การฉายรังสีอาหาร
เป็นวิธีหนึ่งในการถนอมอาหาร วัตถุประสงค์ของการฉายรังสีอาหารก็เพื่อฆ่าเชื้อโรคและพยาธิ
ยืดอายุการเก็บรักษา ชะลอการสุก ยับยั้งการงอก รวมไปถึง การยับยั้งการทำลายของแมลงในอาหารและผลิตผลการเกษตร
ข้อดีของการใช้รังสีในการถนอมอาหารซึ่งแตกต่างจากวิธีการถนอมอาหารวิธีอื่น
ๆ คือ ยังคงทำให้อาหารและผลิตผลการเกษตรสดเหมือนเดิม หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก็ไม่มากนัก
เนื่องจากการฉายรังสีไม่ได้ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นพอที่จะทำให้อาหารเปลี่ยนสภาพไปได้
อาหารที่ผ่านการฉายรังสีแล้ว เรียกว่า อาหารฉายรังสี หมายถึง อาหารที่ผ่านกระบวนการฉายรังสีในปริมาณที่เหมาะสมซึ่งไม่ก่อให้เกิด
สารกัมมันตรังสี หรือมีรังสีตกค้าง
ในปัจจุบัน
มีอาหารหรือผลิตผลการเกษตรที่ผ่านการฉายรังสีหลายประเภท เข้าสู่ตลาดและมีบทบาทในด้านการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น
เช่น พืชผักและผลไม้ พืชหัว เนื้อสัตว์ เครื่องเทศ สมุนไพรและเครื่องปรุงรส
เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้การยอมรับผลิตภัณฑ์อาหารฉายรังสีจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
แต่ยังมีอีกหลายประเทศ เช่น ประเทศในแถบยุโรป ที่ยังห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารฉายรังสี
ส่วนบางประเทศ เช่น เยอรมนี ออสเตรีย และประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ยอมรับผลิตภัณฑ์อาหารฉายรังสีเฉพาะกลุ่มของสมุนไพรและเครื่องเทศเท่านั้น
โดยที่ผลิตภัณฑ์อาหารฉายรังสีนั้นต้องมีฉลากกำกับ สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกา
อาหารที่ผ่านการฉายรังสีหรือมีส่วนประกอบของอาหารที่ผ่านการฉายรังสี
จะต้องติดฉลากแสดงสัญลักษณ์ว่าได้ผ่านการฉายรังสีแล้ว ดังนั้น การตรวจสอบอาหารเพื่อการรับรองว่าอาหารนั้นได้ผ่านการฉายรังสีมาหรือไม่
จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์อาหาร
สำหรับการส่งออกไปยังประเทศที่ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารฉายรังสีแล้ว
การตรวจสอบดังกล่าวเพื่อให้การรับรองว่าอาหารนั้นได้ผ่านการฉายรังสีจริง
ยังเป็นประโยชน์อย่างมาก ต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารฉายรังสีไปยังประเทศที่ให้การยอมรับอีกด้วย
ประเทศไทยซึ่งมีอุตสาหกรรมอาหารส่งออกหลายชนิด
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูปที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น กลับยังไม่มีห้องปฏิบัติการมาตรฐานที่ตรวจสอบและรับรองอาหารว่าผ่านการฉายรังสีหรือไม่
โดยเฉพาะในการผลิตอาหารสำเร็จรูปซึ่งต้องใช้วัตถุดิบในการผลิตหลายชนิดทั้งจากในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ
ซึ่งจำเป็นต้องมีการควบคุมและตรวจสอบวัตถุดิบทั้งหมดก่อนเข้าสู่กระบวนการแปรรูป
และหากพบว่าวัตถุดิบนั้นได้ผ่านการฉายรังสี เมื่อนำมาแปรรูปจะต้องทำการติดฉลากผลิตภัณฑ์
เพื่อแสดงว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารฉายรังสี เนื่องจากรังสีสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโมเลกุลที่เป็นองค์ประกอบของอาหารได้หลายแบบ
เช่น เกิดการกระตุ้น (excitation) หรือทำให้โมเลกุลแตกตัวเป็นไอออน
(ionization) การแตกหักของพันธะเคมี การเกิดอนุมูลอิสระ (free radical)
และเกิดการสร้างพันธะขึ้นใหม่ รวมทั้งผลของอนุมูลอิสระที่สามารถชักนำให้เกิดโมเลกุลชนิดใหม่ขึ้น
