ฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ของสารสกัดหยาบจากปาหมี
ANTIMICROBIAL ACTIVITY OF CRUDE EXTRACTS OF PAMEE (LINOSTOMA PAUCIFLORUM)

         ในปัจจุบันประเทศไทยสูญเสียเงินตราจำนวนมากในการสั่งซื้อเคมีภัณฑ์ชนิดต่างๆ จากต่างประเทศ เพื่อใช้ในการป้องกันกำจัดจุลินทรีย์ที่มีอันตรายต่อมนุษย์ พืช และสัตว์ ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งในด้านสาธารณสุข การเกษตร อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจ ปาหมีหรือพาหมี (Linostoma pauciflorum Griff.) เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่พบมากทางภาคใต้ของประเทศไทย ชาวบ้านนิยมนำน้ำสกัดซึ่งได้จากลำต้นและรากไปใช้เบื่อปลา (Upho, 2005) และฉีดไล่เพลี้ยไฟมะม่วง หรือใช้ใบปาหมีเป็นส่วนผสมในการทำน้ำสมุนไพรหมักเพื่อใช้กำจัดแมลงในแปลงผัก (http://www.komchadluek.net/news/2004/12-01/farm1-15585621.html) เป็นต้น ดังนั้นการศึกษาวิจัยศักยภาพและประสิทธิภาพของสารสกัดหยาบจากปาหมีในการยับยั้งและ/หรือฆ่าทำลายจุลินทรีย์ จะทำให้ได้ข้อมูลพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของพืชสมุนไพรชนิดนี้ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงการค้า


         จากการสกัดสารออกฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์จากลำต้นแห้งของปาหมีพบว่ามีสารออกฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ในสารสกัดหยาบที่ได้จากการสกัดด้วย ethanol (PE1) มีผลต่อ A. hydrophila มากที่สุด โดยสามารถฆ่าทำลายและยับยั้งการเจริญได้ที่ระดับความเข้มข้นสูงสุดที่ใช้ทดสอบ คือ 2.5 มก./มล. แต่ไม่สามารถฆ่าทำลายยีสต์และราเส้นใยที่ใช้ทดสอบทุกสายพันธุ์ (ภาพที่ 1) และเมื่อนำสารสกัด PE1 ไปแยกสารในกลุ่มที่มีขั้วและไม่มีขั้วออกจากกันโดยการแลกเปลี่ยนระหว่างชั้นของสารละลาย ethyl acetate และน้ำ ในอัตราส่วน 2:1 นำส่วนที่ได้จากการแยกไปทดสอบการออกฤทธิ์ของสารสกัดในกลุ่มที่ไม่มีขั้วที่ได้จากการแยกด้วย ethyl acetate (PEA-EOH) ด้วยวิธี disc diffusion (NCCLS, 2003b) พบว่า สารสกัด PEA-EOH ที่ปริมาณสูงสุด คือ 10 มก. ไม่สามารถยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ที่ใช้ทดสอบทุกสายพันธุ์ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสารสกัดในกลุ่มที่ไม่มีขั้วซึ่งละลายใน ethyl acetate ไม่มีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ เมื่อนำสารออกฤทธิ์ในกลุ่มที่มีขั้วซึ่งละลายในน้ำ (PEA-H2O) มาทดสอบด้วยวิธี micro-dilution (NCCLS, 2002a; NCCLS, 2002b; NCCLS, 2003a) พบว่า สารสกัด PEA-H2O สามารถฆ่าทำลายและยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียที่ใช้ทดสอบได้ทุกสายพันธุ์ที่ระดับความเข้มข้น 90 มก./มล. นอกจากนี้ PEA-H2O ยังสามารถยับยั้งการเจริญของ C. albicans และ F. oxysporum ได้ที่ระดับความเข้มข้น 180 มก./มล. แต่ไม่สามารถฆ่าทำลายเชื้อราได้ (ภาพที่ 2) แสดงว่าสารสกัดในกลุ่มที่มีขั้วซึ่งละลายในน้ำมีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ต่อแบคทีเรียสูงกว่าเชื้อรา

          จากผลการทดลองข้างต้นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของปาหมีในการต้านการเจริญของแบคทีเรียทั้งแบคทีเรียแกรมบวกและแกรมลบที่อาจก่อให้เกิดโรคได้ คือ S. aureus ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดฝีหนอง E. coli ซึ่งบางสายพันธุ์อาจก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ และ A. hydrophila ซึ่งเป็นเชื้อสาเหตุโรคของปลา ดังนั้นจึงเห็นสมควรที่จะนำสารสกัดจากปาหมีไปศึกษาต่อเพื่อประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์และทางการเกษตรต่อไป

 
ภาพที่ 1 ประสิทธิภาพของสารสกัด PE1 ในการยับยั้งการเจริญ (MIC, minimum inhibition concentration) และการฆ่าทำลาย (MBC, minimum bactericidal/fungicidal concentration) ต่อจุลินทรีย์ทดสอบ   ภาพที่ 2 ประสิทธิภาพของสารสกัด PEA-H2O ในการยับยั้งการเจริญ (MIC, minimum inhibition concentration) และการฆ่าทำลาย (MBC, minimum bactericidal/fungicidal concentration) ต่อจุลินทรีย์ทดสอบ

 


 
คณะผู้วิจัย:
มณี ตันติรุ่งกิจ1 ชมนาถ เกิดคง1 อรวรรณ ชวนตระกูล1 และพัชราภรณ์ ภู่ไพบูลย์2
1 ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นครปฐม 73140
2 ฝ่ายเครื่องมือวิทยาศาสตร์กลาง บางเขน สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
E-mail : rdimat@ku.ac.th, Tel: (034)351-399