรษฐกิจ  การใช้ประโยชน์พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อการบริโภคมีข้าวไร่  ข้าวโพด และปลูกไม้ผลบ้างจำนวนเล็กน้อย  ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของพื้นที่  รวมทั้งเกษตรกรมีความยากจน

             ในการพัฒนาพื้นที่ชนบทบริเวณลุ่มน้ำน่านจำเป็นต้องส่งเสริมให้ “ คนอยู่คู่กับป่า ”  ทั้งป่าปลูก เช่น “ป่าไม้ผลยืนต้น”  และ “การใช้ประโยชน์จากป่าธรรมชาติอย่างสมดุล”   เพื่อให้ได้อาหารและยาสำหรับการดำรงชีพ  เป็นแนวทางหนึ่งที่นำไปสู่ความยั่งยืนของสภาพนิเวศเกษตร

             ผลการศึกษาในปี พ.ศ. 2545–2550 จากสภาพความสูงและอุณหภูมิบริเวณศูนย์ภูฟ้าพัฒนา  พบว่า มะม่วง, อะโวกาโด, มะคาเดเมีย และพลับ  เป็นไม้ผลยืนต้นที่สามารถส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกได้  แต่จำเป็นต้องคัดเลือกพันธุ์ให้เหมาะสม       

                มะม่วงพันธุ์ปาล์มเมอร์และมหาชนก มีอัตราการเจริญเติบโตดีทั้ง 2 พันธุ์   เริ่มเข้าสู่ระยะแทงช่อดอกที่อายุ 2.5 ปีหลังปลูก เป็นพันธุ์ที่มีการติดผลดี สีผิวสวยงาม กลิ่นหอม ใช้ประโยชน์ได้ทั้งรับประทานสดและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งได้ขยายผลสู่เกษตรกรโดยจัดฝึกอบรมเรื่อง “ การผลิตมะม่วงอย่างครบวงจร” ให้ความรู้เรื่องการปลูก, ปฏิบัติดูแลรักษา, การขยายพันธุ์  และการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิต สำหรับอะโวกาโดพันธุ์ Peterson, มะคาเดเมีย เบอร์ H 2 และ 508 และพลับพันธุ์ซิชู (P2) เริ่มให้ผลผลิตที่อายุ 5 ปีหลังปลูก

 

 

          การใช้ประโยชน์จากป่าธรรมชาติทั้งพืชอาหาร / สมุนไพร  / อื่น ๆ  จากการสำรวจและเก็บตัวอย่างพืชสมุนไพรพื้นเมืองจำนวน 100 ชนิด ช่วงเดือนตุลาคมและเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549  ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ได้รับการอนุรักษ์บริเวณศูนย์ภูฟ้าพัฒนา, หมู่บ้านดงผาปูนและป่าต้นน้ำของหมู่บ้านสบมาง พบว่า พืชแต่ละชนิดมีสถานภาพ(ปริมาณ)แตกต่างกัน  และถูกนำมาใช้ประโยชน์ 4 ด้านคือ  สมุนไพรจำนวน  59 ชนิด(ทั้งมนุษย์และสัตว์), อาหารจำนวน  39  ชนิด, ใช้ประโยชน์ด้านพิธีกรรม (ไล่ผี) จำนวน  1  ชนิด  และใช้เคลือบจักสานจำนวน  1  ชนิด

พืชที่หายากมาก

ลำดับที่

ชื่อพื้นเมือง

ชื่อวิทยาศาสตร์

การใช้ประโยชน์

1

หัวยาข้าวเย็น

Smilax micro-china T.Koyama

กินสดแก้กระหายน้ำ ต้มน้ำดื่ม/ดองเหล้า ช่วยเจริญอาหาร

2

กวางหินแจ้

Desmodium sp.

ดองเหล้า ชูกำลัง

3

ส้มปึง

-

ลูกกินเล่น ใบอ่อนกินเป็นผัก มีรสเปรี้ยว ทำชาได้

4

ต้นยาหม่อง

-

รากหอม ดมแก้วิงเวียน

5

แฮ่ม

Coscinium usitatum

แก้ปวดเมื่อย

พืชที่หายาก

ลำดับที่

ชื่อพื้นเมือง

ชื่อวิทยาศาสตร์

การใช้ประโยชน์

1

ฮ่อสะพายวัว

-

เถาดองเหล้า บำรุงกำลัง

2

ว่านขาว

Arisaema album N.E.Br.

