มันสำปะหลังที่นำมาใช้ในอาหารสัตว์ ได้จากการนำหัวมันสำปะหลังสดมาหั่นเป็นชิ้น
ๆ แล้วผึ่งแดดให้แห้งเป็นเวลา 3-4 แดด โดยทั่วไปมันเส้นจะมีคุณค่าทางอาหารดังนี้
โปรตีน |
2 เปอร์เซ็นต์ |
พลังงานใช้ประโยชน์ได้ในสุกร |
3,260 กิโลแคลอรี่/กก. |
พลังงานใช้ประโยชน์ได้ในสัตว์ปีก |
3,500 กิโลแคลอรี่/กก. |
ไขมัน |
0.75 เปอร์เซ็นต์ |
เยื่อใย |
3.7 เปอร์เซ็นต์ |
การใช้มันสำปะหลังเป็นอาหารสัตว์ต่อภูมิต้านทานโรคในสัตว์
การใช้มันสำปะหลังเป็นอาหารสัตว์มักพบว่า
สัตว์ที่เลี้ยงด้วยสูตรอาหารมันสำปะหลังมักมีสุขภาพดีขึ้น ความต้านทานโรคสูงขึ้นและต้องการใช้ยาปฏิชีวนะน้อยลงหรือไม่ต้องใช้เลย
ซึ่งมันสำปะหลังหลังจากตากมันสำปะหลัง 3 4 แดด แล้ว ยังพบว่ามีสารไซยาไนด์เหลืออยู่ประมาณ
30 พีพีเอ็ม. ซึ่งไม่เป็นพิษต่อตัวสัตว์แต่กลับเป็นผลดีต่อตัวสัตว์
โคนม
โดยทั่วไปสารไธโอไซยาเนท
ในน้ำนมมีอยู่ประมาณ 0.1 1.5 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ซึ่งขึ้นอยู่กับอาหารที่สัตว์ได้รับ
โดยสารไธโอไซยาเนทที่มีในน้ำนมจะรวมตัวกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และเอนไซม์แลคโตเปอร์ออกซิเดส
ได้เป็นสารไฮโปรไธโอไซยาเนทและน้ำ ซึ่งสารไฮโปรไธโอไซยาเนทมีผลออกฤทธิ์ต่อแบคทีเรียที่เป็นโทษในน้ำนม
การที่โคนมได้กินอาหารสูตรมันสำปะหลังมีผลให้ได้รับสารไซยาไนด์ในระดับต่ำ
โดยสารไซยาไนด์เหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายสัตว์จะเปลี่ยนเป็นสารไธโอไซยาเนท
ทำให้โคนมมีสารไธโอไซยาเนทในน้ำนมเพิ่มขึ้นจึงเป็นผลดีต่อสุขภาพของแม่โค
ลดการเกิดเต้านมอักเสบได้
สัตว์ปีก
สำหรับการใช้มันสำปะหลังในสูตรอาหารต่อภูมิคุ้มกันในไก่กระทง
สามารถสรุปได้ว่า ไก่กระทงที่กินอาหารที่ใช้มันสำปะหลังเป็นแหล่งพลังงานนั้น
มีภูมิคุ้มกันทั้งในส่วนของภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะเจาะจง (วัดจากการทำงานของเซลล์แมคโครฟาจ)
และภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะเจาะจง (วัดจากการเจริญของเซลล์ลิมโฟซัยท์
ชนิดที) ที่ดีกว่าไก่กระทงที่กินอาหารที่ใช้ข้าวโพดเป็นแหล่งพลังงาน
และนอกจากนี้ยังพบว่าไก่กระทงที่กินอาหารที่ใช้มันสำปะหลังเป็นแหล่งพลังงานนั้นมีปริมาณกลูทาไธโอนที่มากกว่าด้วย
ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่าสัตว์มีความเครียดน้อยกว่า และมีสุขภาพดีกว่า
ซึ่งก็เป็นผลมาจากในมันสำปะหลังมีปริมาณสารไซยาไนด์ในระดับต่ำ ๆ เช่นเดียวกับโคนม
|