รศ.ดร.
งามผ่อง คงคาทิพย์ เป็นนักวิจัยของม. เกษตรศาสตร์ที่ได้รับรางวัลนักวิจัยตัวอย่าง
(ด้านสมุนไพร) จากสมาคมพัฒนาแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย โดยเข้ารับประทานโล่ประกาศเกียรติคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในวันที่ 11 ตุลาคม 2549
ซึ่งเป็นวันเปิดงานการประชุมสัมมนาวิชาการพัฒนาแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทยครั้งที่
1 เฉลิมพระเกียรติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ณ ห้องประชุมสุธรรมอารีกุล
อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
รศ.ดร.
งามผ่อง คงคาทิพย์ ได้เริ่มทำวิจัยทางด้านสมุนไพรตั้งแต่ปี 2515 ซึ่งเป็นปีแรกที่ได้เข้ารับราชการในตำแหน่งอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
จากภูมิหลังของอาจารย์ที่คุณตาเป็นแพทย์แผนโบราณ คุณพ่อคุณแม่ เปิดร้านขายยาสมุนไพรไทย
จึงทำให้อาจารย์รู้ถึงคุณค่าของสมุนไพรเป็นอย่างดี
รศ.ดร.
งามผ่อง คงคาทิพย์ และคณะผู้วิจัยในหน่วยปฏิบัติการวิจัยผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและเคมีอินทรีย์สังเคราะห์
(NPOS) ซึ่งมี รศ.ดร. บุญส่ง คงคาทิพย์ เป็นหัวหน้าหน่วยได้ทำการวิจัยสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคที่พบเห็นบ่อย
ร้ายแรง และเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเอดส์
เป็นต้น จากการวิจัยสมุนไพรมาเป็นเวลา 35 ปี ได้ทำวิจัยสมุนไพรหลายชนิด
และยังทำการสังเคราะห์สารธรรมชาติที่ออกฤทธิ์และอนุพันธ์ เพื่อให้ได้สารที่ออกฤทธิ์สูงกว่า
โดยขอสรุปผลงานวิจัย สมุนไพรบางชนิดที่ใช้เป็นอาหารเสริมในการรักษาโรคเบาหวาน
หัวใจ มะเร็ง และเอดส์ ดังนี้
- บอระเพ็ด ( Tinospora criepa) ลำต้นที่มีอายุเกินสองปีขึ้นไป
พบการออกฤทธ ิ์ดังนี้
1.1 บำรุงหัวใจ โดยพบว่าสารสกัดลำต้นบอระเพ็ดด้วยคลอโรฟอร์ม
และเอทานอลเพิ่มแรงแรงบีบตัวกล้ามเนื้อหัวใจโดยไม่เพิ่มอัตราการเต้นหัวใจ
พบสารออกฤทธิ์ประเภทอัลคาลอยด์ 2 ชนิดเป็นสารเอกลักษณ์สำคัญในการวิเคราะห์คุณสมบัตินี้
เพื่อควบคุมคุณภาพบอระเพ็ด (กำลังดำเนินการจดสิทธิบัตร)
1.2 ลดเบาหวาน เมื่อนำลำต้นบอระเพ็ดไปต้มเคี่ยวกับน้ำ
จะออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ พบสารออกฤทธ์ลดน้ำตาลในเลือด 3 ชนิดและได้นำชนิดที่ออกฤทธิ์ดีมาเป็นสารเอกลักษณ์สำคัญในการวิเคราะห์สมุนไพรนี้ว่าจะออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดหรือไม่
(ด้วยวิธี HPLC) เนื่องจากพบว่าบอระเพ็ดแต่ละแหล่งออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดต่างกัน
แหล่งบอระเพ็ดที่ออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ดีคือ สุพรรณบุรี ศรีสะเกษ
พิจิตรในขณะที่บอระเพ็ดจากจังหวัดสระแก้วไม่ออกฤทธิ์ (กำลังดำเนินการจดสิทธิบัตรขบวนการแยกสารออกฤทธิ์ฯ
นี้ และใช้สารนี้เป็น marker ในการควบคุมคุณภาพของบอระเพ็ด) และได้ทำการทดสอบพิษเรื้อรังของบอระเพ็ดพบว่า
ถ้ารับประทานบอระเพ็ดแห้ง วันละไม่เกิน 500 มิลลิกรัมจะไม่มีพิษแต่อย่างใด
(ในขณะที่ขนาด 500 มิลลิกรัมที่ควบคุมคุณภาพแล้วนี้สามารถลดน้ำตาลในเลือดได้ดี
)