ผสมสมุนไพรอย่างอื่น บำรุงผิวหน้า

3

เอื้องน้ำ

-

ตำทั้งต้นพอกแก้น้ำกัดเท้า

พืชที่พบประปราย

ลำดับที่

ชื่อพื้นเมือง

ชื่อวิทยาศาสตร์

การใช้ประโยชน์

1

หญ้าคอตุง

-

ถ่ายพยาธิตัวตืด กันปลาร้าเป็นหนอน

2

หญ้าสามวัน

Vernonia cinerea (L.) Lessing

ขยี้หรือตำพอกแผลสด แผลแห้งภายในสามวัน

3

สะอัด

-

เมล็ด เคี้ยวแก้เจ็บคอ เสียงแหบ

4

ส้มกุ้ง

Begonia inflata Clark

ยอดอ่อนกินกะเกลือ

5

สะข่าน ม้าขาเหล็ก

Piper interruptum Opiz

ยอดอ่อนกินกะน้ำพริก รากดองเหล้าบำรุงกำลัง

6

ผักพาหนู

-

ยอดอ่อนนึ่งกินแก้ปวดเอว ปวดหลัง

7

ข่าป่า ขิงดำ

Alpinia conchigera Griff.

ดอก ลูก เมล็ด หน่ออ่อน กินเป็นผักกับน้ำพริก

8

กูดต้น

Cyathea glabra Copel.

ลำต้นแก่เหลือแต่ตอ สับเป็นท่อนต้มกินน้ำ แก้ไอเป็นเลือด

9

กุ้งสะเด็นตัวเมีย

-

รากดองเหล้า บำรุงกำลัง

10

เครืองูม

-

ทุบต้นห่อด้วยตองกล้วยตีบย่างไฟให้ร้อนประคบแก้ช้ำคอ

11

มะแห่น

-

ต้มเครือกินแก้เจ็บคอ

12

ตับโตตัวผู้

-

กินแก้ตับโต

13

ดอกไม้ไล่สี

-

รากต้มน้ำกินบำรุงกำลัง

14

ฮ่อสะพายควาย

Sphenodesme pentandra Jack

ลำต้นดองเหล้า แก้ปวด

15

มักฝัน

-

ดอกอ่อน ลูกอ่อน ต้มกินเป็นผัก

16

บอนเข็ด

-

แกงกับใบส้มออบ

17

ซุดตะกู

-

แก้ท้องร่วง ฝนกะน้ำอุ่นดื่ม

18

มะข่วง

Zanthoxylum limonella (Dennst.) Alston

ใช้เมล็ดและผลเป็นเครื่องเทศ

19

มันอ้อน

Dioscorea sp.

นึ่งหัวกินแทนข้าว ทำของหวาน

20

เผือกตาแดง

Colocasia sp.

นึ่งกินแทนข้าว

21

มันก่ำ

Dioscorea sp.

นึ่งกินแทนข้าว

22

ไม้ค่ำ

-

ลำต้นสร้างบ้าน เปลือกสับใส่ลาบเนื้อ

23

ว่านไฟ

Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr.

ทุบหัวให้แหลกรักษาแผลไฟไหม้

24

ดีเอี่ยนแดง

-

กินสดหรือนึ่งกับน้ำพริก

25

มะกิ้ง

-

กินเมล็ดใน

26

มะขม

-

ทั้งต้นต้มเอาน้ำดื่ม ทำให้เจริญอาหาร

27

ผักหนัง

-

กินใบอ่อนเป็นผัก

28

ผักพาช้าง

-

กินใบ และดอกอ่อน

29

ข่าดำขาว

Alpinia sp.

กินดอกอ่อน หน่อกินได้

30

เพี้ยมิ่น

-

กินเป็นผัก รสขม

31

ผักแปม

Eleutherococcus trifoliatus (L.) S.Y.Hu

ใบอ่อนกินสดเป็นผัก แก้ท้องอืด

32

หนามตอง

-

ใบกินสดหรือลวกเป็นผัก

33

หอมด่วนช้าง

-

ใบกินกับลาบ

34

เปล้า

-

แก่นเอาดมแก้วิงเวียน ยางใส่แผลให้แผลแห้งเร็ว

พืชที่พบพอสมควร

ลำดับที่

ชื่อพื้นเมือง

ชื่อวิทยาศาสตร์

การใช้ประโยชน์

1

กุ๊กหอม

Amomum sp.

ดอก ต้ม แกง ยอดอ่อนจิ้มน้ำพริก กินแก้ท้องอืด

2

ตดหมา

Paederia pilifera Hook.f.

ยอดอ่อน กลั้นใจเก็บสามยอด กินแก้อืด   รากต้มกินแก้อืด

3

ส้มเม่า

Antidesma acidum Retz.

