ประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังเผชิญปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันและในอนาคต
เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆทั่วโลก สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของปัญหาดังกล่าว
คือขยะของเหลือใช้ที่มาจากเกษตรกรรม ของเสียจากโรงงาน รวมทั้งอินทรีย์สารต่างๆ
ที่เป็นผลิตผลของความก้าวหน้าทางวิทยาการ นอกจากนี้การพัฒนาประเทศในด้านต่างๆยังส่งผลให้มีการก่อสร้างอาคารมากขึ้นเรื่อยๆ
และในการก่อสร้างดังกล่าวต้องใช้ไม้เป็นส่วนประกอบสำคัญด้วย ทำให้มีการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม
การปลูกป่าทดแทนก็ไม่สามารถทำได้ตามที่ต้องการ ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนไม้
ไม้มีราคาแพงมากในปัจจุบัน และยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปี
ด้วยปัญหาดังกล่าวข้างต้นทำให้ในหลายๆประเทศรวมทั้งประเทศไทยจึงมีนโยบายส่งเสริมให้มีการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีในการนำขยะหรือของเสียรวมทั้งวัสดุธรรมชาติเหลือใช้จากการเกษตรกรรม
มาใช้ประโยชน์ใหม่ ในการทำวัสดุก่อสร้างทดแทนไม้ ซึ่งนอกจากช่วยลดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าแล้ว
ยังลดปัญหาเรื่องขยะหรือของเสีย และยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะและวัสดุธรรมชาติที่
ถูกมองข้ามประโยชน์ไปด้วย
ในปัจจุบันเกือบทุกประเทศทั่วโลกพยายามศึกษาวิจัยถึงความเป็นได้ในการใช้เส้นใยธรรมชาติจากพืชต่างๆในการผลิตแผ่นประกอบ
เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง เช่นในประเทศอินเดีย มีการผลิตแผ่นประกอบ
จากเปลือกถั่วลิสงที่มาจากโรงงานน้ำมันถั่วลิสง ใช้ขยะหรือของเสียจากโรงเลื่อยจักร
ในประเทศเกาหลีใต้มีการศึกษาวิจัยดูความเป็นไปได้ของการผลิตแผ่นประกอบจากฟางข้าวและยางรถยนต์โดยใช้โพลียูรีเทน
(Polyurethane) เป็นตัวประสาน (Binder) ผลการศึกษา สรุปว่าแผ่นประกอบที่ทำจากฟางข้าวและยางรถยนต์มีคุณสมบัติดีกว่าแผ่นประกอบ
ที่ทำจากไม้หลายประการ ผลการศึกษาวิจัยของนักวิชาการชาวเกาหลีดังกล่าวข้างต้นน่าสนใจยิ่ง
เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ที่ปลูกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ
จึงมีฟางข้าวเป็นวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรที่มีปริมาณมากหาได้ง่าย
ส่วนยางรถยนต์ ก็เป็นวัสดุเหลือใช้ที่มีเป็นจำนวนมากและหาได้ง่ายในประเทศเช่นกัน
โครงการนี้เป็นการนำเสนอผลงานที่ได้จากการวิจัยค้นคว้าในการผลิตแผ่นประกอบจากฟางข้าวและเศษยางรถยนต์
ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทดแทนการใช้ไม้ภายในประเทศได้ เพื่อเป็นแนวทางนำไปสู่การพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมภายในประเทศในภายภาคหน้า
|