ชื่อวิทยานิพนธ์: รูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย: ศึกษาเฉพาะกรณี ผู้เป็นสมาชิกพรรคฯ ที่เคยปฏิบัติงานอยู่ในฐานที่มั่นจังหวัดน่าน
สถานที่ทำงานปัจจุบัน: สาขาวิชาพัฒนาสังคม โครงการสหวิทยาการระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร
ตำแหน่ง: ผู้ช่วยนักวิจัย
คณะกรรมการที่ปรึกษา:
1. รศ.พรภิรมณ์ เชียงกูล อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก
2. รศ.ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม
ผลงานตีพิมพ์:
- พรทิพย์ แซ่เตียว. 2551. สมาชิก พคท. ที่เคยปฏิบัติงานอยู่ในฐานที่มั่นจังหวัดน่าน ละเลิกรูปการจิตสำนึก
ชนชั้นกรรมาชีพแล้วจริงหรือ?. วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 8(1): 277-311.
บทคัดย่อ:
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพในทัศนะของสมาชิก พคท. ตลอดจนเงื่อนไขการเกิดขึ้น การดำรงอยู่ การพัฒนา และการแปรเปลี่ยนรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่เคยปฏิบัติงานอยู่ในฐานที่มั่นจังหวัดน่าน โดยมีกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคือสมาชิก พคท. ที่เคยปฏิบัติงานอยู่ในฐานที่มั่นจังหวัดน่าน จำนวน 22 คน รวบรวมข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก วิเคราะห์ข้อมูลและสรุปโดยการอ้างอิงแบบอุปนัย
ผลการวิจัยสรุปได้ว่า ลักษณะรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพในทัศนะของสมาชิก พคท. ประกอบด้วย ความหมาย รากฐานที่มา โครงสร้าง เนื้อหา และพัฒนาการ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของลัทธิมาร์กซและสัมพันธ์กับสถานการณ์ของประเทศไทย สำหรับการเกิดขึ้นของรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพของสมาชิก พคท. ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข 5 ประการ คือ การศึกษาเอกสารแนวคิดของ พคท. การปลูกฝังจากครอบครัวหรือโรงเรียน การเข้าร่วมเหตุการณ์ทางการเมือง การถูกกดขี่ขูดรีดจากเจ้าหน้าที่รัฐ และการเข้าหน่วยจัดตั้งของ พคท. ซึ่งเป็นเงื่อนไขชี้ขาดการเกิดรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพ โดยมีกระบวนการปลูกฝังหล่อหลอมรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพของ พคท. การศึกษาลัทธิมาร์กซ การปฏิบัติปฏิวัติ และผลการปฏิบัติปฏิวัติเป็นเกณฑ์ชี้วัดการดำรงอยู่และการพัฒนาของรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพของสมาชิก พคท. ที่เคยปฏิบัติงานอยู่ในฐานที่มั่นจังหวัดน่าน
ส่วนการแปรเปลี่ยนรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพ ปรากฎชัดเจนภายหลังการสลายตัวของฐานที่มั่นจังหวัดน่านปี 2526 โดยพบว่า ปัจจุบัน สมาชิก พคท. ที่เคยปฏิบัติงานอยู่ในฐานที่มั่นจังหวัดน่าน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มเด็ดเดี่ยว ยืนหยัดรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพ ใช้ลัทธิมาร์กซชี้นำการปฏิบัติทางสังคม เข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมือง คิดเป็น 13.63 เปอร์เซนต์ 2. กลุ่มลังเล ใช้ลัทธิมาร์กซตามความรู้เดิม ไม่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวทางการเมือง คิดเป็น 22.73 เปอร์เซนต์ 3. กลุ่มละเลิกรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพและมีรูปการจิตสำนึกชนชั้นอื่น คิดเป็น 54.55 เปอร์เซนต์ และ 4. กลุ่มต่อต้านรูปการจิตสำนึกชนชั้นกรรมาชีพ หักล้างหลักการพื้นฐานของลัทธิมาร์กซ ร่วมมือกับชนชั้นปกครองและทำงานเป็นสายข่าวให้ภาครัฐ คิดเป็น 9.09 เปอร์เซนต์ |