ขยะเศษอาหาร
โดยส่วนใหญ่มาจากส่วนที่เหลือทิ้งจากการรับประทานอาหาร ประกอบไปด้วย
เนื้อสัตว์ ข้าว ผลไม้ และผัก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอินทรียวัตถุที่สามารถย่อยสลายเน่าเปื่อยได้ง่าย
มีความชื้นสูง และ หากทิ้งไว้นานจะส่งกลิ่นเหม็นได้รวดเร็ว สำหรับการทดลองนี้ได้ใช้เศษอาหารของโรงอาหารคณะวิทยาศาสตร์
ซึ่งมีเศษอาหารเหลือวันละประมาณ 58 กิโลกรัม องค์ประกอบโดยส่วนใหญ่
คือ ข้าว ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ตามลำดับ มีค่าความชื้นทั้งหมดเฉลี่ย
74.21 เปอร์เซ็นต์ และ ค่าของแข็งทั้งหมดเฉลี่ย 25.79 เปอร์เซ็นต์
ส่วนก๊าซชีวภาพ
(Biogas) นั้นเป็นก๊าซที่ได้จากการย่อยสลายสารอินทรีย์ต่าง ๆ ภายใต้สภาวะไร้ออกซิเจนโดยจุลินทรีย์
ซึ่งกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นในที่ลุ่ม ชื้นแฉะ ในที่ลึกลงไปใต้ผิวดิน
ก้นทะเลสาป ในบ่อบำบัดน้ำเสีย ในกระเพาะของสัตว์เคี้ยวเอื้อง และในหลุมขยะฝังกลบ
เป็นต้น พลังงานของก๊าซชีวภาพ 1 ลูกบาศก์เมตร เทียบเท่า กับ ก๊าซหุงต้ม
(LPG) 0.46 กิโลกรัมน้ำมันเบนซิน 0.67 ลิตร น้ำมันดีเซล 0.60 ลิตร
หรือฟืนไม้ 1.50 กิโลกรัม การผลิตก๊าซชีวภาพจากขยะเศษอาหารสามารถทำได้โดยการย่อยสลายในถังหมักแบบต่อเนื่องสองขั้นตอนภายใต้สภาวะไร้ออกซิเจน
ถังใบแรกมีปริมาตร 27.7 ลิตร และใบที่สองมีปริมาตร 52.8 ลิตร
ดำเนินระบบโดยการเติมสารละลายเศษอาหารที่มีค่า
ของแข็งทั้งหมด 4 % (w/v) ที่ระยะเวลาเก็บกัก 35 30 25 และ20 วัน
คิดเป็นอัตราการป้อนสารอินทรีย์เท่ากับ 5.77 6.39 8.3 และ 10.27
กรัม ซีโอดี/ลิตร.วัน ตามลำดับ ผลการทดลองพบว่าที่ระยะเวลาเก็บกัก
35 วันระบบสามารถลดปริมาณความสกปรก คิดเป็นค่า ซีโอดี ได้สูงสุด
ถึง 90.1% และผลิตก๊าซชีวภาพโดยรวมเท่ากับ 31.2 ลิตร/วัน มีสัดส่วนมีเทน
57.3 % ของปริมาณก๊าซทั้งหมดแข็งทั้งหมดลดลง 84.3% ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณของแข็งระเหยทั้งหมดที่ลดลง
89.3%และที่ระยะเวลาเก็บกัก 20 วัน สามารลดความสกปรกค่าซีโอดีได้
82.1% แต่ผลิตก๊าซชีวภาพได้สูงถึง 54.4 ลิตรต่อวัน และมีความเข้มข้นของมีเทน
เท่ากับ 61.3%






|