1. ความหลากหลายทางพันธุกรรมของหอยเชลล์
Chlamys senatoris ในประเทศไทย
หอยเชลล์มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและมีศักยภาพในการเลี้ยง
การเลี้ยงหอยเชลล์ต้องทำในทะเล อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนทางพันธุกรรม ข้อมูลความหลากหลายทางพันธุกรรมจะช่วยให้สามารถกำหนดประชากรที่จะนำมาทำการเพาะเลี้ยงได้โดยไม่เกิดการปนเปื้อนทางพันธุกรรม
และเป็นข้อมูลพื้นฐานติดตามการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดจากสิ่งแวดล้อมและการทำการประมงต่อไป
วิธีการศึกษา
เครื่องหมายพันธุกรรมที่ใช้ศึกษา คือ
ไมโตคอนเดรียลดีเอ็นเอ โดยศึกษาความหลากหลายของลำดับนิวคลีโอไทด์ในส่วนของ
16S rRNA จำนวน 522 bp
ผลการศึกษา
ประชากร |
จำนวนตัวอย่าง |
จำนวน haplotype |
nucleotide diversity |
จ.ชลบุรี |
27 |
4 |
0.0004 |
จ.ประจวบคีรีขันธ์ |
40 |
7 |
0.0007 |
จ.ภูเก็ต |
40 |
6 |
0.0006 |
หอยเชลล์ทั้ง 3 ประชากร
มีความแตกต่างทางพันธุกรรม โดยประชากรจังหวัดชลบุรีและประจวบคีรีขันธ์ มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยแต่มีนัยสำคัญทางสถิติ
ประชากรฝั่งอ่าวไทยและ อันดามันมีความแตกต่างทางพันธุกรรมอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ควรนำหอยเชลล์จากท้องที่หนึ่งไปเลี้ยงในอีกท้องที่หนึ่ง
นอกจากจะทำให้หอยเชลล์เหล่านั้นเป็นหมันเสียก่อน
ประชากรทุกประชากรมีความหลากหลายทางพันธุกรรมภายในประชากรค่อนข้างต่ำ ซึ่งอาจหมายถึงมี
พ่อแม่พันธุ์จำนวนไม่มากนัก
2. การทดลองเลี้ยงหอยเชลล์
การเลี้ยงหอยเชลล์ หากสามารถพัฒนาวิธีการให้สามารถเลี้ยงได้ผลดี
จะเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพของเกษตรกรได้อย่างดี การเลี้ยงหอยเชลล์ มีการทำแพร่หลายในต่างประเทศ
เช่น ญี่ปุ่น ชิลี แคนาดา แต่ในประเทศไทยนั้น ยังไม่มีเทคโนโลยีดังกล่าว
วิธีการศึกษา
ใช้วิธีการเลี้ยงแบบ lantern net บริเวณอ่าวศรีราชา
จ.ชลบุรี ทดลองเลี้ยงที่ 2 ระดับความลึก (1 และ 3 เมตร) และความหนาแน่น 10,
20, 30, 40 และ 50 ตัวต่อชั้นการเลี้ยง เลี้ยงนาน 6 เดือน
ผลการศึกษา
หอยเชลล์มีการเจริญเติบโตทางด้านความยาวเฉลี่ย
ความกว้างเฉลี่ย ความหนาเฉลี่ยและน้ำหนักเฉลี่ยที่ไม่แตกต่างกันตลอดช่วงการเลี้ยง
และมีอัตราการรอดตายเฉลี่ยถึง 81.2-82.27% ในเดือนที่ 4 แต่หลังจากนั้นก็จะมีอัตราการรอดตายเฉลี่ยลดลงอย่างรวดเร็ว
ในเดือนที่ 5 และเหลือปริมาณหอยเชลล์จากการเลี้ยงที่น้อยมากในเดือนที่ 6
ของการเลี้ยง น่าจะเป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกและภายในที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงหอยเชลล์ดังกล่าว
ซึ่งจะมีการศึกษาและทดลองเพิ่มเติมต่อไป

|