การระเบิดวัตถุดิบด้วยไอน้ำ
เป็นเทคนิคการใช้ไอน้ำที่มีอุณหภูมิสูงและความดันสูงในการใช้ช่วงระยะเวลาสั้น
มาสำหรับแยกวัสดุ เพื่อประโยชน์สำหรับอุตสาหกรรมแผ่นไม้ประกอบ กระดาษ เซลลูโลส
เอทานอล และเฟอร์ฟูรอล ซึ่งเครื่องระเบิดไอน้ำนั้น สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร
ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยองค์การความร่วมมือนานาชาติแห่งญี่ปุ่น
ภายใต้โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ผลิตผลทางการเกษตรและป่าไม้ในประเทศไทย
เมื่อปี 2541 สำหรับการผลิตเยื่อในอุตสาหกรรมแผ่นไม้ประกอบ ขณะนี้เครื่องนี้ตั้งอยู่ที่โรงงานต้นแบบเยื่อและกระดาษ
โดยอยู่ในความรับผิดชอบของงานเทคโนโลยีเยื่อและกระดาษ ฝ่ายเทคโนโลยีเส้นใยธรรมชาติ
จึงทำการทดลองนำมาใช้ประโยชน์ในการผลิตเยื่อกระดาษจากลำไม้ไผ่ โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการทราบศักยภาพของเยื่อในคุณสมบัติทางกายภาพ
เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตเยื่อโดยกรรมวิธีคราฟท์ รวมทั้งการฟอกแบบปราศจากคลอรีน
(TCF) และแบบปราศจากคลอรีนมูลฐาน (ECF)
วิธีการ
เตรียมชิ้นไม้ไผ่ขนาด 3/8 5/8 นิ้ว
นำไปทำการระเบิดด้วยเครื่องระเบิดไอน้ำ แยกเอาเฉพาะส่วนที่เป็นเยื่อ บดให้มีความเป็นอิสระของเยื่อ
300 มิลลิลิตร ขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์กระดาษ แล้วนำมาทดสอบคุณภาพ โดยการเปรียบเทียบกับกระดาษคราฟท์
ที่มีสภาวะ ซัลฟิดิตี้ 25% เอคทีฟแอลกาไลน์ 19% อัตราส่วนของเหลวต่อวัตถุดิบ
4:1 อุณหภูมิ 165 oC เป็นเวลา 3 ชั่วโมง นอกจากนั้นจะทำการฟอกเยื่อสำหรับผลิตภัณฑ์ฟอกขาว
ภาพ
กระบวนการผลิตเยื่อโดยการระเบิดด้วยไอน้ำเปรียบเทียบกับเยื่อคราฟท์
ผลการทดลอง
Table Comparison of physical properties of bamboo pulp at 300 ml CSF
Items |
Processes |
Stream explosion process |
Stream explosion |
Kraft |
TCF |
ECF |
PFI mill (round) |
2,365 |
11,280 |
1,500 |
2,133 |
Density (g/ m3) |
0.38 |
0.50 |
0.41 |
0.44 |
Brightness (%) |
25.01 |
27.77 |
41.80 |
81.45 |
Burst index (KPa.m2/g) |
1.40 |
4.69 |
1.21 |
1.24 |
Tear index (mN.m2/g) |
5.46 |
7.57 |
7.56 |
7.31 |
Tensile index (N.m/g) |
21.98 |
58.55 |
20.86 |
21.76 |
Stretch (%) |
1.30 |
2.47 |
1.25 |
1.29 |
Folding endurance |
4.46 |
572.31 |
3.40 |
3.09 |
สรุปผล
ลำไม้ไผ่มีความยาวเส้นใยอยู่ระหว่างเยื่อใยสั้น
และเยื่อใยยาว เท่ากับ 2.02 mm ความกว้างเส้นใยน้อยเท่ากับ 186 µm
และผนังเซลล์บาง เท่ากับ 58 µm ทำให้เส้นใยประสานกันได้ดี มีองค์ประกอบทางเคมีของเนื้อไม้ไผ่
โดยเฉพาะลิกนินมีเพียง 22.49% ส่วนเซลลูโลสค่อนข้างสูงถึง 57.91% จึงเหมาะสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเยื่อ
ในการต้มเยื่อโดยกรรมวิธีระเบิดด้วยไอน้ำได้ส่วนที่ไม่เป็นเยื่อน้อยสุด 3.78%
ที่ความดันไอ 15 kg/cm2 อุณหภูมิ 219 oC เป็นเวลาเพียง 5 นาที ได้ส่วนที่เป็นเยื่อ
41.90% เมื่อนำมาเปรียบทียบคุณสมบัติทางกายภาพกับเยื่อคราฟท์ที่ระดับความเป็นอิสระของเยื่อ
300 ml พบว่า เยื่อคราฟท์สูงกว่าเยื่อระเบิดทุกด้าน และเป็นคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์ที่ดีของเยื่อคราฟท์ทั่วไป
แต่คุณสมบัติของเยื่อระเบิดก็พอเทียบได้กับเยื่อเชิงกล ส่วนการเปรียบเทียบคุณสมบัติทางกายภาพของเยื่อระเบิดที่ฟอกแบบ
TCF และแบบ ECF พบว่าเยื่อฟอก ECF มีความขาวสว่างสูงกว่าเยื่อฟอก TCF มาก
และการฟอกเยื่อไม่มีผลต่อคุณสมบัติทางกายภาพของเยื่อ จึงทำให้ทราบว่าการทดลองครั้งนี้
เยื่อคราฟท์จากไม้ไผ่มีคุณสมบัติทางกายภาพอยู่ในช่วงเยื่อคราฟท์ทั่วไป เหมาะสมสำหรับใช้ผลิตกระดาษห่อของได้ดี
และเยื่อระเบิดจากไม้ไผ่มีผลผลผลิตค่อนข้างดี และมีคุณสมบัติทางกายภาพอยู่ในระดับเดียวกับเยื่อเชิงกลเหมาะสำหรับทำกระดาษหนังสือพิมพ์
หรือผสมกับเยื่อใยยาวเพื่อทำกระดาษชนิดต่างๆ นอกจากนั้นคุณสมบัติเยื่อที่ได้อาจจะนำเยื่อไปทดลองผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในการแปรรูปเป็นภาชนะใส่อาหาร
หรือเคลือบด้วยพลาสติก เพื่อทำกระดาษห่อของโดยการนำมาเติมสารพวกสารเติมแต่งลงในเยื่อก่อน
ซึ่งอาจจะทำการทดลองต่อไป
|