เมล็ด ใบอ่อนเคี้ยวเรื่อย ๆ หลังอาหาร  แก้ปากเป็นแผล / เริม

4

ขมสักด้อย

-

เมล็ด เคี้ยวกินแก้เจ็บท้อง ปวดท้องบิด

5

ส้มม่อน

-

ขับพยาธิ

6

เอื้องนา

Costus speciosus (Koen.) Sm.

ต้นกินดิบ เวลาปัสสาวะไม่ปกติ  หน่อต้มจิ้มน้ำพริก

7

ยาหนูต้น

Dianella ensifolia (L.) DC.

รากต้มน้ำดื่มแก้ปวดหลัง

8

เครือน้ำนม

-

ยอดอ่อนรสฝาด กินแก้เจ็บคอ แก้แผลในปาก

9

มักกะว่างเล็ก

-

ลำต้น ราก ต้มกินน้ำ ช่วยขับถ่าย

10

เสือแผ้ว

Eriosema lacopoloides

รากดองเหล้า บำรุงกำลัง

11

ส้มออบ

Cayratia pedata (Lam.) Gagnep.

ยอดอ่อนใส่แกงบอน ช่วยขับถ่าย

12

หมากขม

-

เมล็ด กินแก้เจ็บคอ ช่วยเจริญอาหาร ยาอายุวัฒนะ

13

มะห้า

Syzygium albiflorum                                       (Duthie & Kurz) Bahadur & R.C.Guar

ยอดอ่อนรสฝาด กินเป็นผัก

14

เยี่ยวควาย

-

เครือดองเหล้าเป็นยาอายุวัฒนะ

15

มันแกบ

Dioscorea sp.

หัวนึ่งกินแทนข้าว ทำอาหาร

16

เครือน้ำแน่

Thunbergia laurifolia Lindl.

รากแก้งูกัด เผาไฟประคบแผล ดูดพิษ   ดอกแก่นึ่งกินเป็นผัก

17

หัวตองเรือ

-

เหง้า ผสมส้มปึงทำให้ผมดกดำ

18

เครืองุ้ม

-

แก้ตะขาบขบ ตัดเผาไฟประคบ

19

ปูรูดง

-

ใบอ่อนใส่แกงกบ แกงปลา

20

ผักเผ็ด

Acmella oleracea (L.) R.K.Jansen

รากอุดแก้ปวดฟัน ใส่แกง

21

ผักปูลู

-

ยอดอ่อนกินเป็นผัก ขับลม แก้ลมได้

22

มะเดื่อน้ำ

Ficus praetermissa Corner

ยอดกินเป็นผัก

23

บอนต้น

Colocasia sp.

ตำต้นแหลก ๆ โปะแผลสัตว์ ฆ่าหนอนไชแผล

24

ผักหนัง

-

ต้ม/นึ่งกินเป็นผัก

25

ส้มฮ่อ

-

เมล็ด ใบ ยอดอ่อน กินสด

26

มะแข่น

Zanthoxylum limonella (Dennst.) Alston

ใช้เมล็ดและผลเป็นเครื่องเทศ

27

ขี้เหล็กป่า

Senna garrettiana (Craib) Irwin & Barneby

นึ่งกินกับน้ำพริก

28

เครือเขาขาด

-

ย้อมสีไม้ให้สีดำ ใช้เคลือบจักสาน

29

ดีเอี่ยน (ดีปลาเอี่ยน)

Hydrolea zeylanica (L.) Vahl

กินสดหรือนึ่ง กับน้ำพริก แก้เลือดลมตีบเดินไม่สะดวก

30

ไหลเบื่อปลา

Derris scandens (Roxb.) Benth.

ใช้เบื่อปลา

31

มะแหน่งเล็ก

Amomum sp.

ลูก เมล็ด ใช้เป็นยาขับลม

32

หมากส้าน

Dillenia sp.

กินผลเป็นผัก

33

ส้มกุ้งจืด

-

ใบขยี้ทาแก้พิษแมลงน้ำกัดต่อย

34

จะข่านดูก

Piper sp.

ลำต้นใช้ดองเหล้า บำรุงกำลัง

35

ฝอยลม

-

สูบแทนยา ขับลม ขับเลือดให้หญิงอยู่ไฟ

ลำดับที่

ชื่อพื้นเมือง

ชื่อวิทยาศาสตร์

การใช้ประโยชน์

36

ผักมอด

-

รูดใบ ขยี้กันยุง  ทาที่ผิว รากแก้ปวดฟัน

37

อ้อยสามสวน

-

รสหวาน ผสมยาบำรุงกำลัง

38

ผักตีด

-

รสขม ใบต้มน้ำให้เด็กกินแก้ไข้

พืชที่พบมาก

ลำดับที่

ชื่อพื้นเมือง

ชื่อวิทยาศาสตร์

การใช้ประโยชน์

1

ผักแบ้ง / หญ้าป่น

-

กินเป็นผัก ช่วยระบบขับถ่าย

2

นาด (อำนาจ)

Blumea balsamifera (L.) DC.

