|             
              หอยมุกน้ำจืด จัดเป็นหอยกาบน้ำจืดชนิดหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นสัตว์น้ำที่มีคุณค่าของไทย 
              เนื่องจากสามารถผลิตไข่มุกน้ำจืดได้ จากลักษณะของเปลือกที่มีความแวววาวสามารถทำประโยชน์ได้หลากหลายเช่น 
              เครื่องเรือนประดับมุก เครื่องประดับ เครื่องใช้ภายในครัว และของที่ระลึก 
              หอยชนิดที่มีเปลือกหนาสามารถทำเป็นนิวเคลียสเพื่อทำแกนสำหรับผลิตไข่มุกแบบมีแกนในหอยมุกทะเล 
              ส่วนของเนื้อสามารถใช้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์และสัตว์ได้ นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการบำบัดน้ำ 
              โดยช่วยกรองตะกอนทำให้น้ำใส และช่วยย่อยสารอินทรีย์ให้มีขนาดเล็กลง 
              ซึ่งทำให้ผู้ย่อยสลายสามารถย่อยสารอินทรีย์ได้ง่ายขึ้น 
                       
              ปัจจุบันจำนวนหอยลดลงและบางชนิดกำลังใกล้จะสูญพันธุ์ 
              เนื่องจากสาเหตุหลายประการ เช่น การเก็บหอยขึ้นมาจำนวนมากโดยไม่คำนึงถึงการอนุรักษ์ 
              สภาพแวดล้อมในแหล่งน้ำมีสภาพเสื่อมลง จากที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นถึงประโยชน์ของหอยมุกน้ำจืด 
              ดังนั้นการเพาะเลี้ยงหอยมุกน้ำจืดนับว่ามีความสำคัญ เพื่อจะได้เป็นการอนุรักษ์ 
              ส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากเปลือกหอยในเชิงเศรษฐกิจ และการเพาะเลี้ยงไข่มุกน้ำจืดซึ่งจะเป็นแนวทางในอุตสาหกรรมการผลิตยา 
              เครื่องสำอาง เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและเกิดการสร้างอาชีพรวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร 
              นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาหารโปรตีนสูงอีกด้วย  
             การเพาะเลี้ยงหอยมุกน้ำจืดมี 
              3 ขั้นตอน คือ การเลี้ยงหอยระยะโกลคิเดีย ระยะจูวีไนล์ และระยะตัวเต็มวัย 
                
             1. การเลี้ยงหอยระยะโกลคิเดีย 
              วงจรชีวิตของหอยระยะนี้เป็นปรสิตกับปลา การเลี้ยงส่วนใหญ่จะเลียนแบบธรรมชาติโดยนำเอาปลาที่เป็นโฮสต์มาใส่รวมกันกับแม่หอยที่มีโกลคิเดียที่แก่เต็มที่ 
              โกลคิเดียจะออกจากแม่หอยมาเกาะบริเวณเหงือก ครีบ และบริเวณลำตัวของปลา 
              หลังจากนั้นโกลคิเดียจะพัฒนาไปเป็นหอยระยะจูวีไนล์ แต่ปัจจุบันนี้สามารถเพาะเลี้ยงโกลคิเดียของหอยมุกน้ำจืดในอาหารสังเคราะห์ 
              โดยนำโกลคิเดียมาเลี้ยงในตู้ควบคุมอุณหภูมิต่ำ (23?2 ?C) พร้อมให้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 
              5% อาหารที่ใช้เลี้ยงโกลคิเดียมีส่วนผสมของ M199 พลาสมาปลา ยาปฎิชีวนะ 
              และยาป้องกันเชื้อรา พบว่ามีหอยมุกน้ำจืดและหอยกาบน้ำจืดหลายชนิดที่สามารถเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ได้ 
              (Kovitvadhi et al. 2001; อุทัยวรรณ และสาธิต, 2545) การเลี้ยงโกลคิเดียในอาหารสังเคราะห์จะสะดวกกว่าการเลี้ยงเลียนแบบธรรมชาติ 
              เพราะไม่มีปัญหาการปนเปื้อนจากแบคทีเรีย เชื้อรา และ โปรโตซัว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หอยระยะจูวีไนล์ตายเป็นจำนวนมาก 
              การรอดตายและการเปลี่ยนแปลงจากโกลคิเดียไปเป็นจูวีไนล์สูงถึง 80-96 
              เปอร์เซ็นต์ ระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลงจากโกลคิเดียไปเป็นจูวีไนล์ของหอยแต่ละชนิดใช้เวลาน้อยกว่าการเลี้ยงเลียนแบบธรรมชาติอยู่ระหว่าง 
              9-12 วัน 
             2. การเลี้ยงหอยระยะจูวีไนล์ 
              ปัจจุบันสามารถเลี้ยงหอยมุกน้ำจืดระยะจูวีไนล์ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ได้หลายชนิด 
              โดยหอยระยะจูวีไนล์อายุ 1-90 วัน จะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ อาหารที่ใช้เลี้ยงเป็นสาหร่ายสีเขียวเซลล์เดียวได้แก่ 
              Chlorella sp. Kirchneriella incuvata มีการรอดตาย 40-70 เปอร์เซ็นต์ 
              และจูวีไนล์ 90 จนถึงระยะก่อนสร้างเซลล์สืบพันธุ์ โดยเลี้ยงที่แหล่งน้ำธรรมชาติ 
              พร้อมได้รับอาหารจากแหล่งน้ำดังกล่าว มีการรอดตาย 80-100 เปอร์เซ็นต์ 
              (สาธิต และคณะ, 2547; 2548) 
             3. การเลี้ยงหอยกาบน้ำจืดระยะตัวเต็มวัย 
              การเลี้ยงหอยระยะตัวเต็มวัยจะง่ายกว่าระยะอื่นๆ โดยเลี้ยงที่แหล่งน้ำธรรมชาติ 
              พร้อมได้รับอาหารจากแหล่งน้ำดังกล่าว ปัจจุบันสามารถเลี้ยงได้หลายชนิด 
              เพราะหอยระยะนี้จะมีความอดทนสูง พบว่าการเจริญเติบโตของหอยจะขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณแพลงก์ตอนพืช 
              คุณภาพของแหล่งน้ำ และรูปแบบของภาชนะที่เลี้ยง มีการรอดตาย 100 เปอร์เซ็นต์ 
              (อุทัยวรรณ และคณะ, 2544 ) 
              
               
              
             
               
  |