พลับ: พัฒนาคุณภาพผลผลิตเพื่อการจำหน่ายในรูปแบบใหม่

           พลับเป็นไม้ผลกึ่งร้อนที่มีการนำเข้ามาปลูกในเมืองไทยเป็นระยะเวลาที่ยาวนานโดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงราย มีการนำเข้ามาปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 แต่เริ่มมีการนำพันธุ์ต่างๆ เข้ามาทดลองปลูกอย่างจริงจังช่วงปีพ.ศ. 2521 จนทำให้ได้สายพันธุ์ที่สามารถปลูกเป็นการค้าได้ในปัจจุบัน 3 สายพันธุ์ด้วยกัน คือ พันธุ์ Xichu, Fuyu และ Hyakume โดยเฉพาะพันธุ์ Hyakume ซึ่งจัดเป็นพลับหวานที่มีผลขนาดใหญ่น้ำหนักประมาณ 200-300 กรัมต่อผลโดยเฉลี่ย แม้จะจัดเป็นพลับหวานแต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้จำหน่ายในรูปแบบของพลับฝาด คือต้องผ่านขบวนการขจัดความฝาด ที่เป็นเช่นนี้เพราะพลับพันธุ์นี้จะหวานต่อเมื่อมีเมล็ดเท่านั้น โดยเฉพาะเนื้อผลบริเวณรอบๆเมล็ดและต้องมีเมล็ดมากพอจึงจะทำให้หวานทั้งผลได้ ซึ่งรสชาติของพลับพันธุ์นี้จะหวานกรอบอร่อย โดยมีความหวานแหลมกว่าพันธุ์ Fuyu ทำให้จำหน่ายได้ในราคาที่ดีกว่าการจำหน่ายแบบฝาด ตลอดจนอายุในการวางจำหน่ายในท้องตลาดจะยาวนานขึ้นเพราะไม่ต้องผ่านขบวนการขจัดความฝาด ซึ่งทำให้ผลพลับเน่าเสียภายใน 1 สัปดาห์ และการทำให้พลับพันธุ์ Hyakume หวานทั้งผลนี้ มีแนวทางที่จะทำได้โดยการช่วยผสมเกสร ซึ่งจะทำให้เปอร์เซ็นต์การติดผลดีขึ้นและน้ำหนักต่อผลเพิ่มมากขึ้นด้วย เมื่อได้พลับพันธุ์ Hyakume จำหน่ายในรูปแบบพลับหวานแล้ว จะได้ราคาดีและอายุการวางจำหน่ายในท้องตลาดยาวนานขึ้น ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมีทางเลือกที่จะดำเนินการผลิตในรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

           จากการใช้เกสรตัวผู้พลับพันธุ์ฮอดและหงเหม่ยผสมกับดอกตัวเมียพลับพันธุ์ Hyakume ปรากฏว่าหวานทั้งผล 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเปอร์เซ็นต์ความหวานทั้งผลนี้จะสัมพันธ์ในทางบวกกับจำนวนเมล็ดต่อผล จากการทดลองพบว่าพลับพันธุ์ Hyakume เมื่อมี 3 เมล็ดต่อผลจะทำให้ผลพลับอยู่กึ่งกลางระหว่างหวานทั้งผลกับหวานบางส่วน โดยจะหวานทั้งผลประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้พลับพันธุ์ Hyakume นี้หวานทั้งผล 100 เปอร์เซ็นต์ต้องมีเมล็ดอย่างน้อยที่สุด 4 เมล็ดต่อผล ถ้ามีเมล็ดน้อยกว่านี้แล้วเปอร์เซ็นต์หวานทั้งผลก็จะลดน้อยลง การที่ผลพลับพันธุ์นี้หวานต่อเมื่อมีเมล็ดนั้นเนื่องจาก ปริมาณสารละลายแทนนิน ซึ่งทำให้ผลพลับฝาดจะไม่ปรากฏถ้าหากมีเมล็ดเกิดขึ้นอย่างเพียงพอกับพลับพันธุ์นี้ ในที่นี้คือ 4 เมล็ดและเนื้อของผลจะเปลี่ยนสีเป็นเป็นสีน้ำตาลแดง เชื่อว่าเกิดจากการอ๊อกซิไดซ์สารของเซลแทนนิน นอกจากนี้ผลที่มีเมล็ดจะมีขนาดของผลใหญ่ขึ้น เนื่องจากเมล็ดเป็นแหล่งฮอร์โมนที่สำคัญและฮอร์โมนจะมีผลต่อขนาดของพลับ

           การผลิตพลับพันธุ์ Hyakume เพื่อจำหน่ายได้แบบพลับหวานนั้นต้องใช้ เกสรตัวผู้บริสุทธิ์ไม่มีการเจือปนด้วยวัสดุอื่นทำการผสม จึงจะทำให้ผลผลิตพลับพันธุ์นี้หวานทั้งผล 100 เปอร์เซ็นต์ เกษตรกรสามารถนำวิธีการนี้ไปใช้ประโยชน์เพื่อการผลิตพลับพันธุ์ Hyakume ในรูปแบบใหม่เพื่อจำหน่ายได้แบบพลับหวาน และวิธีการผสมเกสรด้วยมือ (Hand Pollination) ง่ายไม่ซับซ้อน ต้นทุนเพิ่มเพียงเล็กน้อยแต่จำหน่ายได้ในราคาที่ดีกว่าเดิมมาก แนวทางในการพัฒนาขั้นต่อไปคือทำอย่างไรจึงจะสามารถเจือปนสารตัวอื่นลงในเกสรตัวผู้ เพื่อลดปริมาณการใช้เกสรตัวผู้ลง เพราะจากการทดลองที่ผ่านมายังใช้ไม่ได้ผล ตลอดจนการใช้เครื่องมือพ่นอัตราส่วนผสมเหล่านี้ เพื่อช่วยการผสมเกสรในพลับพันธุ์ Hyakume ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากนี้อาจใช้กับพลับพันธุ์อื่นๆ เพื่อป้องกันการร่วงของผลและเป็นการพัฒนาคุณภาพของพลับไปในตัวด้วย

ขั้นตอนและการคัดเลือกดอกในการผสมเกสรด้วยมือในพลับ

    1. เก็บดอกตัวผู้ขณะตูม (ก่อนบาน 1 วัน) ผึ่งในที่ร่ม 1 คืน
    2. นำดอกในข้อที่ 1 มาเคาะดอกเก็บเกสรตัวผู้ในขวดขนาดเล็ก
    3. เลือกดอกตัวเมียพลับพันธุ์ Hyakume ระยะก่อนดอกบาน 1 วัน วันดอกบานและหลังดอกบาน 1 วัน (ช่วงระยะเวลา 3 วัน)
    4. นำเกสรจากข้อ 2 มาผสมกับดอกตัวเมียในข้อ 3 โดยใช้พู่กันขนาดเล็ก(เบอร์0) แตะละอองเกสรตัวผู้แล้วนำมาแตะบนยอดเกสรตัวเมีย(Stigma)
    5. เสร็จการผสมเกสรแล้ว ทำการหมายดอกไว้


การหมายดอกที่ผสม
 



ผลที่มีตั้งแต่ 4 เมล็ดขึ้นไป
จะหวานทั้งผล


ผลที่มีเมล็ดน้อยมีรสหวาน
และฝาดอยุ่ในผลเดียวกัน



ผลที่ห่อแล้ว
 

ลักษณะภายนอกผล
 


แสดงขนาดของผล
 


วรวิทย์ ยี่สวัสดิ์
สถานีวิจัยดอยปุย สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โทร. 0-53-211-142