ใช้น้ำคั้นจากใบเป็นส่วนผสมทำแป้งเหล้า    ใช้ไล่ผี

3

หญ้าเย้า

-

ยอดอ่อนลวกกินกับลาบหรือน้ำพริก ช่วยขับถ่ายง่าย

4

สาบเสือ

Eupatorium odoratum L.

ห้ามเลือด อาจผสมกับหญ้าสามวันและขมิ้นพอกแผล

5

กูดเครือ

Lygodium flexuosum (L.) Sw.

ราก ต้มน้ำดื่มรักษานิ่ว

6

เปล้า

Croton roxburghii N.P.Balakr.

ต้นและใบสุมไฟรม ให้มดลูกเข้าอู่เร็ว

7

กูดตัวผู้

-

รากต้มแก้ตับโต

8

หญ้าสามเหลี่ยม

Cyperus malaccensis Lam.

หัวทุบให้แหลก ห่อด้วยตองกล้วยตีบย่างไฟให้ร้อน ประคบแผล ดูดพิษตะขาบ

9

หญ้าขี้หมู

Ageratum conyzoides L.

ห้ามเลือด

 

10

ดีปลากั้ง

-

ยอดนึ่งกินเป็นยาชูกำลัง แก้ปวดหลัง

11

หมากป่า

Draceana angustifolia Roxb.

รากดองเหล้า บำรุงกำลัง

12

กุ๊กช้าง

Amomum sp.

กินผล ลูก ขับลม

13

ส้มมะพด

Rhus javanica L.

ผลกินเล่น

14

ป่านน้ำ

Boehmeria thailandica Yahara

ผสมกับรำให้หมูกิน ขับพยาธิในหมู

15

มันหวาย

Dioscorea sp.

นึ่งหัวกินแทนข้าว ทำของหวาน

16

ก้านตอง (คาวตอง)

Houttuynia cordata Thunb.

กินยอดเป็นผักสดกับลาบ

17

กูดเครือ

Lygodium flexuosum (L.) Sw.

กินยอดอ่อนเป็นผัก

18

ฮ่อมจ๊างแดง

Phlogacanthus curviflorus Nees

ดอก ต้มกินกับน้ำพริก แก้ปวดหลังปวดเอว

19

ตองจิ๋ง

-

ใบใช้ห่อข้าว หลามข้าว ต้มข้าว

20

ตะไคร้น้ำ

Cephalanthus tetrandra (Roxb.) Ridsdale & Bakh.f.

เหง้าทุบสุมหัวเด็กแก้ไข้

21

ตำแยแมว

-

รากต้มอาบแก้ลมพิษในเด็ก

              พรรณไม้ที่หายากอื่น ๆ ได้แก่ เอื้องดิน (Costus globosus) ตั่งติดนก (Balanophora sp.) นอกจากนี้ยังมีพืชที่อาจนำมาพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจเป็นไม้ประดับใหม่ ๆได้ เช่นกล้วยไม้ดง (Phaius mishmensis), ว่านขาว (Arisaema sp.) และเฟิร์นข้าหลวงหลังลาย (Asplenium nidus) ที่มีลักษณะกลายพันธุ์เป็นลักษณะใบแฉก เป็นต้น ส่วนพืชที่มีการใช้ประโยชน์อยู่แล้วได้แก่ ต้นต๋าวหรือชิด(Arenga pinnata) และมะแข่น(Zanthoxylum limonella)

              เกษตรกรจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์และฟื้นฟูควบคู่กับการใช้ประโยชน์จากพืชในท้องถิ่น  เพื่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืนของสภาพนิเวศเกษตร

1

2

กล้วยไม้ดง  (Phaius mishmensis)

ว่านขาว (Arisaema sp.)

3

4

5

ต้นต๋าวหรือชิด(Arenga pinnata)

มะแข่น(Zanthoxylum limonella)

 

 

 

  
คณะผู้วิจัย :
โอฬาร  ตัณฑวิรุฬห์ 1   ยิ่งยง ไพสุขศานติวัฒนา2  วิสิฐ กิจสมพร1 วรวิทย์  ยี่สวัสดิ์ 1   บัวบาง  ยะอูป1 และ วีระศรี  เมฆตรง1
หน่วยงาน :
1สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2ภาควิชาพืชสวน  คณะเกษตร  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โทร. 0-2579-0308