ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ย่อมมีปัญหา อุปสรรคเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่สิ่งที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถเผชิญปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยดี สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บุคคลนั้นต้องมีความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเอง มีเกียรติ มีคุณค่า มีศักดิ์ศรี
ปรับตัวได้ดี มีความวิตกกังวลต่ำ คนที่มีความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองสูงมีแนวโน้มที่จะแสดงความสามารถทางการเรียน
การทำงานหรือการเล่นกีฬาสูงตามไปด้วยจึงจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ดี
เรื่องของการออกกำลังกายก็เช่นกัน ถ้าบุคคลมีความรู้สึกเห็นคุณค่าในทางบวกก็ทำให้เกิดความมั่นใจในตนเอง
มีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้บุคคลเข้าร่วมกิจกรรมการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองในการออกกำลังกาย มีองค์ประกอบที่สำคัญคือเรื่องการรับรู้เกี่ยวกับตนเอง
(self perception) และความเชื่อมั่นในตนเอง (self confidence) ตามแนวคิดของHarter
(อ้างใน สืบสาย, 2541) บุคคลแต่ละคนย่อมมีความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองในระดับสูงหรือต่ำต่างกันหรือไม่อย่างไร
เป็นสิ่งที่นักวิชาการได้พยายามศึกษาค้นคว้าหาทางสร้างแบบวัดออกมาซึ่ง
Coppersmith (1984) ได้สร้างแบบวัดความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองของนักเรียนขึ้นเป็นต้น
ดังนั้นผู้วิจัย จึงได้คิดสร้างแบบวัดความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองในการออกกำลังกายขึ้น
เนื่องจากปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มีแบบวัดดังกล่าว จึงยังไม่สามารถจะบ่งบอกได้ว่าบุคคลที่ออกกำลังกายมีความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองอยู่ในระดับใด
และส่งผลให้เกิดแรงจูงใจเข้าร่วมกิจกรรมการออกกำลังกายหรือไม่
ผู้วิจัยได้สร้างข้อคำถามที่ครอบคลุมการรับรู้เกี่ยวกับตนเอง
ด้านความสามารถทางกาย (physical competence) และการรับรู้เกี่ยวกับตนเอง
ด้านความเชื่อมั่น (self confidence) จำนวนรวม 48 ข้อ นำข้อคำถามให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาการกีฬาตรวจสอบ
ปรับปรุงข้อคำถามตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและคำนวณหาค่าดัชนีความสอดคล้อง
ตามวิธีการทาง Rowinelli and Hambleton (อ้างในพิชิต, 2547)และตรวจสอบความแม่นตรงเชิงโครงสร้าง
ได้ข้อคำถามที่มีคุณภาพจำนวน 33 ข้อ นำแบบวัดความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองไปทดลองใช้
(try out) เพื่อตรวจสอบเนื้อหาสาระความเข้าใจ ความเหมาะสมในการใช้ภาษา
และหาค่าอำนาจจำแนกตามวิธีการของ Edwards (อ้างในล้วนและอังคณา, 2543)
รวมทั้งหาความเชื่อมั่นแบบวัดความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองในการออกกำลังกายทั้งฉบับมีค่าเท่ากับ
0.92 และมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการวัดเท่ากับ ? 4.83 จากผลการศึกษาครั้งนี้
ทำให้ได้แบบวัดความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองในการออกกำลังกาย ที่มีคุณภาพอยู่ในระดับสูง
และสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงวิชาการต่อไป
|