1.3 ยับยั้งเชื้อเอดส์ พบสาร 2 ชนิดในลำต้นบอระเพ็ดที่สามารถยับยั้งเชื้อเอดส์ได้
(กำลังดำเนินการจดสิทธิบัตร)
1.4 ยับยั้งเซลล์มะเร็ง พบสาร 2 ชนิดในลำต้นบอระเพ็ดที่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้
(กำลังดำเนินการจดสิทธิบัตร)
-
สันโศก (Clausena excavata)
2.1 ยับยั้งเชื้อเอดส์ เมื่อนำรากและเหง้าสันโศกมาสกัดด้วย
35% เอทานอล/น้ำ สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อเอชไอวี-1 (โรคเอดส์)
ได้ พบสารยับยั้งเชื้อเอดส์ถึง 5 ชนิดในรากและเหง้า (ได้ดำเนินการจดสิทธิบัตร
2 ฉบับ คือ สารบริสุทธิ์ประเภทคูมารินและคาร์บาโซล ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ
HIV-1 (anti-HIV-1 activity) ที่แยกได้จากสันโศก (Clausena excavata)
Patent Application No.086881 และสารบริสุทธิ์ O-methylmukonal
ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ HIV-1 (anti-HIV-1 activity) ที่แยกได้จากสันโศก
(Clausena excavata) เป็นครั้งแรก Patent Application No.086882)
โดยได้นำสารเหล่านี้มาทำการวิเคราะห์เพื่อควบคุมคุณภาพของสารสกัดสันโศก
โดยขณะนี้พบสภาวะที่เหมาะสมในการวิเคราะห์ด้วย HPLC เพื่อควบคุมคุณภาพของสันโศก
เนื่องจากสันโศกแต่ละแหล่งมีการออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อเอดส์ต่างกัน
โดยแหล่งที่มีการออกฤทธิ์ดี คือ ตราด ลำปาง จันทบุรี เชียงใหม่
ฉะเชิงเทรา ภูมิปัญญาท้องถิ่นได้ใช้สมุนไพรชนิดนี้หมักด้วยเหล้าโรง
35 ดีกรี ประมาณ 7 วัน ก่อนนำไปรับประทานควรจะนำไปอุ่นเคี่ยวเพื่อให้เอทานอลระเหยออก
2.2 ยับยั้งเชื้อวัณโรค พบสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อวัณโรค
ในรากและเหง้าของสันโศกถึง 7 ชนิด ซึ่งเป็นสารในกลุ่มอัลคาลอยด์
2.3 ยับยั้งเชื้อรา พบสารออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรา
ในรากและเหง้าสันโศก 4 ชนิด โดยเป็นสารกลุ่มอัลคาลอยด์
-
ทองพันชั่ง (Rhinacanthus
nasutus) ในรากและใบของต้นทองพันชั่งมีสารไรนาแคนทิน
หลายชนิด ซึ่งเป็นสารกลุ่มแนพโทควิโนนเอสเทอร์ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ดี
และยังพบว่าสารไรนาแคนทินบางชนิดออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ได้ดี
แต่ปริมาณของสาร Rhinacanthins ที่แยกได้จากพืชมีปริมาณน้อยมาก
ดังนั้นการสังเคราะห์สารเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่ง
เพื่อนำไปสู่ยารักษาโรคมะเร็งหรือยาปฏิชีวนะได้ในอนาคต ทางหน่วย
NPOS ได้ทำวิจัยร่วมกับฝ่ายสมุนไพรสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งมีคุณผ่องพรรณ
ศิริพงษ์ เป็นหัวหน้าหน่วย โดยทางหน่วย NPOS ได้ทำการสังเคราะห์สารไรนาแคนทินและอนุพันธ์
ไปทั้งหมด 70 ชนิด (ได้ทำการจดสิทธิบัตรไป 2 ฉบับ ในชื่อเรื่อง
"สารอนุพันธ์ใหม่ dihydropyrano-1,2-naphthoquinones, dihydrofurano-1,2-naphthoquinones,
dihydropyrano-1,4-naphthoquinones และ dihydrofurano-1,4-naphthoquinones
ที่ยับยั้งเซลล์มะเร็ง" (Patent Application No. 073725)
และ "สารอนุพันธ์ใหม่ 1,4-แนพโทควิโนน เอสเทอร์ (1,4-naphthoquinone
ester) ที่ยับยั้งเซลล์มะเร็ง" (Patent Application No. 073726)
)
|