จุลินทรีย์คุณภาพสายพันธุ์ใหม่คู่เกษตรไทยแบบพอเพียง
New Effective Microorganisms for Sufficient Agriculture of Thailand

         การควบคุมโรคพืชเพื่อให้ประสบผลสำเร็จและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจัดเป็นหลักสำคัญส่วนหนึ่งของการเกษตรแบบยั่งยืนหรือการเกษตรพอเพียง ซึ่งมิได้มุ่งเน้นการผลิตให้ได้ปริมาณมากหรือคุณภาพตามมาตรฐานที่ต้องใช้สารเคมีในแนวดิ่งเป็นหลัก แต่เป็นการนำความเป็นธรรมชาติมาปรับใช้ให้โอบเอื้อเกื้อหนุนระบบการเกษตรให้เกิดความพอดีที่เหมาะสมให้มากที่สุด เช่น จุลินทรีย์จากธรรมชาติของคณะผู้วิจัยสามารถใช้ร่วมกับการจัดการผลิตพืชต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

         คณะผู้วิจัย ภาควิชาโรคพืช คณะเกษตรหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้รวบรวมศึกษาแบคทีเรียสายพันธุ์คุณภาพที่มีคุณสมบัติเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการของพืชปลูกหลายแนวทาง รวมทั้ง (1) การใช้ควบคุมโรค (ยับยั้ง/ฆ่าเชื้อโรค) (2) ส่งเสริมการเจริญเติบโตพืช (เพิ่มปุ๋ย ธาตุอาหาร และฮอร์โมน) (3) กระตุ้นให้พืชมีความสมบูรณ์แข็งแรงและเกิดภูมิต้านทานต่อโรคและแมลงพาหะนำโรค (ชักนำให้พืชสร้างเอนไซม์หรือโปรตีนปกป้องตนเอง) เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้เป็นผลสำเร็จจากการศึกษาวิจัยที่สามารถนำไปใช้ในระบบการผลิตพืชหลายชนิด

จุลินทรีย์สายพันธุ์คุณภาพ
         รวม 12 สายพันธุ์ ได้แก่ Bacillus amyloliquefaciens KPS46, Paenibacillus pabuli SW01/4, Pseudomonas fluorescens SP007s, B. subtilis SP009s, Serratia macescens Spt360, P. aeruginosa Spd155, B. cereus Spt245, B. licheniformis Spd20 และ Bacillus sp. (YP04, YP28, KP96 และ KP25) (สุดฤดี และสุพจน์, 2544; สุดฤดี และคณะ, 2548; วิลาวรรณ์ และคณะ, 2549; Ek-udomphong et al., 2002; Phirigaprasath et al., 2002; Prathuangwong and Kasem, 2003; Prathuangwong et al., 2004)

ประโชน์และวิธีการใช้
         ประโยชน์ : (1) ควบคุมโรคที่ระบบราก ใบ ลำต้น ผล ที่เกิดจากแบคทีเรีย รา และไวรัสได้กว้างขวาง (2) ส่งเสริมพืชเศรษฐกิจหลายชนิดให้เจริญเติบโตรวดเร็วอย่างสมบูรณ์แข็งแรง (ถั่วเหลือง ข้าวโพด งา พืชตระกูลกะหล่ำ สัก กระถินเทพา หน้าวัว ทานตะวัน เป็นต้น) (3) ชักนำและกระตุ้นให้พืชสร้างภูมิคุ้มกันตนเองหรือลดความเครียดเนื่องจากสาเหตุต่างๆทั้งโรค ศัตรูพืช และสภาพแวดล้อม (ภาพที่ 1)

