โครงการศึกษาทบทวนโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ
Review of Suvarnbuhmi Airport Drainage System Study
วีระพล แต้สมบัติ
ภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

            กรมชลประทานได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาการระบายน้ำ และบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ จึงได้ทำการว่าจ้างสถาบันที่ปรึกษา ประกอบด้วย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินงานศึกษาสำรวจและออกแบบระดับ Tender Design โดยเน้นที่จะแก้ไขปัญหาการระบายน้ำและการจัดการน้ำหลากในพื้นที่บริเวณโดยรอบสนามบินเป็นอันดับแรก และการจัดการน้ำหลากในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างฝั่งตะวันออกเป็นแบบบูรณาการทั้งลุ่มน้ำ ประกอบด้วย

  1. การศึกษาสภาพน้ำหลากในบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างฝั่งตะวันออก (รวมลุ่มน้ำป่าสักตอนล่าง) โดยอาศัยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่เหมาะสม
  2. การศึกษาการจัดการน้ำหลากและการระบายน้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างฝั่งตะวันออก โดยเน้นพื้นที่โดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่เร่งด่วนที่จะต้องระบายน้ำออกให้ได้ทัน โดยไม่เกิดความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่
  3. การศึกษาการจัดการน้ำหลากจากบริเวณพื้นที่โดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ โดยการผันน้ำหลากบางส่วนไปทางด้านแม่น้ำบางปะกง และ/หรือขุดคลองผันน้ำใหม่ผ่านพื้นที่โครงการและออกสู่ทะเลโดยเร็ว
  4. การออกแบบระดับ Tender Design แนวทาง/มาตรการการจัดการน้ำหลากที่สำคัญเร่งด่วนที่เสนอจากผลการศึกษา
  5. การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นจาก แนวทาง/มาตรการ การจัดการน้ำหลากดังกล่าว พร้อมทั้งดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของราษฎรในพื้นที่ตั้งแต่เริ่มการศึกษาจนกระทั่งได้แนวทาง/มาตรการและในช่วงการออกแบบโครงการ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในทุกระยะการดำเนินการ

           ระยะเวลาดำเนินการ : เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 เดือนธันวาคม 2546 ถึงวันที่ 1 เดือนธันวาคม 2547

          สามารถสรุปแผนรวมในการแก้ไขปัญหาการระบายน้ำและบรรเทาอุทกภัย ออกเป็นแผนงาน 3 ระยะประกอบด้วยแผนเร่งด่วน แผนระยะสั้น และแผนระยะยาว ดังนี้

  1. แผนเร่งด่วน : เป็นมาตรการการจัดการน้ำหลากและการระบายน้ำในพื้นที่เร่งด่วนบริเวณโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ประกอบด้วย 2 มาตรการย่อย คือ การขุดคลองระบายน้ำสายใหม่ ช่วงตั้งแต่คลองสำโรง-ถึงชายทะเล พร้อมถนนคมนาคมทั้งสองด้านของคลอง มีอัตราสูบน้ำสูงสุด 100 ลบ.ม./วินาที และการติดตั้งระบบโทรมาตรอุทกวิทยา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำหลากและการทำงานของเครื่องสูบ โดยมีกรมชลประทานเป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เดือนธันวาคม 2548 ในระยะเวลาก่อสร้างรวม 26 เดือน
  2. แผนระยะสั้น : ประกอบด้วยพื้นที่เร่งด่วน เสนอให้ทำการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำของอาคารระบายน้ำบริเวณถนนบางนา-ตราด จำนวน 22 แห่ง โดยมีกรมทางหลวงร่วมกับกรมชลประทานเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ และปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำของคลองระบายน้ำจากถนนบางนา-ตราด จนถึงคลองสำโรง จำนวน 22 สาย โดยมีกรมชลประทานเป็นหน่วยงานรับผิดชอบสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวให้ใช้งบประมาณตามแผนงานปรับปรุงประจำปี
  3.                 ส่วนพื้นที่ นอกเขตพื้นที่เร่งด่วน ทำการปรับปรุงสภาพลำน้ำและระบบระบายน้ำเพื่อผันน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกงและอ่าวไทยตามแนวพระราชดำริ (2542) และพระราชหัตถเลขา (2544) โดยการเพิ่มขีดความสามารถของการระบายน้ำทางทุ่งฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วยงานก่อสร้าง และปรับปรุง ดังนี้
                   (1) งานขุดลอก/ปรับปรุงคลองระบายน้ำและอาคารตามแนวคลอง ประกอบด้วย คลองระพีพัฒน์ คลองระพีพัฒน์แยกใต้ คลอง 13 คลอง 14 คลอง 17 คลองบางขนาก คลองนครเนื่องเขต คลองหกวาสายล่าง คลองพระองค์ไชยานุชิต และคลองด่าน
                   (2) งานก่อสร้าง/ปรับปรุง แม่น้ำนอก ความยาวประมาณ 20 กิโลเมตร พร้อมอาคารประกอบ และสถานีสูบน้ำใหม่ เพื่อสูบน้ำออกสู่แม่น้ำนครนายกสูงสุด 50 ลบ.ม./วินาที
                   (3) งานปรับปรุงเพิ่มเติมเครื่องสูบน้ำและสถานีสูบน้ำที่ปตร.บางขนาก ปตน.สมบูรณ์ และปตร.ท่าไข่ ตลอดจนเร่งดำเนินการสถานีสูบน้ำที่ปตน.ชลหารพิจิตรที่กำลังก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

  4. แผนระยะยาว : เสนอให้มีการศึกษาศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองผันน้ำบางไทร-คลองด่าน-อ่าวไทย ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาผ่านทุ่งฝั่งตะวันออกและระบายน้ำลงทะเลที่อ่าวไทย และดำเนินการศึกษาแนวทางเลือกเพื่อเปรียบเทียบ ได้แก่ การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลาง การกำหนดและพัฒนาพื้นที่ชะลอน้ำท่วมและแก้มลิงขนาดใหญ่ในบริเวณพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะสามารถบรรเทาน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำทางตอนล่างได้ และสามารถเก็บกักไว้ ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้โดยมาตรการดังกล่าวจะต้องมีการศึกษาทบทวนและเปรียบเทียบมาตรการอื่นๆ แบบบูรณาการทั้งลุ่มน้ำเจ้าพระยาก่อนที่จะดำเนิน การในลำดับต่อไป