ไหมได้รับฉายาว่าเป็น
ราชินีแห่งเส้นใย เส้นไยไหมที่นำมาใช้ทอผ้ามีคุณสมบัติยืดหยุ่น เป็นเงาวาว
ดูดซับน้ำได้ดี ระบายความชื้นได้ดี และดูดซับความร้อนได้ดีกว่าผ้าฝ้าย
นอกจากผ้าไหมแล้ว ดักแด้นำมาประกอบอาหาร รังไหมนำมาประดิษฐ์เป็นของที่ระลึก
ยังมีอุตสาหกรรมครัวเรือนที่ผลิตชาใบหม่อน หรือนำหม่อนและรังไหมมาประดิษฐ์เป็นของที่ระลึกสวยงามไม่แพ้ผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้สารสกัดจากหม่อนและไหม ยังมีประโยชน์อื่นๆ ในด้านสุขภาพและผิวพรรณผ้าไหมไทยมีสีสัน
และลวดลายอันงดงาม มีความเป็นเอกลักษณ์ที่สื่อ ถึงวัฒนธรรมของชาวไทย
ไหมไทยจึงโดดเด่นและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก
งานวิจัยด้านหม่อน
กลุ่มวิจัยชีวเคมีเทคโนโลยีหม่อนไหม
(Biochemical Technology of Mulberry and Silkworm Research Group,
BTMS) ได้สกัดสารจากหม่อนแล้วศึกษาคุณสมบัติในห้องทดลองวิทยาศาสตร์
พบว่ามีฤทธิ์ต้านการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย ต้านอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์
ต้านไวรัสและมีฤทธิ์ต้านการกลายพันธุ์ของแบคทีเรีย

คณะผู้วิจัยได้สกัดและศึกษาคุณสมบัติของเลคตินจากใบหม่อน
พบว่ามีฤทธิ์ต้านการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย Pseudomonas syringae pv.
mori ซึ่งก่อโรคใบไหม้ในหม่อน นอกจากนี้ยังได้โคลนยีนเลคตินจากหม่อน
และได้ทำการศึกษาโครงสร้างสามมิติของเลคติน ซึ่งจะนำไปใช้ในการสังเคราะห์เลคตินเพื่อให้ได้ปริมาณสูงๆ
แทนการสกัดซึ่งจะได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
งานวิจัยด้านไหม
รังไหมประกอบด้วยโปรตีนไฟโบรอิน
70-80% และโปรตีนเซอริซิน 20-30% ซึ่งไฟโบรอิน 2 สายถูกหุ้มด้วยกาวเซอริซินซึ่งจะถูกกำจัดทิ้งในกระบวนการลอกกาวไหม
ผงไหมจึงมี 2 ชนิดคือผงไหมเซอริซิน และผงไหมไฟโบรอิน ผงไหมช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น
มีสารทำให้หน้าขาว มีคุณสมบัติลดน้ำตาลและโคเลสเตอรอลในเลือด จึงใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเพื่อสุขภาพและเครื่องสำอาง
ปัจจุบันมีการนำไฟโบรอินมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง
ทั้งในรูปของเหลวและผง โดยเครื่องสำอางที่เป็นน้ำก็จะใช้สารสกัดในรูปของเหลวผสม
เครื่องสำอางที่อยู่ในรูปผงก็ใช้สารสกัดที่เป็นผง ซึ่งไฟโบร อินเป็นสารธรรมชาติ
จึงไม่มีการระคายเคืองผิว และยังรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดีด้วย
กลุ่มวิจัยฯ
ได้ทำการลอกกาวเซอริซินด้วยเอนไซม์ปาเปนจากยางมะละกอ เอนไซม์โบรมิเลนจากสัปรด
เอนไซม์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และเอนไซม์จากจุลินทรีย์จากธรรมชาติ
เพื่อทำการลอกกาวออกจากเส้นไหมให้เหมาะสมกับการทอผ้า นอกจากนี้ยังได้เซอริซินมีขนาดที่แน่นอน
สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทั้งทางการแพทย์และเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางอีกด้วย
ได้ศึกษาเอนไซม์จากน้ำย่อยของหนอนไหมพบว่าสามารถย่อยสลายพลาสติก
PLA และไฟโบรอินได้ ได้แยกเอนไซม์ให้บริสุทธิ์และอยู่ในระหว่างโคลนยีนเพื่อจะนำเอนไซม์ไปประยุกต์ใช้ต่อไป
คณะผู้วิจัยอยู่ในระหว่างการสร้างไหมข้ามพันธุ์
(Transgenic silkworm) และได้พัฒนาระบบการแสดงออกในเซลล์แมลง (BmNPV
expression system) เพื่อใช้เป็นโรงงานผลิตโปรตีนที่มีมูลค่าสูง เช่นผลิตโปรตีน
HIV-1 envelope glycoproteins และนอกจากนี้กำลังสร้างไหมข้ามพันธุ์เพื่อการต้านทานโรคต่างๆ
งานวิจัยด้านวัสดุเหลือทิ้งจากหม่อนไหม
ได้สกัดเลซิทินจากน้ำมันดักแด้และผีเสื้อของไหมพบว่ามีปริมาณสูงกว่าเลซิทินที่ผลิตอย่างเป็นการค้าจากถั่วเหลือง
เลซิทินที่ได้มีความบริสุทธิ์กว่าเลซิทินมาตรฐาน นอกจากนี้ยังดัดแปลงเลซิทินเพื่อใช้เป็นตัวละลายไขมันที่ดีขึ้น
เชื้อราขาวชนิด
Pleurotus ostreatus เป็นเชื้อราที่ผลิตเห็ดนางรมสีเทาเหลือทิ้งมีความสามารถในการกำจัดสีย้อมและโลหะหนักที่ใช้ในการย้อมเส้นไหม
หรือผ้าไหมได้มากกว่า 85 % และสามารถดูดซับโลหะ Cu และ Cr ได้ 15
31 % มีศักยภาพที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในการบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากการย้อมผ้าไหมได้
งานวิจัยด้านด้านสังเคม:
การพัฒนาระบบวิเคราะห์และแนะนำผ้าไหมไทย
กลุ่มวิจัยฯ
ได้ทำการพัฒนาระบบวิเคราะห์และแนะนำผ้าไหมไทยขึ้นเป็นครั้งแรกในวงการหม่อนไหมโดยใช้หลักของ
Naiive-Bayes Algorithm โดยสร้างแบบสอบถาม ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อผ้าไหมไทยและผลิตภัณฑ์ไหมไทย
และสอบถามผู้บริโภคผ่านทางเวปไซด์ของมก. ที่ url: http://biochem.sci.ku.ac.th/silk
แบบสอบถามมี 4 ภาษา คือภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาญี่ปุ่น
ระบบวิเคราะห์ผ้าไหมสามารถรวบรวมข้อมูล เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอในขณะที่ระบบแนะนำผ้าไหมจะทำนายและแนะนำเกี่ยวกับลวดลายผ้าไหมให้แก่ผู้ตอบแบบสอบถามที่เข้ามาในระบบโดยประมวลจากข้อมูลในระบบวิเคราะห์ผ้าไหม
ระบบวิเคราะห์และแนะนำผ้าไหมไทยนี้จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจการผลิตผ้าไหมไทยให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติ
|