              วิธีการใช้ : สามารถใช้ได้ทั้ง การคลุกเมล็ด พ่นบนพืช ใส่หรือเติมลงในดิน ใส่ลงบนส่วนขยายพันธุ์และกล้าพืช สามารถใช้ได้ทั้งแบบเชื้อเดี่ยว (สายพันธุ์เดียวทำประโยชน์ให้พืชหลายแนวทาง) หรือหลายสายพันธุ์ผสมร่วมกัน (ให้สามารถทำประโยชน์ได้ครบทุกแนวทาง) และสามารถใช้ร่วมกับวิธีการจัดการศัตรูพืชอื่น (การเขตกรรม สารเคมี) และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและสารสังเคราะห์ทางการเกษตรต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพที่ 1 แบคทีเรีย KPS46 (ก,ข) ส่งเสริมการเจริญเติบโตและควบคุมโรครากเน่าโคนเน่าจาก R. solani ของถั่วเหลือง (ค, ฉ) เปรียบเทียบกับกรรมวิธีที่ไม่ใช้เชื้อแบคทีเรีย (ง,จ) และกระตุ้นภูมิต้านทานโรคทั้งระบบ วิเคราะห์จากการชักนำให้เกิดกิจกรรมของเอนไซม์ 1,3 เบต้า กูลคาเนส (ช)

การใช้แบคทีเรียร่วมกับระบบการผลิตพืช
              กลุ่มพืชผัก : P. fluorescens SP007s และ B. subtilis SP009s ลดความรุนแรงของโรคเน่าเละ โรคขอบใบทอง โรคเน่าคอดิน และโรคใบจุด Alternaria ของกะหล่ำดอก 52.6, 75.0, 28.0 และ 79.7% เพิ่มน้ำหนักสด ความสูงต้น และความยาวใบเฉลี่ย 82.5, 21.0 และ 33.3% ตามลำดับ และให้ผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 41.7% (วิลาวรรณ์ และคณะ, 2549; วิลาวรรณ์ และคณะ, 2550; Prathuangwong et al., 2004a; Prathuangwong et al., 2005) ; B. amyloliquefaciens KPS46 และ P. pabuli SW01/4 ลดความรุนแรงของโรคเน่าเละ โรคขอบใบทอง และโรคใบจุด Alternaria ของพืชตระกูลกะหล่ำ 43.0, 52.0 และ 45.0% เพิ่มน้ำหนักสด ความสูงต้น และความยาวใบเฉลี่ย 91.0, 45.5 และ 39.8% และให้ผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 30.8% (Prathuangwong et al., 2004a, Prathuangwong et al., 2006a; Prathuangwong et al., 2006b; Prathuangwong et al., 2006c)

                ข้าวโพด : B. amyloliquefaciens KPS46, P. pabuli SW01/4, Bacillus sp. (YP04, YP28, KP96 และ KP25) และ S. macescens Spt360 ลดความรุนแรงของโรคใบไหม้แผลเล็ก โรคลำต้นเน่า และโรคเหี่ยวสจ๊วต 40, 50 และ 50% เพิ่มความงอก ความยาวราก ความยาวยอด ความสูงต้นเฉลี่ย 28.2, 71.4, 55.5 และ 37.6% ตามลำดับ (สุดฤดี และคณะ, 2547; สุดฤดี และคณะ, 2548; สุดฤดี และคณะ, 2549; Prathuangwong et al., 2004a)

                กลุ่มพืชไฮโดรโปรนิกส์/การปลูกพืชในวัสดุปลูก: B. amyloliquefaciens KPS46 ยังคงมีประสิทธิภาพในสารละลายธาตุอาหารพืชที่มีส่วนประกอบของสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ต่างๆ ได้นาน 14 วัน โดยจำนวนประชากรแบคทีเรียลดลงเล็กน้อยแต่ไม่แตกต่างทางสถิติ จึงมีแนวโน้มที่สามารถนำเชื้อนี้ไปปรับใช้ในระบบการผลิตพืชแบบ hydropronic ได้ดี (โครงการวิจัยร่วมระหว่างภาควิชาโรคพืช มก. และภาควิชาเทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืช สจล.)

