ขมิ้นชัน นับเป็นพืชสมุนไพรที่คนไทยรู้จักดีพืชหนึ่ง
เพราะได้มีการใช้อย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในส่วนของเหง้า มีการนำไปใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร
และเป็นยาแผนโบราณ นอกจากนั้นยังมีการผสมลงในเครื่องสำอางบางประเภท เนื่องจากขมิ้นชันเป็นพืชที่ปลูกง่ายในทุกพื้นที่ของประเทศ
จึงมีการปลูกเป็นการค้าอยู่หลายแห่ง
เมื่อเร็วๆ นี้ ขมิ้นชันได้รับความสนใจมากเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ข่าวว่าสาร
Tetrahydrocurcuminoids หรือ THCs เป็นสารที่ใช้ผสมในเครื่องสำอางชนิดครีมที่เรียกว่า
ครีมหน้าเด้ง โดยสารนี้มีคุณสมบัติออกฤทธิ์สูงในการต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ
และปัจจุบันนี้ในต่างประเทศได้มีการผสมสาร THCs ในเครื่องสำอาง จึงทำให้บริษัทเครื่องสำอางหลายๆ
แห่งในประเทศไทยสนใจที่จะนำ THCs มาผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
THCs เป็นสารที่ผลิตได้จากการทำปฏิกิริยาเคมีของสารเคอร์คิวมินอยด์
(Curcuminoids) ที่แยกได้จากเหง้า ขมิ้นชัน ปัจจุบัน THCs ที่ใช้อยู่จะนำเข้าจากต่างประเทศ
ซึ่งขณะนี้งานวิจัยการผลิต THCs ได้มีการดำเนินงานอยู่ในหน่วยปฏิบัติการ
NPOS ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยสามารถจะพัฒนาไปสู่การผลิตในระบบอุตสาหกรรม
เพื่อผลิตสาร THCs ให้ได้ตามความต้องการของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
ขมิ้นชัน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma Longa Linn วงศ์ Zingiberaceae
ชื่อสามัญ : Turmeric,
Curcuma, ขมิ้น ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก ขมิ้นหัว ขี้มิ้น ตายอ สะยอ หมิ้น
ส่วนที่ใช้ประโยชน์ : เหง้าสดและแห้ง
สรรพคุณ : แก้ท้องเสีย
แก้แน่นจุกเสียด รักษาโรคกระเพาะอาหาร ภายนอกใช้รักษาแผลเรื้อรังและแผลสด
การกระจายพันธุ์ : ขมิ้นชันเป็นไม้ล้มลุกมีเหง้าใต้ดินเนื้อในสีเหลืองอมส้มกระจายพันธุ์อยู่ทั่วโลก
ในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนหรือร้อนชื้น แหล่งปลูกขมิ้นชันเป็นการค้าขนาดใหญ่ของโลกคือ
อินเดีย
การปลูก : ขมิ้นชันขยายพันธุ์โดยใช้เหง้า
เจริญเติบโตได้ดีทั้งในที่โล่งแจ้งหรือแสงรำไร ชอบอากาศร้อนชื้น ดินร่วนปนทราย
มีการระบายน้ำดี
ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณสารในขมิ้นชัน :
-
อายุการเก็บเกี่ยว - แสงสว่าง - สภาพอากาศ - น้ำ
-
พื้นที่ปลูก - อุณหภูมิ - สภาพแวดล้อมในแปลง
สารสำคัญในขมิ้นชัน
1.Volatile oil 3-4 % ประกอบด้วย Turmerone
และ Zingiberene
2.สารกลุ่ม curcuminoids 3-8 % ประกอบด้วย
3.Curcumin
4.Demethoxycurcumin
5.Bisdemethoxycurcumin
6.สารกลุ่มอื่นๆ เช่น Monoterpenes
,Sesquiterpenes และ Alkaloids เป็นต้น
การออกฤทธิ์ทางชีววิทยา
สารในขมิ้นชัน |
สรรพคุณ |
1. น้ำมันขมิ้นชัน |
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย
- ต้านเชื้อรา |
2. สารสกัดหยาบ |
- ต้านอนุมูลอิสระ
- ต้านการอักเสบ
- ต้านเชื้อรา
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย
- ให้ผลเพิ่มภูมิคุมกันในไก่ได้ผลดีกว่าการใช้ยาปฏิชีวนะต้านเชื้อเอดส์ |
3. Curcuminoids |
- ต้านอนุมูลอิสระ
- ต้านการอักเสบ
- ป้องกันรังสี UV-B
- ต้านมะเร็ง
- ต้านเชื้อเอดส์
- รักษาโรคกระเพาะ |
4.Tetrahydrocurcuminoids
(ออกฤทธิ์สูงกว่าCurcuminoids) |
- ต้านอนุมูลอิสระ
- ต้านการอักเสบ |
ความเป็นพิษ
ได้ทดสอบทั้งพิษเฉียบพลัน และพิษกึ่งเรื้อรัง พบว่ามีความปลอดภัยสูง
1. พิษเฉียบพลัน
- ให้หนูถีบจักรกินผงขมิ้นชันทางปากในขนาด
10-15 กรัมน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (ก./กก.) ไม่แสดงอาการพิษใดๆ
- เมื่อให้สารสกัดของขมิ้นชันด้วย 50%แอลกอฮอล์โดยวิธีป้อนทางปากฉีดเข้าใต้ผิวหนังและทางช่อง
ท้องในขนาด 15 กรัมต่อกิโลกรัม ไม่ทำให้เกิดอาการพิษเฉียบพลัน และหนูไม่ตาย
- LD50 > 15 ก./กก.
2. พิษกึ่งเรื้อรัง
- ให้หนูขาวกินทางปากในขนาด 0.03, 2.5
และ5.0 ก./กก./วัน เป็นเวลา 6 เดือน พบว่าไม่ทำให้เกิด อาการพิษใดๆรวมทั้งไม่มีผลต่อค่าทางโลหิตวิทยาหรือค่าเคมีคลินิก
งานวิจัยขมิ้นชันของหน่วยปฏิบัติการ NPOS
1. ศึกษาผลของสายพันธุ์และแหล่งปลูกต่อการผลิตสาร
Curcuminoids ในขมิ้นชัน โดยนำขมิ้นชันจากแหล่งพันธุ์ต่างๆ มาปลูก ณ จังหวัดตากและจังหวัดตรัง
พบว่าแหล่งปลูกมีผลมากกว่าสายพันธุ์ในการผลิต สาร Curcuminoids
2. วิจัยและพัฒนาวีธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในสกัดและแยก
สาร Curcuminoids
3. วิจัยและพัฒนาสภาวะที่เหมาะสมในการสังเคราะห์
สาร Tetrahydrocurcuminoids จากสาร Curcuminoids ที่แยกได้จากขมิ้นชันในเชิงอุตสาหกรรม
4. พัฒนาสารที่ได้แต่ละขั้นตอนของการสกัด
มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น ครีมบำรุงผิว สบู่ขมิ้นชัน โลชันบำรุงผิว
5. พัฒนาเครื่องมือสำหรับการสกัดและแยกสาร
Curcuminoidsเพื่อนำไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรม
6. นำสารสกัดขมิ้นชันผสมในอาหารไก่
เพื่อศึกษาการเพิ่มภูมิคุ้มกันในไก่
7. นำสารสกัดขมิ้นชันผสมในอาหารกุ้ง
เพื่อศึกษาการเพิ่มภูมิคุ้มกันในกุ้ง |