(radiolytic products) เป็นต้น จากหลักการของอันตรกิริยาของรังสีกับโมเลกุลที่เป็นองค์ประกอบของอาหารดังกล่าว
ทำให้สามารถใช้ตรวจสอบได้ว่าอาหารนั้นได้ผ่านการฉายรังสีมาหรือไม่
โดยดูจากองค์ประกอบที่เปลี่ยนแปลงภายในอาหารนั้น ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของอาหาร
วิธีการตรวจสอบแต่ละวิธีจึงมีความเหมาะสมกับอาหารฉายรังสีแต่ละประเภทแตกต่างกันออกไป
วิธีการตรวจสอบเพียงวิธีใดวิธีหนึ่ง จึงไม่สามารถครอบคลุมอาหารฉายรังสีได้ทุกประเภท
นอกจากนี้ ในอาหารบางประเภท ความแตกต่างระหว่างอาหารฉายรังสีและอาหารที่ไม่ได้ผ่านการฉายรังสี
หรืออาหารที่ผ่านกระบวน การผลิตอื่น ๆ เช่น การบรรจุกระป๋อง การแช่แข็ง
มีน้อยมาก และบางครั้งแทบจะไม่มีความแตกต่าง ทำให้ต้องใช้หลายวิธีควบคู่กันจึงจะยืนยันได้แน่ชัด
ภาควิชารังสีประยุกต์และไอโซโทป
คณะวิทยาศาสตร์ เล็งเห็นความสำคัญของการตรวจสอบเพื่อรับรองผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านการฉายรังสี
จึงได้ริเริ่มงานวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาเทคนิคการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารฉายรังสีโดยวิธีการทั้งทางกายภาพและชีวภาพขึ้น
ถึงแม้ว่าวิธีการตรวจสอบอาหารฉายรังสี ได้ถูกกำหนดเป็นวิธีมาตรฐานโดยมี
Codex เป็นผู้รับรอง การนำเทคนิคเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศไทย
จำเป็นต้องมีการศึกษาและพัฒนาเทคนิคให้เหมาะสมกับประเภทของอาหาร
ดังนั้นงานวิจัยนี้จะจำแนกศึกษาวิธีการตรวจสอบอาหารฉายรังสีเป็นกลุ่ม
ๆ เพื่อให้สามารถตรวจสอบอาหารฉายรังสีได้ครอบคลุมทุกประเภท และเพื่อให้ได้วิธีการตรวจ
สอบผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศไทยที่มีมาตรฐาน ให้ผลการตรวจสอบที่ถูกต้องและแม่นยำ
เป็นที่ยอมรับของนานาชาติต่อไป
งานวิจัยเบื้องต้นได้ศึกษาวิธีการตรวจสอบถั่วเขียวฉายรังสีด้วยวิธี
Comet assay ซึ่งเป็นวิธีทางชีวภาพที่มีความไวต่อการตรวจสอบการแตกหักของดีเอ็นเอ
ซึ่งสามารถใช้ตรวจสอบได้ทั้งเนื้อสัตว์และพืชผลการเกษตรที่ผ่านการฉายรังสี
โดยทำการแยกชิ้นส่วนดีเอ็นเอด้วยกระแส ไฟฟ้าและความต่างศักย์ที่เหมาะสม
ชิ้นส่วนที่แตกหักของดีเอ็นเอจะเคลื่อนที่ออกจากเซลล์ เกิดลักษณะคล้ายหางไปทางขั้วแอโนด
ทั้งนี้รูปร่างเซลล์ ความยาวของหาง และปริมาณของดีเอ็นเอในส่วนหาง
จะสามารถระบุระดับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งมีความสัมพันธ์กับปริมาณรังสีที่เซลล์ได้รับ
สำหรับในตัวอย่างที่ไม่ได้ผ่านการฉายรังสี เซลล์ที่ปรากฏจะมีลักษณะค่อนข้างกลมพบว่าวิธีการดังกล่าวสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างถั่วเขียวที่ฉายและไม่ได้ฉายรังสีได้
ดังรูปที่ 1

รูปที่ 1 ภาพถ่าย Comet
ของเมล็ดถั่วเขียวที่ไม่ได้ฉายรังสี (ซ้าย) และ
ฉายรังสีที่ปริมาณรังสี 0.5 kGy (กลาง) และ 1 kGy (ขวา)
นอกจากนี้
ยังได้ทำการศึกษาวิธีการตรวจสอบอาหารฉายรังสีด้วยวิธีเทอร์โมลูมิเนสเซนส์
(TL) ซึ่งเป็นวิธีทางกายภาพที่อาศัยกระบวนการเรืองแสง (luminescence)
ของสารประกอบอนินทรีย์ เช่น สารประกอบประเภทซิลิเกตที่แยกออกมาจากผลิตภัณฑ์อาหาร
โดยสารประกอบดังกล่าวจะเก็บพลังงานที่ได้รับจากรังสีไว้ แล้วคายพลังงานออกในรูปของแสง
ภายหลังที่ได้รับการกระตุ้นด้วยความร้อน โดยทำการตรวจสอบตัวอย่างเครื่องปรุงรสฉายรังสีพบว่า
เทคนิคเทอร์โมลูมิเนสเซนต์ เป็นเทคนิคที่สามารถใช้จำแนกตัวอย่างเครื่องปรุงรสที่ผ่านการฉายรังสีได้เป็นอย่างดี
|