การปรับปรุงพันธุ์คำฝอย : การปลูกและการผลิตชาคำฝอย
วาสนา วงษ์ใหญ่ และ อัญชุลี คชชา
ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

           คำฝอยเป็นพืชไร่ที่ปลูกเพื่อนำเมล็ดไปสกัดน้ำมัน น้ำมันคำฝอยมีคุณภาพดีเหมาะแก่การบริโภค เนื่องจากมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวอยู่ประมาณ 72-85 % นอกจากนี้น้ำมันคำฝอยยังนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องสำอาง น้ำมันขัดเงา และไบโอดีเซล เป็นต้น กากเมล็ดที่เหลือจากการสกัดน้ำมันจะมีโปรตีนสูง ใช้เป็นอาหารสัตว์หรือทำปุ๋ยนอกจากนี้กลีบดอกที่ตากแห้งนำมาใช้เป็นชาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือด ลดความดันโลหิต และช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดี

           สำหรับประเทศไทย ได้เคยมีการส่งเสริมให้ปลูกคำฝอยแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากพันธุ์คำฝอยที่ส่งเสริมให้ปลูกนั้นเป็นพันธุ์ที่มีหนามที่ใบ และที่กลีบเลี้ยงรองดอก ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเข้าไปปฎิบัติงานในแปลงปลูก และการเก็บเกี่ยวโดยเฉพาะการเก็บกลีบดอก

            โครงการปรับปรุงพันธุ์คำฝอยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แนะนำคำฝอยไร้หนามพันธุ์พานทอง แก่เกษตรกร ในปี พ.ศ.2542ซึ่งให้ผลผลิตเมล็ด และกลีบดอกอยู่ในระดับดี และมีเปอร์เซ็นต์กรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง

การปลูกคำฝอย

           ในพื้นที่อาศัยน้ำฝนเวลาที่เหมาะสมคือ ประมาณกลางเดือนกันยายนถ้ามีน้ำชลประทานสามารถปลูกได้ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งดินยังมีความชื้นเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของคำฝอย และการตากกลีบดอกคำฝอยก็จะไม่มีฝน ถ้าในพื้นที่ที่มีน้ำชลประทานสามารถปลูกได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมกราคม
การเตรียมดิน

           ควรไถอย่างน้อย1-2 ครั้ง แล้วพรวน คำฝอยเป็นพืชที่มีรากลึก การใช้ไถซี่ หรือไถดินให้ลึกจะช่วยให้รากคำฝอยเจริญเติบโตได้ดี


วิธีการปลูก

           การปลูกคำฝอยมี 2 วิธี คือปลูกแบบหว่าน และปลูกเป็นแถว ปลูกแบบหว่านใช้เมล็ด 2.5-3 กก./ไร่ ปลูกเป็นแถวใช้เมล็ด 1.5-2 กก./ไร่ใช้ระยะปลูกระหว่างแถว 30- 50 เซนติเมตร ระยะระหว่างต้นประมาณ 20 เซนติเมตร จำนวน1 ต้น/หลุม สำหรับการปลูกเพื่อเก็บกลีบดอกควรใช้ระยะปลูก 30x20 เซนติเมตร หรือ30x25 เซนติเมตร โดยปลูกคำฝอย 5 แถว และเว้น 1 แถวเพื่อสะดวกในการเข้าไปเก็บกลีบดอก


การใส่ปุ๋ย

            ใช้ปุ๋ยสูตรผสม 16-20-0 หรือ 15-15-15 ก่อนปลูก อัตรา 20-30 กก./ไร่

การควบคุมวัชพืช

             เมื่อปลูกคำฝอยแล้วใช้สารคุมวัชพืช ใช้อะลาคลอร์อัตรา 320 กรัม สารออกฤทธิ์ต่อไร่ฉีดพ่นในแปลง สำหรับการกำจัดวัชพืชโดยใช้รถไถพรวน หรือ แรงงานคน ควรทำประมาณ 2 ครั้ง เมื่อปลูกคำฝอยได้ 1 เดือน และอีกครั้งเมื่อวัชพืชขึ้นหนาแน่น

การเก็บเกี่ยว

             คำฝอยเมื่อสุกแก่เมล็ดจะไม่ร่วง ระยะเวลาที่เหมาะสมแก่การเก็บเกี่ยวเมล็ดคือ ประมาณ 30 วัน หลังจากดอกบานหมดแล้ว ตัดคำฝอยทั้งต้น โดยใช้แรงงานคน หรือใช้เครื่องเก็บเกี่ยว ถั่วเหลือง งา หรือข้าวก็ได้ แล้วนำไปใส่ถุงผ้าใช้ไม้ทุบเพื่อให้เมล็ดร่วง หรือจะใช้เครื่องนวดถั่วเหลืองกะเทาะเมล็ดออกก็ได้ จากนั้นทำความสะอาดฝุ่น และเศษผงออก

การเก็บกลีบดอก

            การเก็บเกี่ยวกลีบดอกจะเก็บหลังจากดอกบาน และผสมพันธุ์แล้ว สังเกตได้จากกลีบดอกจะมีสีแดงเข้ม หรือสีส้ม และกลีบดอกวงแรกสลดลงส่วนกลีบดอกวงที่สองบานเต็มที่แล้ว การเก็บกลีบดอกควรเก็บตอนเช้า หรือตอนบ่ายที่มีแสงแดดไม่ร้อนจัด การเก็บควรเก็บทุกๆ 2-3 วัน ต่อจากนั้นนำกลีบดอกมาตากแห้งประมาณ 3 วันหรือผึ่งลมประมาณ 7วัน กลีบดอกจะแห้งพร้อมที่จะเก็บไว้ใช้ต่อไป ถ้ามีตู้อบควรนำกลีบดอกแห้งเข้าอบที่อุณหภูมิ 400 C ประมาณ 2ชั่วโมง วิธีนี้จะช่วยให้เก็บกลีบดอกได้นาน และทำให้กลีบดอกมีกลิ่นหอม

ข้อควรระวัง

           ห้ามนำกลีบดอกสดมาอบให้แห้งด้วยตู้อบเพราะจะทำให้กลีบดอกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองคล้ำไม่เป็นสีส้มแดง

ลักษณะคำฝอยไร้หนามพันธุ์พานทอง

อายุวันออกดอก 68 วัน
ความสูง 100 เซนติเมตร
จำนวนช่อดอกต่อต้น 40 ช่อดอก
เมล็ดต่อช่อดอก 16-18 เมล็ด
ผลผลิตเมล็ด 138 กก./ไร่
น้ำหนัก 100 เมล็ด 4.13 กรัม
ผลผลิตกลีบดอกแห้ง 8-10 กก./ไร่
ปริมาณน้ำมัน 27.13 เปอร์เซ็นต์

เปอร์เซ็นต์กรดไขมันในคำฝอยพันธุ์พานทอง

กรดไขมันไม่อิ่มตัวทั้งหมด
(UNSATURATED FATTY ACID)
90.85%
กรดโอลิอิก (OLEIC CID)
14.48%
กรดลิโนลิอิก (LINOLEIC ACID)
75.91%
กรดลิโนลินิก (LINOLENIC ACID)
0.46%
กรดไขมันอิ่มตัวทั้งหมด
(SATURATED FATTY ACID)
9.15%
กรดปาล์มมิติก (PALMITIC ACID)
6.94%
กรดสเตียริก (STEARIC ACID)
2.21%