                   ถั่วเหลืองฝักสด: (1) P. pabuli SW01/4 และ S. macescens Spt360 ลดความรุนแรงของโรคใบจุดนูน 45.3% เพิ่มน้ำหนักสด ความสูงต้น และความยาวใบเฉลี่ย 40.6, 21.0 และ 25.3% ให้ผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 17.0% (2) B. amyloliquefaciens KPS46 และ P. pabuli SW01/4 ลดความรุนแรงของโรครากเน่าโคนเน่า โรคแอนแทรคโนส โรคเน่าคอดิน โรคเร่งตาย โรคใบจุดนูน โรคจากไวรัส SMV และ SCLV 22.0, 39.2, 17.8, 14.8, 65.9, 38.6 และ 37.2% ตามลำดับ ให้ผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 17.0 – 42.1% (ชัยสิทธิ์ และสุดฤดี, 2548; สุพจน์ และคณะ, 2548; สุดฤดี และคณะ, 2548ก; สุดฤดี และคณะ, 2548ข; สุดฤดี และคณะ, 2548ค; สุพจน์ และคณะ, 2549; Prathuangwong et al., 2002a; Prathuangwong et al., 2002b; Prathuangwong and Kasem, 2003; Prathuangwong et al., 2004a; Prathuangwong et al., 2004b; Prathuangwong et al., 2004c; Thowthampitak et al., 2004; Prathuangwong and Buensanteai, 2006)

                   พืชชนิดอื่น : (1) S. macescens Spt360 ลดความรุนแรงของโรคเน่าคอดินของสัก 79.7 % เพิ่มความงอก ความยาวราก และความสูงต้น เฉลี่ย 16.0, 31.2 และ 5.7% ให้ผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 41.7% (2) B. amyloliquefaciens KPS46 และ P. pabuli SW01/4 ลดความรุนแรงของโรคใบจุด และลำต้นไหม้ของทานตะวัน และโรคใบไหม้หน้าวัว 82.2, 86.1 และ 26.9% (3) B. amyloliquefaciens KPS46 และ P. pabuli SW01/4 ลดความรุนแรงของโรครากเน่าโคนเน่า โรคเน่าคอดิน โรคแอนแทรคโนส โรคใบจุดนูน โรคเร่งตาย โรคไวรัส SMV และ SCLV 30.5, 32.8, 35.0, 70.0, 35.9, 33.0, 27.0, และ 54.0 % เพิ่มน้ำหนักสด ความสูงต้น และความยาวใบเฉลี่ย 62.5, 24.0 และ 24.3% และให้ผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 35.8 - 86.7% (สุดฤดี และสุพจน์, 2544; สุพจน์ และคณะ, 2549; นงนุช, 2546; วาสนา, 2547; ชัยสิทธิ์, 2548; พีรพร, 2548;ชัยสิทธิ์ และสุดฤดี, 2548; Ek-udomphong et al., 2002; Prathuangwong et al., 2002a; Prathuangwong et al., 2002b; Prathuangwong and Kasem, 2003; Prathuangwong et al., 2004a; Prathuangwong et al., 2004b; Prathuangwong et al., 2004c; Thowthampitak et al., 2004; Prathuangwong and Buensanteai, 2006)

ภาพที่ 2 เทคโนโลยีเชื้อแบคทีเรียมีประโยชน์ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถนำไปใช้ได้ด้วยตนเอง ภายใต้โครงการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวิจัยและพัฒนา มก. รหัส สข.(กษ) 3-4-47





 

สุดฤดี ประเทืองวงศ์ ์,ชัยสิทธิ์ ปรีชา ,รัชฏาวรรณ เดชมณี, สุพจน์ กาเซ็ม, จารุวัฒน์ เถาธรรมพิทักษ,์ ณัฐธิญา เบือนสันเทียะ ,
ดุสิต อธินุวัฒน์ วิลาวรรณ์ เชื้อบุญ และ นันทิยา เตชะติ
หน่วยงาน ภาควิชาโรคพืช คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โทร. 0-2942-8044